เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี จัดกิจกรรม วันศุกร์ "ปลุกความยุติธรรม" ที่หน้าประตูกรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี
.
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 19 มี.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณหน้าประตูกรมราชทัณฑ์ ถ.นนทบุรี 1 อ.เมือง จ.นนทบุรี
ได้มี นายเจษฎา หรือ เจมส์ ศรีปลั่ง พร้อมกลุ่มมวลชนเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี เดินทางมาจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์จัดกิจกรรมวันศุกร์ "ปลุกความยุติธรรม" เพื่อปกป้องแกนนำกลุ่มเห็นต่างที่ถูกคุกคาม ให้กับเพื่อนเราที่ถูกคุมขังอยู่และยังไม่ได้รับการให้ประกันตัวได้ตามสิทธิ์พึ่งมีตามกฎหมาย
.
เวลา 17.09 น. กิจกรรมได้เริ่มจากทีมงานแปะข้อความและรูปภาพของทนายอานนท์ ที่เขียนถึงสาธารณชนล่าสุด ลงท้ายข้อความ "อานนท์ นำภา
ห้อง 7 แดน 2 เรือนจำพิเศษกรุงเทพ 18 มีนาคม 2564" พร้อมแปะกระดาษรูปภาพเหมือนการ์ตูนแกนนำกลุ่มเห็นต่างของ
เพื่อน ๆ เราที่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำ ผูกโบว์ดำบนรั้วประตูเหล็กบริเวณประตูทางเข้า-ออก หน้ากรมราชทัณฑ์ พร้อมเปิดเพลง " ฝากรักถึงเจ้าผีเสื้อ"
.
เวลา 17.20 น. เจษฎาได้พูดถึงเรื่องความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับพวกเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ถูกคุมขัง ควรจะได้รับการประกันตัวออกมาตามกฎหมาย รวมถึงเรื่องการตัดผมที่กลุ่ม กปปส.เข้าไปในเรือนจำเช่นกันแต่กลับไม่ถูกตัดผม เกิดความเหลื่อมล้ำสองมาตรฐานหรือไม่ อย่างไร แล้วเรื่องการนำตัวแกนนำมาตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 กลางดึกมันสมควรทำด้วยหรือไม่
โดยมีเนื้อหาที่สำคัญ คือ กลุ่มฯ มาแสดงจุดยืนว่าจะต้องไม่มีเหตุการณ์ตรวจโควิด-19 ยามวิกาลอีก เรียกร้องให้ชี้แจงกฎกติกาในเรื่องนี้ให้ชัดเจนมีหนังสือรองรับหรือไม่ โจมตีกรมราชทัณฑ์ในประเด็น การไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมผู้ถูกควบคุมตัว การขอประกันตัวเพื่อสู้คดี การปฏิบัติต่อแกนนำผู้ชุมนุมที่ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกับแกนนำ กลุ่ม กปปส. เช่น การตัดผม กล่าวถึงการจับกุมนายปิยรัฐ จงเทพ การ์ดของกลุ่มผู้ชุมนุมและแกนนำกว่า 30 คน ซึ่งถูกผู้อ้างว่าเป็น เจ้าหน้าที่จับกุมแต่มีการใช้ความรุนแรงมีการทุบตีและล่วงละเมิดทางเพศโดยการใช้ไม้ตีบั้นท้ายแกนนำผู้หญิงที่ถูกจับกุมด้วย กล่าวถึงแกนนำแนวร่วมที่ควรได้รับสิทธิ์การประกันตัว เพื่อออกมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งปัจจุบันยังเป็นผู้ต้องขัง ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์เพราะศาลยังไม่พิพากษา พร้อมเรียกร้องให้มวลชนออกมาร่วมชุมนุมและปล่อยแกนนำผู้ถูกคุมขัง
.
จากนั้นทางกลุ่มตะโกนปล่อยเพื่อนเราพร้อมกัน และนายเจษฏาได้อ่านข้อความจากเรือนจำของนายอานนท์ นำภา ใจความว่า
.
วันนี้ผมยังไม่ตาย แต่การอยู่หรือตายก็ไม่สำคัญเท่ากับการอยู่อย่างมีประโยชน์หรือตายอย่างมีคุณค่า ถ้าการอยู่ในเรือนจำแล้วทำให้เห็นถึงความอัปลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรมไทย ผมก็ยินดี หรือถ้าต้องตายภายในเรือนจำ แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงก็ถือว่าคุ้มค่า
.
ถ้าผมตายไป ศพของผมให้นำใส่โลงศพไม่ต้องห่อด้วยถุงพลาสติก ไปวางไว้หน้าศาลอาญาบนถนนรัชดาภิเษก เมื่อเลือดและน้ำหนองของผมไหลออกมาก็ปล่อยให้มันเจิ่งนองบนถนนรัชดาฯ รอให้รถของคนที่มีส่วนทำให้ผมตายวิ่งมาเหยียบมันและกลับไปที่บ้าน เมื่อนั้นเลือดและน้ำหนองของผมจะไหลปนออกมากับน้ำที่เขาอาบ และเมื่อเขากินข้าวหรือกาแฟ เลือดและน้ำหนองของผมก็จะอยู่ในนั้น
.
วิญญาณของผมจะติดตามเขาไปทุกที่ กลิ่นสาบของผมจะติดตามชุดเครื่องแบบของพวกเขา และวิญญาณของผมจะทอดร่างอยู่ใต้โต๊ะทำงานของพวกเขาเหล่านั้นไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ผมจะได้เกิดใหม่ และถ้าผมเกิดใหม่แล้วเมืองไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ผมขอเกิดมาบนแผ่นดินไทยและขอเกิดเป็นลูกชาวนาอีกครั้ง เรียนกฎหมาย และกลับมาต่อสู้ร่วมกับพี่น้องจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ “ขอให้เจอมิตรสหายที่ดีอย่างเช่นทุกวันนี้”
.
จนกว่าเราจะพบกันอีก
.
อานนท์ นำภา
ห้อง7 แดน2 เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
18 มีนาคม 2564
.
หลังอ่านข้อความจบทางกลุ่มได้ใช้สีแดงราดลงบนตัวหุ่นจำลองที่ห่อมัดด้วยผ้าดิบคล้ายศพ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่า เพื่อน ๆพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนจะต้องไม่มีใครเสียชีวิตอยู่ภายในเรือนจำ
#ปล่อยเพื่อนเรา #ราษฎร #ยกเลิก112
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์
ประมวลภาพ