วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ธิดา ถาวรเศรษฐ : อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มรดกคณะราษฎร 2475 ตอนที่ 5

 


อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มรดกคณะราษฎร 2475 


ตอนที่ 5 : มองภาพ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” กปปส. ปราศรัยโดยมีฉากหลังเป็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย


สัมภาษณ์ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ในวาระ 89 ปี 24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎรปฏิวัติสยาม เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย (สัมภาษณ์โดย The 101 world เมื่อ 24 มิ.ย. 63)


คิดอย่างไรกับภาพของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ยืนปราศรัยโดยมีฉากหลังเป็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย?


“สมเพช” คืออาจารย์ไม่ถนัดจะไปด่าคนหยาบคาย แต่อาจารย์ว่านี่คือการแสดง ถ้าคิดให้ดี มันเป็นการแสดงเพื่อจะบอกว่าฉันนี่แหละเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ผมต้องการประชาธิปไตยสมบูรณ์ ผมต้องการการปฏิรูป มันโกหกทั้งนั้นแหละ ที่จริงไม่ต้องการเลยประชาธิปไตย แต่ว่าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยกลายเป็นเวทีแสดงของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ฝ่ายที่ไม่ต้องการประชาธิปไตย เพราะต้องการประชาธิปไตย พอมีเลือกตั้งแล้วแพ้ นั่นคือเหตุผลที่ไม่ต้องการแล้วทำเป็นพูดว่าต้องการปฏิรูป แล้วใครใช้เงิน แล้วคุณแพ้ทุกที จนอาจารย์เคยพูดไว้ว่าถ้าอาจารย์เป็นพวกอนุรักษ์นิยมนะ ตั้งพรรคใหม่แล้ว เพราะพรรคเก่าทำให้ทหารต้องมาทำรัฐประหารทุกที แล้วเขาก็ตั้งจริง ๆ นะ


อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถูกใช้เป็นฉากการแสดงของผู้ที่ไม่เอาประชาธิปไตย มันน่าสมเพชมั้ย นี่คือการแสดงแท้ ๆ เพราะฉะนั้น ในส่วนพวกเราที่ต้องการประชาธิปไตย เรากลับไม่ค่อยได้ไปใช้ เพราะมันไม่จำเป็น มันอยู่ในใจ อยู่ในสมอง อยู่ในความคิด อยู่ในเป้าหมาย มันไม่ต้องไปยืนเป็นฉาก ไอ้ที่ยืนเป็นฉากอันนี้มันแสดงชัดถึงความไม่จริงใจ 


เพราะฉะนั้นในทัศนะอาจารย์ก็คือว่า พอเห็นคือมันสมเพช และอาจารย์อยากจะบอกว่าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้นมันไม่ได้มีชีวิต มันเป็นแต่เพียงสัญลักษณ์ ดังนั้น ใครที่ไปยืนตรงนั้นแล้วบอกว่านี่ฉันสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ได้นะ อย่าให้ภาพอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยหรือพานรัฐธรรมนูญที่อยู่ข้างหลังบอกว่า หลอกลวงว่าผมเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ใช่นะ แล้วเขาจำเป็นต้องใช้ แต่เราไม่จำเป็น นปช. ไม่จำเป็นที่ต้องไปใช้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่เขาจำเป็นต้องใช้และพูดแต่คำว่าปฏิรูปประชาธิปไตย


นี่ตั้งแต่ทำรัฐประหารมาจนถึงป่านนี้เขาปฏิรูปอะไร?


เพราะฉะนั้นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถูกใช้เป็นฉากแสดงของฝ่ายที่ไม่เอาประชาธิปไตย นี่เป็นความจริงที่น่าขมขื่น และเป็นการแสดงให้เห็นว่าฝ่ายที่ออกมาทำม็อบแล้วอ้างว่าเป็นประชาธิปไตย ทำยังไงก็ได้เพื่อหลอกลวง ทั้งหมดที่ทำ 


เขาแพ้การเมืองในระบอบประชาธิปไตย ในเวทีรัฐสภา จำเป็นต้องลงถนน แต่เขารู้ว่าการลงถนนมันจะไม่มีความชอบธรรม ดังนั้นก็จะต้องหาความชอบธรรมโดยการใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น หรือใช้วาทกรรมต่าง ๆ แล้วบางครั้งพรรคการเมืองก็ไปทำอะไรให้เขาไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น บังเอิญเรื่องนิรโทษกรรม อย่างนี้เป็นต้น เขาจะอ้างประชาธิปไตยแบบไทย ๆ แบบโบราณ บางทีก็พูดไม่ได้ แต่บางส่วนพูด บางส่วนพูดไม่ได้เพราะว่าเขาเป็นพรรคการเมือง เขาก็ต้องพูดคำว่าประชาธิปไตยสมบูรณ์ หลายคนบอกว่าสมบูรณ์ไม่มี อาจารย์ก็ว่ามันไม่มีคำว่าสมบูรณ์ แต่เรา (นปช.) ใช้คำว่าระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนแท้จริง เราใช้ตรงนั้น ซึ่งมันจะมีอำนาจกี่เปอร์เซ็นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันอยู่ที่รายละเอียด อยู่ในกฎหมาย อยู่ในรัฐธรรมนูญ และอยู่ในจิตสำนึกของคนทั้งประเทศ


ถ้าถามว่ารู้สึกยังไง ก็คือพวกนี้ไปใช้เป็นฉาก เป็นการแสดง เป็นการเล่นละคร อนุสาวรีย์เขาไม่ได้เป็นอะไร แล้วที่ตลกมากอย่างหนึ่งนะ เมื่อก่อนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พานรัฐธรรมนูญเป็นสีดำนะ รัฐธรรมนูญก็เป็นสีดำ (ตอนอาจารย์ยังสาว ๆ อยู่นะ) แต่พอหลัง 14 ตุลา เขาเอาสีทองมาป้าย พานรัฐธรรมนูญสีดำ รัฐธรรมนูญสีดำ จริง ๆ ในทางศิลปะมันคลาสสิก มันสีครีมแล้วตัดกับสีดำ แต่ว่าแบบไทย ๆ มีความเชื่อว่ามันทำให้เกิดปัญหา งั้นก็ไปทาเป็นสีทอง นี่ก็เป็นความคิดแบบไม่เป็นวิทยาศาสตร์ อันนี้อาจารย์ก็ขำ เพราะอาจารย์ชอบแบบอันเก่า ซึ่งไม่มีใครเคยเห็น


หมายความว่าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก็ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตยในทั้งสองข้าง แต่ในทางความเป็นจริงนั้นมันอยู่ที่หัวใจ คุณทำม็อบทำเพื่ออะไร มันอยู่ที่หัวใจมากกว่า แต่ใครจะไปรู้ว่าอนาคตมันอาจจะถูกทุบหรือเปล่า? จะทุบไปก็ไร้ประโยชน์ เหมือนถอนหมุดไปก็ไร้ประโยชน์ ในทัศนะอาจารย์ เพราะว่าอนุสาวรีย์ปราบกบฏก็หายไปแล้ว มันเป็นวัตถุมันไม่มีความหมายหรอก ความหมายอยู่ที่ว่าคุณทุบอนุสาวรีย์ได้ คุณไม่มีอนุสาวรีย์ได้ แต่ในใจประชาชนยังต้องการประชาธิปไตย ยังต้องการความเท่าเทียมกันเสมอ และนั่นคือความยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ตัววัตถุ


#89ปีปฏิวัติสยาม

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์