"ยืนหยุดขัง" ยังหยัดยืน วันที่ 136 จี้คืนสิทธิประกันตัว หยุดดำเนินคดีคนคิดต่าง "พันธ์ศักดิ์" ชี้ เพื่อนในเรือนจำยังสู้ คนอยู่ข้างนอกก็จะสู้ พร้อมแบ่งเบาความทุกข์ไปด้วยกัน
วันนี้ ( 5 ม.ค. 64) ที่หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร กรุงเทพฯ หรือ ลานอากง สนามราษฎร์ #กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นำโดย นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดา นายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือน้องเฌอ ที่ถูกยิงเสียชีวิต ระหว่างการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 นัดหมายทำกิจกรรม #ยืนหยุดขังll โดยยืนเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 12 นาที อย่างต่อเนื่องทุกวัน เวลา 17.30 - 18.42 น. เพื่อเรียกร้องสิทธิการประกันตัวให้กับผู้ต้องขังทางการเมือง ซึ่งวันนี้เข้าวันที่ 136 แล้ว
สำหรับบรรยากาศโดยทั่วไป ได้มีการนำป้ายที่มีข้อความว่า "ปล่อยเพื่อนเรา, ปล่อยผู้บริสุทธิ์, คืนสิทธิการประกันตัว" ผูกติดไว้กับรั้วริมถนนหน้าศาลฎีกา
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ห้อยภาพนักกิจกรรมที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำโดยไม่ได้รับสิทธิประกันตัวชั่วคราวให้ออกมาสู้คดี อาทิ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์, น.ส.เบนจา อะปัญ และนายอานนท์ นำภา เป็นต้น
รวมทั้งได้ห้อยป้ายข้อความ อาทิ "รอวันที่อานนท์และเพื่อนได้ประกันตัว", "หยุดจับคนเห็นต่างเข้าคุก หยุดจับผู้บริสุทธิ์ยัดข้อหา คืนสิทธิการประกันตัว ตราชูต้องชูเพื่อมวลชน", "คืนสิทธิการประกันตัว" เป็นต้น
กระทั่งเวลา 18.42 น. ครบกำหนดเวลา 1ชั่วโมง 12 นาที นายพันธ์ศักดิ์ได้นำข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รวมถึงข่าวสารประจำวันเกี่ยวกับการคุกคามนักกิจกรรม มาบอกเล่าให้พี่น้องผู้ร่วมกิจกรรรมฟัง
นายพันธ์ศักดิ์ได้เริ่มกล่าวว่า เพื่อให้ศาลทบทวนหลักการในการให้สิทธิการประกันตัว กับผู้ต้องขังทางการเมือง ที่ปัจจุบันมีอยู่ 20 คน เป็นผู้เยาว์ 2 คน
จากนั้น ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ชายหัวเกรียน 3 คนลักษณะคล้ายตร.สายสืบ จอดรถพร้อมเปิดไฟหน้าสาดไปในซอยบ้านนักกิจกรรม #นครพนมสิบ่ทน เป็นเวลานานก่อนขับออกไป หลังกลุ่มไปตั้งโต๊ะให้ประชาชนนครพนมร่วมลงชื่อ #ยกเลิก112 หน้าตลาดอินโดจีน นักกิจกรรมเผยแม้เป็นการข่มขู่คุกคาม แต่ยืนยันใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญต่อไป
รวมถึงได้กล่าวถึงไครียะห์ หรือ ‘ลูกสาวแห่งทะเลจะนะ’ โพสต์แจ้งว่า สน.ปทุมวันออกหมายเรียกรับทราบข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้รายงานตัว 7 ม.ค.นี้ ตัดพ้อประเทศนี้ไม่มีสิทธิพูดแสดงความเห็น #saveจะนะ
จากนั้น นายพันธ์ศักดิ์ได้กล่าวถึงวันปีใหม่ที่ผ่านมา พวกเราได้เฉลิมฉลองมีงานรื่นเริง แต่เพื่อนเราอีกหลายคนยังต้องอยู่ในเรือนจำ
นฤเบศร์ หนุ่มวัย 26 ปี และพิชัย หนุ่มวัย 30 ปี ทั้งสองถูกจับกุมในคดีซึ่งถูกกล่าวหาว่าขว้างวัตถุคล้ายระเบิดใส่รถยนต์สายตรวจ สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 64 และถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค. 64 จนถึงเป็นปัจจุบันเป็นเวลา 88 วันแล้ว หรือคิดเป็น 24% ของเวลาทั้งปี
ด้านจิตรกร หนุ่มวัย 22 ปี ถูกจับกุมในคดีซึ่งถูกกล่าวหาว่าครอบครองวัตถุคล้ายระเบิด เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 64 และถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 64 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 86 วันแล้ว หรือคิดเป็น 23% ของเวลาทั้งปี ทั้งนี้ขณะที่เขาถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ จิตรกรได้ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิดและต้องเข้ารับการรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว
นฤเบศร์ คือ เด็กช่างกลจากบุรีรัมย์ ผู้ขับมอเตอร์ไซต์มาร่วมทะลุแก๊ซ เมื่อครั้งที่ทนายเข้าเยี่ยม เขาเล่าให้ฟังว่า “ผมมีความฝันว่าอยากเรียนหนังสือต่อครับ ให้มีวุฒิการศึกษามากกว่านี้ ผมอยากเป็นช่างกลครับ”
ด้านพิชัยจบการศึกษาระดับ ปวช. สาขาช่างยนต์ในกรุงเทพฯ ในวันที่เขาถูกจับ พิชัยเล่าว่า หลังจากรถมอเตอร์ไซด์ของเขากับเพื่อนอีกสองคนล้มลง ตำรวจสายตรวจจำนวน 7-8 นาย ก็เข้าถึงตัวเขา จับคอและกระชากคอเสื้อเขาให้นั่งลง จนใบหน้าของพิชัยกระแทกกับพื้น มีรอยถลอก เลือดออก จนมีชายที่เป็นวินมอเตอร์ไซด์ เข้ามาช่วยห้ามเลือดให้เขาทั้งที่ใบหน้าและขา เขายังพบต่อมาอีกว่าตัวเองโดนยิงด้วยกระสุนยางตรงด้านหลังอีกด้วย
ขณะที่จิตรกรเล่าว่าตัวเองเป็นเหมือน ‘คนไร้บ้าน’ ที่ทำมาแล้วหลากหลายอาชีพ ทั้งตกปลาเพื่อยังชีพ ทำงานรับจ้างเป็นช่างทาสีบ้าง ทำความสะอาดบ้าง แม้กระทั่งงานอาสากู้ภัยก็เคยทำ “รายได้ที่ผมได้ ต่ำสุดสองพันบาท มากสุดที่เคยได้ก็เป็นหมื่นนะ แต่บางเดือนไม่ได้เลยก็มี”
และเขายังเล่าอีกว่า "ผมมีความฝันอยู่นะ ผมอยากเปิดร้านอาหาร ทำแบบแฮมเบอร์เกอร์ แบบ food street และอยากลองทำช่อง YouTube แบบเดินทางไปเรื่อยด้วย ผมทำอาหารเป็น แฮมเบอร์เกอร์เนี่ย พ่อบุญธรรมทำให้กินตั้งแต่ตอนเด็ก อาหารอิตาเลี่ยนกินมาเยอะ และผมก็ชอบทำแกงกะหรี่ ขนมจีนน้ำยาด้วย"
ชีวิตพวกเขาเหล่านี้ ถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ถูกลิดรอนคุณภาพชีวิตเพียงเพราะว่าศาลไม่ยอมให้สิทธิการประกันตัวแก่พวกเขา การต่อสู้คดีก็ย่อมเสียเปรียบในการหาหลักฐานมาต่อสู้คดี เพื่อนเราหลายคนยังต่อสู้ต่อไป ผมก็หวังว่าเราจะต่อสู้ไปด้วยกัน แบ่งเบาความทุกข์ด้วยกัน นายพันธ์กล่าว
จากนั้นได้เชิญผู้ร่วมกิจกรรมหันหน้าเข้าหาอาคารศาลฎีกา พร้อมชู 3 นิ้ว และตะโกนพร้อมกัน 3 ครั้งว่า "ปล่อยเพื่อนเรา, ปล่อยผู้บริสุทธิ์ คืนสิทธิการประกันตัว, ยกเลิก 112" และตะโกนพร้อมกันอีก 3 ครั้งว่า "ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ"
ในช่วงท้ายนายพันธ์ศักดิ์ ได้กล่าวขอบคุณผู้ร่วมกิจกรรมและเชิญชวนในวันพรุ่งนี้กับกิจกรรมยืนหยุดขัง เพื่อร่วมเรียกร้องสิทธิประกันตัว ก่อนแยกย้ายกลับด้วยความเรียบร้อย
#ยืนหยุดขังllday136 #UDDnews #ยูดีดีนิวส์
