คนเป็นโควิด หมูเป็นอหิวาต์ แต่ห่าลงการเมืองมาแล้วเกือบ 8 ปี “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ชี้ ‘อหิวาต์หมู’ คือใบเสร็จความล้มเหลวรัฐราชการ ซัด ‘การเมืองบิดเบี้ยว-กติกาฉ้อฉล’ ต้นตอ ‘รัฐบาล’ ไม่เห็นหัวประชาชน ส่งผลทำให้ผู้คนเดือดร้อนแสนสาหัส
นายณัฐวุฒิ
ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.)
กล่าวถึงสถานการณ์โรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร
ที่ส่งผลกระทบทำให้หมูขาดตลาดและราคาหมูแพงเข้าขั้นวิกฤตว่า ตั้งแต่ปี 2561 มีข่าวการตรวจพบเชื้ออหิวาห์สุกรในประเทศจีน
หลังจากนั้นมีการระบาดแพร่กระจายขยายตัวออกมาในหลายประเทศ จนเมื่อเดือนเมษายน 2562
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีขอความเห็นชอบประกาศการเฝ้าระวังป้องกันโรคอหิวาต์หมูเป็นวาระแห่งชาติ
จากวันนั้นจนถึงวันนี้มีการขอความเห็นชอบที่ประชุม ครม.
อนุมัติงบประมาณดำเนินการเรื่องนี้รวมทั้งสิ้น 5 ครั้ง
ในวงเงินกว่า 1,500 ล้านบาท แต่นั่นเป็นการทำกันเอง
รู้กันเอง อนุมัติกันเอง ระหว่างส่วนราชการและฝ่ายบริหารเท่านั้น
ประชาชนคนไทยพึ่งทราบเป็นทางการจากหน่วยงานรัฐวันที่ 11 มกราคมนี้เองว่าตรวจพบเชื้ออหิวาต์หมูในประเทศไทย
กว่าจะรู้ความจริง
ผู้คนเกิดความเสียหายบานปลายใหญ่โต
หมูตายคาโรงเรือนและเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูกำลังจะตายคาครัวเรือน
เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบคำถามคือใครคือคนรับผิดชอบหลักต่อความเสียหายนี้
แน่นอนที่สุดส่วนราชการที่เกี่ยวข้องปฏิเสธงานในหน้าตักไม่ได้
แต่ถึงที่สุดเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี ณ วันที่อนุมัติวาระแห่งชาติในการเฝ้าระวังป้องกันเชื้ออหิวาต์หมู
พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีจากอำนาจ คสช. มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดตามมาตรา 44 อนุมัติงบฯ
ทุกครั้ง ล้วนเป็นงบกลางซึ่งอยู่ในความดูแลของนายกรัฐมนตรี เฉพาะยอดแรก 53 ล้านบาทเศษในการเฝ้าระวังป้องกันเรื่องนี้ คำถามคือนายกรัฐมนตรี
ได้ติดตามสั่งการในการแก้ปัญหาเรื่องนี้หรือไม่อย่างไร ผมพยายามตรวจสอบข่าวเก่าๆ
ไม่ปรากฎว่ามีข้อสังการจากนายกรัฐมนตรีทั้งในที่ประชุม ครม. และในที่สาธารณะอื่นใด
ทุกอย่างเอาตามส่วนราชการ เห็นชอบตามที่เสนอ อนุมัติเงินให้ตามที่ขอ
นายกรัฐมนตรีนั่งเป็นตุ๊กตาเสียกบาลหัวโต๊ะ ครม.
ไม่หือไม่อือกับปัญหานี้แต่อย่างใด
นี่คือใบเสร็จที่ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและพวก เข้าสู่อำนาจบริหารประเทศภายใต้ระบบราชการ
สร้างรัฐราชการซึ่งไม่ได้สะท้อนวิสัยทัศน์และขีดความสามารถในการแก้ปัญหาของคนเป็นผู้นำ
ปัญหาโรคระบาดระดับวาระแห่งชาติ ทำกันได้แค่นี้หรือครับ นี่ถ้าไม่จนมุม
ความไม่แตกออกมาคงเป็นวาระแห่งชาติหน้า ไม่มีทางได้รู้ความจริงกันเสียที
เรื่องโรคระบาดทั้งคนทั้งหมู
เมื่ออยู่ในมือรัฐบาลชุดนี้ ค่าเท่ากันนะครับ ทำงานแบบปกปิด
ยึกยักลักลั่นไม่พูดความจริงกับประชาชน แก้ปัญหาไม่เท่าทันกับความสูญเสีย โควิด-19 คนนอนดายกลางถนน
อหิวาห์หมู ผู้คนเดือดร้อนของแพงทั้งแผ่นดิน ทีจะว่าคนอื่นโทษคนอื่น
นายกรัฐมนตรีพูดปากฉอดๆ แต่ปัญหาใหญ่แบบนี้ไม่เคยเห็นแก้ได้เหมือนปากพูดเสียที
มีบางคนวิเคราะห์กันว่า
สถานการณ์หมูแพงของแพงทั้งแผ่นดินจะถึงคราวดับดิ้น นายกรัฐมนตรีจะอยู่ไม่ได้
นั่นถ้าเป็นรัฐบาลปกติของนักการเมืองโดยทั่วไปอาจจะวิเคราะห์กันในมุมนั้น
แต่กับรัฐบาลชุดนี้ผมจะชี้ให้เห็นว่าต่อให้บ้านเมืองจะพังพินาศผู้คนล้มตายเสียหายอย่างไร
เขาก็จะยังอยู่ได้ นี่คือผลจากความบิดเบี้ยวทางการเมือง ความฉ้อฉลของกติกา
การใช้รัฐธรรมนูญเป็นเพียงเครื่องมือในการเข้าสู่อำนาจและรักษาอำนาจของพลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชาและพวกเท่านั้น
ถ้าเป็นรัฐบาลอื่นๆ
คงไปตั้งแต่โควิดรอบแรกแล้วแหละครับ แต่เป็นรัฐบาลแบบนี้ต่อให้มีความอหิวาต์ไก่
อหิวาต์เป็ด ตามมาเขาก็ยังจะหน้าด้านอยู่ เพราะเส้นทางสู่อำนาจที่แท้จริงของพวกเขา
ไม่ได้มาจากประชาชน แต่มาจากเส้นสนกลในที่ซ่อนไว้ในตัวกติกา คนไทย 70 กว่าล้านคนมีความหมายน้อยกว่า
250 ส.ว. และ ส.ว. 250 คน
มีความหมายเพื่อคนคนเดียวคือพลเอกประยุทธ์ ที่เซ็นแต่งตั้งมา
ผมเชื่อว่ามาถึงวันนี้คนจำนวนมากต้องการความเปลี่ยนแปลง
แต่ความเป็นจริงมันเป็นเรื่องยากมากๆ
ทั้งการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เปลี่ยนแปลงกติกา
นี่เป็นบทเรียนที่เจ็บปวดและแสนสาหัสอย่างยิ่งของสังคมไทย ถ้ายังคิดกันไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้วล่ะครับ
แล้วไม่ต้องมากล่าวหาว่าผมเอาประเด็นเรื่องข้าวของแพง
เรื่องหมูเป็นอหิวาต์มาโยงเข้ากับการเมืองนะครับ
เพราะของจริงคือการเมืองที่มันเหลวแหลก มันทำให้เกิดปัญหาแบบนี้
ถ้านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมีศักยภาพ
ทำงานได้จริง มีวิสัยทัศน์ในการมองปัญหา เผชิญหน้ากับวิกฤตได้อย่างเข้มแข็ง
เรื่องราวมันจะเลยเถิดมาถึงขนาดนี้หรือครับ ลองคิดกันดูดีๆ สิครับ
หมูแพงของแพงจนถึงวันนี้ มันผิดที่รัฐบาลหรือผิดที่อหิวาต์
เรากำลังเผชิญกับวิกฤตและประชาชนมีพลังน้อยเหลือเกินสำหรับจะเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหาร
และผมเชื่อว่าคนจำนวนมากต้องการความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
แต่อำนาจของประชาชนมีพลังน้อยเหลือเกินที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงภายใต้ข้อจำกัดนี้
“คนเป็นโควิด หมูเป็นอหิวาต์ แต่การเมืองเป็นโรคห่ามาแล้วเกือบ 8 ปี และห่ายังจะลงการเมืองอยู่แบบนี้…ไม่รู้จะอยู่ทำห่าอะไรกัน”
(ทีมงาน)