ตลาดโบ๊เบ๊เงียบเหงา! ยุคข้าวยากหมูแพงค่าแรงถูก ผู้ค้าเผยถนนสุดโล่งแม้แต่ผียังไม่เห็นเงา
ขายของมา 50 กว่าปีไม่เคยพบเคยเห็น นั่งขายจนสว่างยังไม่ได้สักตัว!
วันนี้ (14 ม.ค. 65)
เป็นที่ทราบกันดีว่าขณะนี้จะเรียกได้ว่าเป็นยุค “ข้าวยากหมูแพงค่าแรงถูก” หลังปีใหม่มานี้สินค้าที่จำเป็นในการบริโภคของพี่น้องประชาชนในประเทศทยอยพาเหรดกันขึ้นราคาเป็นแถว
อาทิเช่น น้ำมันพืช, หมู, ไก่, ไข่, แก๊สหุงต้ม (กำลังจะขึ้นราคา), น้ำมันรถ, ข้าวสารเหนียว
รวมถึงอาหารตามสั่งก็มีการปรับราคาตาม ล่าสุดเช้านี้สื่อมวลชนรายงานว่ามะละกอ
ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำส้มตำก็ขึ้นราคาจากชนิดถุง 10 กิโลกรัม จาก 60-70 บาท
เป็น 220-300 บาท ขึ้น 4-5 เท่า!
เช้านี้ที่เฟซบุ๊ก บังอร
แซ่เหลี่ยง หรือ พี่แหม่ม ซึ่งเป็นผู้ค้าขายเสื้อผ้าในตลาดโบ๊เบ๊และขายต่อเนื่องมานานตั้งแต่รุ่นแม่
เรียกได้ว่าขายมา 50 กว่าปีแล้ว ได้โพสต์สถานการณ์การค้าขายขณะนี้ ความว่า
“ตายแล้วที่นี่ประเทศไทย
ยุคไอ้ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นี่คือตลาดผ้าโบ๊เบ๊ สมัยท่านนายกทักษิณ ชินวัตร์
บริหารประเทศ ตลาดผ้าโบ๊เบ๊ ณ แห่งนี้ คุณจะไม่มีโอกาสได้เห็นว่าถนนมันโล่งแบบนี้
ยุคประยุทธ์ ณ ตอนนี้คุณเอาเสื่อมาปูนอนกลางถนนได้เลยนะคะ 555555 ทั้งรถทั้งคนแม้แต่ผีก็ยังไม่เห็นเงา
55555 จนป่านนี้แล้ว จะสว่างแล้ว ยังขายไม่ได้สักตัวเลย”
นี่เป็นเสียงจากผู้ค้าจริงและสะท้อนให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจที่ประชาชนไทยต้องเผชิญในสถานการณ์ที่ยากลำบากในรัฐบาล
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและคณะ ซึ่งนอกจากประชาชนต้องระมัดระวังตัวในการระบาดของไวรัสโควิด19
แล้ว ยังต้องดิ้นรนเพื่อดำเนินชีวิตต่อไปในขณะที่สินค้าค่าครองชีพต่าง ๆ
เพิ่มสูงขึ้น โดยค่าแรงเท่าเดิมไม่มีการปรับให้ทันกับสถานการณ์
คำถามว่า
ในสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไร?
ขอบคุณภาพจาก : บังอร แซ่เหลี่ยง
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์