นายกฯ จะฮาไปไหน
ชาวบ้านฉิบหายกันหมดแล้ว
โดย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ใน หัวใจไม่หยุดเต้น EP.48
การออกประกาศปิดแค้มป์ก่อสร้าง
ห้ามนั่งกินอาหารในร้านของรัฐบาลที่ลักหลับตอนตี 1 คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วประเทศ
ทั้งจากคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและประชาชนที่รับไม่ได้กับวิธีบริหารจัดการ
ปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา เราเห็นข่าวพัฒนาการของเชื้อโรคสายพันธุ์ต่าง
ๆ ที่น่าเจ็บปวดก็คือคนไทยไม่เคยเห็นพัฒนาการในการรับมือวิกฤตโรคระบาดของรัฐบาลนี้
เรื่องเดิม ๆ ปัญหาเก่า ๆ
ที่เราเคยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมาตลอดก็ยังคงเป็นปัญหาให้พูดถึงกันอยู่
ทั้งการจัดหา การกระจายวัคซีน การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
ท่าทีของผู้นำรัฐบาลและการสื่อสารของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่มีความชัดเจน
ครบถ้วน และไม่ตรงไปตรงมากับประชาชน
ถึงวันนี้ยังไม่มีใครประเมินได้ว่าสถานการณ์วิกฤตโควิด-19
จะมีบทสรุปอย่างไร แต่ผมเชื่อว่าในใจคนไทยส่วนใหญ่สรุปแล้วล่ะครับว่ารัฐบาลชุดนี้
นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีปัญญาแก้ไขปัญหาได้แน่ ๆ
ไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้ตกใจกันไปใหญ่โตนะครับ
แต่ที่ชี้ประเด็นให้เห็นกันตรง ๆ
เพราะถึงวันนี้รัฐบาลยังสร้างความเชื่อมั่นไม่ได้เลย
แต่ละเรื่องแต่ละมาตรการที่ประกาศเป็นเพียงคำพูดปากเปล่า ไม่มีแผนรองรับ
ไม่มีรูปธรรมคืบหน้าให้เห็นอย่างชัดเจน
การจัดซื้อวัคซีนที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ว่าทำไมไม่เข้าร่วมโคแวกซ์ ทำไมไม่จัดหาให้หลายหลายในยี่ห้อที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ กลับพุ่งเป้าแต่ "แอสตร้า เซนเนก้า" ก็ได้รับคำชี้แจงว่าเป็นวัคซีน "ม้าเต็ง"
แต่วันนี้ “ม้าเต็ง” ที่พูดถึงกลายเป็นวัคซีน
“ม้าแกลบ” มาบ้าง ไม่มาบ้าง หยุด ๆ เลื่อน ๆ ไม่ได้จำนวนตามเป้า จากเดิม “แอสตร้า
เซนเนก้า” จะเป็นวัคซีนตัวหลัก ก็กลายเป็น “ซิโนแวค” ทำท่าจะเป็น “ม้ามืด” แซง “ม้าเต็ง”
เพราะมีการสั่งซื้อเพิ่มปริมาณขึ้นมาเรื่อย ๆ
ถามมากเข้าก็อ้างว่าการจัดหาวัคซีนไม่ใช่เรื่องง่าย
ๆ เพราะตลาดเป็นของผู้ขาย ผมว่าไม่ใช่ล่ะครับ ตลาดเป็นของผู้ซื้อที่มีวิสัยทัศน์
อ่านเกมขาด มีชั้นเชิงในการเจรจาและกล้าตัดสินใจมากกว่า แต่เมื่อรัฐบาลเลือกเดินทางนี้แล้วเกิดปัญหา
ก็พยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจนกลายเป็นวัคซีนสารพัดยี่ห้อเพิ่งมาขึ้นทะเบียนเอาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
แล้วจัดส่งได้ในช่วงปลายปีนี้
กรอบเวลา 120
วันที่นายกฯ ประกาศจะเปิดประเทศ จึงเป็นช่วงเวลาที่เราจะมีวัคซีนเพียง “แอสตร้า
เซนเนก้า” “ซิโนแวค” “ซิโนฟาร์ม” เพียงบางส่วนเท่านั้น “โมเดอร์นา” “ไฟเซอร์”
หรืออื่น ๆ ล้วนจะมาช่วงปลายปี ซึ่งเลยกรอบเวลา 120 วัน ทั้งการประกาศฉีดวัคซีนปูพรมตั้งแต่
7 มิถุนายน และเปิดประเทศ 120 วัน จึงเป็นเพียงความหวังลม ๆ แล้ง ๆ
ที่รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีใช้วิชากะล่อนศาสตร์ พูดให้ประชาชนเกิดความหวังไปวัน ๆ
มาวันนี้ปิดแคมป์คนงาน เบรคร้านอาหาร
ถ้าทำแล้วมันจบได้จริงก็พอมีความหวัง แต่นี่ทำแล้วก็ไม่มีหลักประกันนะครับ
เพราะหลายมาตรการหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็เห็นอยู่แล้วว่ารัฐบาลประกาศอะไรแล้วทำไม่ได้ตามนั้น
ที่สำคัญคือท่านคิดไม่เสร็จ นึกจะประกาศหยุดโน่นหยุดนี่ก็ทำ
แต่ไม่ได้มาพร้อมมาตรการเยียวยา สั่งปิดไปก่อนแล้วคิดเยียวยากันทีหลัง ถ้ามันเป็นรอบแรก
ๆ ยังพอว่า แต่นี่เขาเจ็บหนักมาแล้วปีกว่า ๆ
จะเหลือสักกี่รายกันที่รอดไปได้หลังจากมีการเปิดประเทศเปิดเศรษฐกิจ วิธีคิด วิธีทำ
ผิดฝาผิดตัว กลับหัวกลับหางกันไปหมด
ร้านอาหารถ้าคิดจะห้ามนั่งท่านควรสงสัญญาณให้เขาตั้งหลักล่วงหน้า
ไม่ใช่ย่องมาประกาศกันตอนตี 1 แบบนี้ใครเขาจะตั้งตัวทัน
ส่วนแคมป์คนงานดันบอกล่วงหน้า
2 วัน กว่าจะมีคำสั่งปิด แรงงานนับหลาย ๆ พันชีวิตคงกระจายออกจากกรุงเทพฯ
กลับภูมิลำเนากันไปทั่ว
ซึ่งตรงนี้คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นเจตนาแท้จริงของรัฐบาลมากกว่า
คือการลดอัตราผู้ป่วยในกรุงเทพฯ จากคลัสเตอร์แคมป์คนงานก่อสร้าง
แล้วก็มีพื้นที่เวลาให้คนงานเหล่านั้นไหลไปต่างจังหวัด
ซึ่งก็ถือเป็นการไปตายเอาดาบหน้าเพราะกลับบ้านไปแล้วก็ไม่มีงานทำ
แต่ละพื้นที่เขาก็มีมาตรการควบคุมโรคของเขาอยู่เหมือนกัน
เกิดติดเชื้อขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าแต่ละโรงพยาบาลแต่ละกลไกการแพทย์ซึ่งมีงานหนักอยู่แล้วในภูมิภาคจะรับมือกันไหว
เกิดเป็นปัญหาใหม่อีกหรือไม่? ทั้งหมดทั้งหลายเรื่องนี้มีเหตุสำคัญประการเดียว
คือรัฐบาลนี้ไม่สามารถจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพมาได้มากพอและทันเวลาทันสถานการณ์
บางคนก็บอกว่าวิพากษ์วิจารณ์อย่างเดียว
เสนอทางออก เสนอทางแก้ปัญหากันไปบ้างซิ ผมก็พูด หลาย ๆ
คนก็พูดมาต่างกรรมต่างวาระนะครับถึงข้อเสนอต่าง ๆ แต่ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่อยากจะเสนออะไรแล้วเพราะไม่เห็นสมองของผู้นำรัฐบาล
โควิดน่ะมันกินปอดประชาชน
ไม่รู้ไปกินสมองผู้มีอำนาจเข้าไปด้วยหรือเปล่า?
ท่าทีที่แสดงออกก่อนวันที่จะมีประกาศราชกิจจานุเบกษายิ่งเป็นการไปตอกย้ำความเจ็บปวดให้กับประชาชน
การหัวเราะต่อกระซิกของนายกรัฐมนตรีและบรรดาคนใหญ่คนโตทั้งหลาย
การพูดเล่นพูดหัวราวกับว่าบ้านเมืองนี้ไม่มีใครกำลังเจ็บ ไม่มีใครกำลังรอความตาย
ไม่มีใครกำลังเจ๊งพินาศวอดวายจากความไร้ศักยภาพของรัฐบาล คำว่า “นะจ๊ะ”
ซึ่งเป็นคำสุภาพ เป็นคำหวาน จึงกลายเป็นคำน่ารังเกียจของชาวบ้านไปแล้วในปัจจุบัน
เอากันตรง ๆ เลยนะครับ ผมว่ามาถึงวันนี้รัฐบาลไม่ต้องไปคิดอะไรพิศดารแล้ว ไม่ต้องไปหามาตรการแก้ปัญหาโน่นนั่นนี่หลายมิติให้ประชาชนเวียนหัว เพราะถึงที่สุดท่านก็ทำไม่ได้ ฟันธง! กำปั้นทุบดินไปเลยครับ ไปเอาวัคซีนมา หาเข้ามาทันที หาเข้ามาเดี๋ยวนี้ หาเข้ามาให้หลายยี่ห้อ ไม่ใช่นั่งรอแต่ "แอสตร้า เซนเนก้า" แล้วสั่ง "ซิโนแวค" เข้ามาเพิ่มอยู่เรื่อย ๆ
ตกลงการที่มีบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์เป็นฐานการผลิต “แอสตร้า เซนเนก้า” อยู่ในประเทศไทยก็ไม่ได้เห็นว่าเป็นแต้มต่อที่จะทำให้คนไทยได้ฉีดวัคซีนเร็วขึ้นมากขึ้น ทางสยามไบโอไซเอนซ์เขาพูดชัดมาตลอดว่าเขาเป็นเพียงเอกชนผู้รับจ้างผลิตให้กับ “แอสตร้า เซนเนก้า” เท่านั้น ใครจะได้รับวัคซีนกี่โดสต่อเดือนต่อวันเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับ “แอสตร้า เซนเนก้า” สยามไบโอไซเอนซ์ไม่เกี่ยว
เรื่องนี้ถ้าเป็นแผนระยะยาวไม่มีใครว่าล่ะครับ
มีโรงงานผลิตวัคซีนอยู่ในประเทศไทยก็เป็นเรื่องดี
แต่สถานการณ์เฉพาะหน้าที่มันวิกฤตมากขึ้นมีคนตายมากขึ้นทุกวันแบบนี้รัฐบาลล้มเหลวในการวางแผนตั้งแต่ต้น
ณ วันที่พูดอยู่นี้ยังไม่รู้ว่ามาตรการเยียวยาจะออกมาอย่างไร
หรือต่อไปนี้จะมีการสั่งปิดพื้นที่ปิดกิจการประเภทใดอีกหรือไม่
แต่ขอให้นายกรัฐมนตรีได้ตระหนักรับรู้นะครับว่า ทุกนาทีที่ผ่านไป
ทุกความผิดพลาดที่ท่านทำ เป็นการซ้ำเติมชีวิตของประชาชนที่บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วให้หนักมากขึ้น
ๆ ทุกที
สถานการณ์มาถึงวันนี้ท่านยังหัวเราะกันอยู่ได้
ผมก็ไม่มีอะไรจะหวังเหมือนกันฮะ พูดเปิดใจกันเลยนะครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากเปลี่ยนรัฐบาล
เปลี่ยนผู้นำประเทศ แต่คิดน่ะคิดได้ครับ จะเอาจริงนี่ยากแสนยาก
เพราะพล.อ.ประยุทธ์แกยืนยันตลอดเวลาว่ายังไงก็ไม่ออก เอาข้าวสารเสก
เอาไม้หวายลงยังไงก็ไม่ออก แถมกติกาคือรัฐธรรมนูญก็การันตีอำนาจเอาไว้ให้เสียด้วย
การจะแก้กติกาเลือกตั้งเป็น
“บัตรสองใบ” ก็ไม่แน่ว่าจะผ่านไปสำเร็จได้ เพราะร่างพรรคประชาธิปัตย์ที่สภาฯ
รับหลักการไปกลายเป็นจะมีปัญหา เพราะเสนอแก้ไขเพียง 2 มาตรา ทำให้การแบ่งเขตเลือกตั้ง
การนับคะแนน อาจจะขัดกันอยู่ในรัฐธรรมนูญ
พลังประชารัฐ, เพื่อไทย
เห็นตรงกัน นึกว่าจะง่าย ทำท่าจะไม่ง่ายซะแล้วล่ะครับ ดีไม่ดีไปแท้งกลางทาง
แต่ปรากฎการณ์แก้ไขรัฐธรรมนูญคราวนี้เราก็ได้เห็นนะครับว่าศูนย์อำนาจที่คุมเกม ส.ว.250
คน ไม่ได้เป็นที่เดียวกับที่คุมเกมในพรรคพลังประชารัฐ พูดกันชัด ๆ
ก็คือพลังประชารัฐเป็นพื้นที่ของพล.อ.ประวิตร ส่วนส.ว.250 คน เป็นพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์
เท่ากับในรัฐสภา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ที่สุด เพราะมีส.ว. 250
ที่นั่ง เมื่อกติกาปัจจุบันบัตรเลือกตั้งใบเดียวเป็นการการันตีอำนาจและนำพล.อ.ประยุทธ์มาเป็นนายกรัฐมนตรี
ก็เป็นไปได้สูงนะครับว่าในที่สุดการแก้ไขบัตรเลือกตั้งสองใบที่พลังประชารัฐกับเพื่อไทยต้องการอาจจะสวนทางกับความต้องการของพล.อ.ประยุทธ์ก็ได้
เพราะความหมายของการเลือกตั้ง “บัตรสองใบ” แม้พลังประชารัฐจะได้เปรียบทุกประตู
ทั้งอำนาจทุน อำนาจรัฐ กลไกต่าง ๆ ที่วางเอาไว้
แต่อย่าลืมว่ามันก็ทำให้เพื่อไทยกลับมามีโอกาสสู้มากขึ้น
<
แล้วในท่ามกลางกระแสความรู้สึกของประชาชนต่อผู้นำรัฐบาลในสถานการณ์โควิด-19
ลงไปในสนามเลือกตั้งอะไรก็เกิดขึ้นได้
ดังนั้นถ้าจะประเมินความเสี่ยงทางอำนาจจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยโฟกัสที่ประเด็นกติกาการเลือกตั้ง
หากเปลี่ยนจาก “บัตรใบเดียว” เป็น “บัตรสองใบ”
คนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงสุดคือประยุทธ์ จันทร์โอชา
ถ้าชนะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ถือว่าเสมอตัวนะครับ
แต่ถ้าแพ้แบบแลนด์สไลด์ก็ตัวใครตัวมัน!
จะมีถนนเดินหรือเปล่ายังไม่รู้?
ก็ต้องจับตาดูกันนะครับว่าถึงที่สุดสัญญาณสุดท้ายของส.ว.250
คน ที่จะตัดสินใจแก้หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญ จะเอา “บัตรใบเดียว” หรือ “บัตรสองใบ”
ไม่ใช่ใครล่ะครับ อยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์นั่นแหละ
นี่จึงเป็นรูปธรรมสำคัญอีกข้อหนึ่งที่เราจำเป็นจะต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสสร.จากการเลือกตั้งของประชาชน
เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีความหมายเพียงแค่เครื่องมือในการเข้าสู่อำนาจและรักษาอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์กับพวกเท่านั้น
แล้วก็เป็นที่สังเกตได้นะครับว่าตัวพล.อ.ประยุทธ์ไม่ค่อยจะรู้สึกรู้สากับหัวจิตหัวใจประชาชนเท่าไหร่นัก
เพราะถ้าเป็นนักการเมืองจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยทั่วไปเขาจะไม่ทะลึ่งเล่นมุกสร้างอารมณ์ขันกับความเจ็บปวดสูญเสียกับประชาชนแบบนี้
แต่นี่มี 250 คะแนนแน่
ๆ ในสภาจากส.ว.ไงครับ แล้วการแก้ไขกติกา ถ้าตัวเองไม่ยอม
ไม่เห็นด้วยก็ทำไม่ได้นะครับ แกก็เลยอยู่นะจ๊ะ นะจ๊ะ ต่อเนื่องกันมาแล้ว 7 ปี
แล้วอยากจะอยู่นะจ๊ะ นะจ๊ะ ต่อไปอีกหลายปี
ผมว่าถึงเวลาที่ประชาชนต้องคิดให้เสร็จนะครับว่า
เราต้องการกติการฉบับใหม่ เราต้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ไม่ต้องร่างตามใจใครฝ่ายไหนล่ะครับ
ให้ประชาชนเลือกสสร.มายกร่างฯ แล้วลงประชามติกันหลังจากร่างเรียบร้อยแล้ว
ถึงวันนี้ใครยังมีความหวังกับพล.อ.ประยุทธ์อยู่อีก ผมจะเสนอให้สกัดเอา DNA มาทำวัคซีนต้านโควิดแล้วนะครับ ถือว่าภูมิต้านทานสูงมาก
พี่ว่าทำไมนายกฯ
เขาต้องมาประกาศอะไรตอนตี 1 วันเสาร์อย่างนี้? (ทีมงานถาม)
แกคงเพิ่งเชียร์บอลยูโรเสร็จมั้ง
แกอาจจะเป็นกองเชียร์เวลส์แล้วแพ้ไป 4:0
ตกใจเลยปิดโน่นปิดนี่ไปหมด...ไอ้เวลส์เอ๊ย!