"อานนท์" พ้นเรือนจำ ยันเดินหน้าสู้ต่อไปตามวิถีประชาธิปไตย เชื่อเมล็ดพันธุ์ที่หว่านกัน 2-3 ปีนี้ทั่วถึง รอวันผลิบานเท่านั้น ลั่น ไม่ทิ้ง "ทะลุฟ้า ทะลุแก๊ส อีก 5 คน" ที่ยังถูกขัง
วันนี้(28 ก.พ. 65) ตามที่เวลา 16.00 ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว"อานนท์ นำภา มีกำหนด 3 เดือน (ถึงวันที่ 28 พ.ค. 65) หลักประกันรวม 300,000 บาท กำหนดเงื่อนไข 8 ข้อ ทั้งห้ามแสดงออกที่เสื่อมเสีย ด้อยค่าสถาบันกษัตริย์สถาบันศาล ห้ามโพสต์ชวนคนร่วมชุมนุม หรือเข้าร่วมชุมนุมที่อาจก่อความวุ่นวาย รวมถึงติดกำไล EM และห้ามออกนอกบ้าน 19.00 – 06.00 น. นั้น
.
โดยบรรยากาศที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยพี่น้องประชาชนที่ทราบข่าวทยอยมาปักหลักรอรับและให้กำลังใจอย่างคึกคัก
.
กระทั่ง 19.00 น. ทนายอานนท์ ได้เดินออกมาจากเรือนจำพิเศษฯ พร้อมด้วยรอยยิ้มและชู 3 นิ้ว เป็นสัญลักษณ์ ท่ามกลางประชาชนที่มารอรับส่งเสียงชัยโยโห่ร้องด้วยความดีใจ
.
จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดยอานนท์ได้กล่าวว่า ขอบคุณพี่น้องที่มารอต้อนรับกัน ขอบคุณพี่น้องที่ช่วยเหลือในการประกันตัวอย่างท่วมท้น ขอบคุณเรือนจำที่ดูแลพวกเราอย่างดี ตราบใดที่บ้านเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตย เรือนจำก็เป็นเหมือนบ้านผู้ต้องขัง ขอบคุณศาลยุติธรรมที่อนุญาตให้ปล่อยตัวออกไปต่อสู้คดี ขณะนี้ยังมีเพื่อนอีกหลายคนที่ยังอยู่ด้านในที่ทางทีมทนายจะช่วยทำเรื่องประกันตัวต่อไป ขอบคุณสื่อมวลชนที่มาให้การต้อนรับ
.
ทนายอานนท์ ได้กล่าวต่อว่า ตนจะเคารพเงื่อนไขของศาลอย่างเคร่งครัดทุกข้อ อย่างไรก็ตาม ในการต่อสู้ก็จะเคารพมวลชนด้วย ดังนั้นหากมีกิจกรรมให้ตนเข้าร่วมเป็นผู้พูด ก็ยินดีทำหน้าที่ แต่ก็จะเคร่งครัดตามเงื่อนไขศาล
.
ทนายอานนท์ยังได้กลาวอีกว่า ช่วงเวลาที่อยู่ในเรือนจำ มีโอกาสได้ออกกำลังกายโดยมองภาพใบหน้าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไปด้วย กระโดดเชือกไปด้วย น้ำหนักจึงลดลงไป 7 กิโลกรัม
.
ด้านการเคลื่อนไหวต่อไป ตนมองว่าการต่อสู้เพื่อความเสมอภาคกลายเป็นพันธกิจของคนรุ่นใหม่แล้ว สังคมเก่าอาจตามไม่ทันในเรื่องของรูปแบบและวิธีคิด คงตื่นเต้น เดาไม่ถูก เพราะคนรุ่นใหม่พาขึ้นรถไฟเหาะไปแล้วเมื่อปี 2563 อานนท์กล่าว
.
ซึ่งหลังจากนี้ ออกไปก็จะทำงานทนายความที่เป็นหน้าที่หลัก โดยระบุว่า คดีพี่น้องเราเป็นพันคน หลายร้อยคดี หน้าที่อื่น ๆ ต่อขบวน
.
สำหรับวันนี้ต้องมุ่งไปสู่ชัยชนะของคนทั้งสังคม ไม่ใช่เพียงฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้น new normal ของคนรุ่นใหม่คือการต่อสู้
แม้อาจไม่ได้เห็นการต่อสู้ที่โลดโผน แต่หน้าหนาวก็ต้องหนาว หน้าฝน ฝนก็ต้องมา เมื่อถึงเวลาอันสมควรก็ต้องออกมาสู้ ไม่คิดว่าประยุทธ์จะอยู่ค้ำฟ้า สื่อมวลชนก็มีส่วนกระตุ้นให้ประเทศขับเคลื่อนไปในทิศทางประชาธิปไตย ทนายอานนท์กล่าว
.
ทนายอานนท์ยังระบุว่า คิดว่าเมล็ดพันธุ์ที่หว่านกันไป 2-3 ปีนี้มันทั่วถึง รอวันผลิบานเท่านั้น ไม่มีอะไรทำลายได้ ไม่ว่าคนรุ่นใหม่ หรือคนที่ผ่านสังคมในยุคเสื้อเหลือง เสื้อแดงมา สุดท้ายจะมีข้อสรุปร่วมกัน ผมเชื่อว่าคนรุ่นใหม่หวังดีต่อประเทศ กลุ่มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทะลุฟ้า ทะลุแก๊ส รูปแบบการต่อสู้อาจแตกต่าง แต่สุดท้ายจะพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง
.
สิ่งที่อยากบอกมวลชน คือ เสรีภาพ ความเสมอภาค ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มันเป็นสัจจะ เราปฏิเสธโลกที่มันหมุนไปไม่ได้ วันนี้เราก็ค่อย ๆพิสูจน์ไป การที่ศาลยุติธรรมอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว แม้ฝ่ายตรงข้ามเขาจะบอกว่าเราเป็นฝ่ายล้มล้าง แต่ศาลก็ไม่ได้นำพา สิ่งไหนที่ศาลยังไม่แน่ใจก็กำหนดเงื่อนไขมา เราก็ปฏิบัติตาม เป็นสิ่งที่เราต้องพิสูจน์กันไปเรื่อย ๆ
.
และในวันพรุ่งนี้ (1 มี.ค. 65) เวลา 10.00 น. ตนจะเดินทางไปใส่กำไลอีเอ็มที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะพยายามเร่งดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องกลุ่มทะลุฟ้า ทะลุแก๊ส ที่ยังถูกคุมขังอีก 5 คน ให้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวออกมาสู้คดีเช่นเดียวกัน ทนายอานนท์กล่าวทิ้งท้าย
.
จากนั้นทนายอานนท์ ได้เดินไปพบพี่น้องมวลชน บ้างสวมกอด บ้างมอบของที่ระลึก ถ่ายรูปร่วมกัน รวมทั้งส่งทนายอานนท์ขึ้นรถกลับบ้าน และแยกย้ายในเวลาประมาณ 20.00 น.
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อานนท์นำภา