‘จตุพร’ ขึ้นศาลคดีบ้านสี่เสาฯ สำนวนสอง ศาลนัดอัยการแจงกรณีสั่งฟ้องไม่ครบ-ขาดอายุความ
5 คน
22
มี.ค. 64 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
(นปช.) ได้เดินทางมาตามนัดของศาลอาญา คดีชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ สำนวนที่
2
นายจตุพรกล่าวว่า
“ผมมาในคดีบ้านสี่เสาฯ ในสำนวนที่สอง ซึ่งในวันนี้ศาลได้นัดให้อัยการได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในกรณีที่สั่งไม่ฟ้องปล่อยให้คดีขาดอายุความ
5 คน จากจำนวน 7 คนที่ยังเหลืออยู่ โดยข้อเท็จจริงผมได้แถลงต่อศาลว่ามีบุคคลจากจำนวน
7 คน อยู่ต่างประเทศเพียงแค่ 2 คน
ซึ่งก็ต้องเป็นหน้าที่ของอัยการที่จะต้องทำตามขั้นตอน และอีก 5
คนเขาอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอดีตอธิบดีศาลอาญา นายมานิตย์
จิตต์จันทร์กลับ ท่านก็อยู่ที่บ้าน ไม่เคยหลบลี้หนีภัยไปที่ใดเลย
แล้ววันนี้คดีก็ขาดอายุความไป 5 คน แล้วก็สั่งฟ้องในสำนวนที่ 2 เพียงแค่ 2
คนเท่านั้น”
ซึ่งในทางปฏิบัติ
คดีนี้เดิมทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งฟ้อง อัยการแผนกคดีพิเศษสั่งไม่ฟ้อง
ต่อมาตำรวจมีความเห็นแย้ง จึงให้อัยการสูงสุดในขณะนั้นคือนายชัยเกษม นิติสิริ
เป็นผู้ชี้ขาด ซึ่งได้ชี้ขาดให้สั่งฟ้องทั้งจำนวน 15 คน และทั้ง 15 คน ไม่มีใครร้องขอให้มีการแยกสำนวนคดีเป็น
2 สำนวน แต่พนักงานอัยการได้แยกสำนวนแรกไป 7 คน และสำนวนที่ 2 อีก 8 คน
ซึ่งต้องมีหน้าที่อย่างเดียวคือการสั่งฟ้องทั้งหมด นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวต่อว่า
“ผมเห็นว่าการที่พนักงานอัยการได้ปล่อยให้ 5 คน ขาดอายุความ
ผมไม่มีความประสงค์ให้ใครต้องถูกดำเนินคดีอะไร
แต่ชี้ให้เห็นว่าบ้านเมืองก็ต้องมีหลักเหมือนกัน
ผมถูกความอยุติธรรมต่างกรรมต่างวาระมากมาย ในวันนี้ทางศาลจึงให้อัยการมาชี้แจง
ผมมีโอกาสเจอกับท่านอาจารย์มานิตย์ท่านก็ยืนยันว่าท่านไม่ได้ไปไหน
และที่ผ่านมาท่านก็ยืนว่าถ้าอัยการฟ้องท่านวันไหน ท่านก็จะฟ้องกลับในวันนั้น”
ผมไม่มีได้ความหวั่นวิตกว่าจะต้องไปติดคุก
เพราะผ่านมาแล้วถึง 4 ครั้ง เพียงแต่การดำเนินคดีของพนักงานอัยการจะต้องมีความยุติธรรม
มีความเสมอภาค มิฉะนั้นการเลือกจะดำเนินคดีกับใครก็เลือกตามความพึงพอใจ
ทั้งที่มีคำสั่งฟ้องทั้ง 15 คน แต่ปรากฏว่าปล่อยให้คดีขาดอายุความถึง 5 คน
นายจตุพรกล่าว
ผมเองก็ต้องร้องขอความเป็นธรรมจากศาลด้วย
ผมถูกคำวินิจฉัยที่เป็นปัญหามาหลายครั้งตั้งแต่คดีทางแพ่งที่ระบุให้ไปชดใช้ค่าเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีการะบุว่าผมพูดเหมือนอดีตนายกฯ ทักษิณ แต่ยกฟ้องนายกฯ ทักษิณ
แต่สั่งให้นายจตุพรชดใช้เพราะนายจตุพรเป็นประธานนปช. ทั้งที่ผมไม่ได้เป็น
ผมเป็นหลังจากนั้น 4 ปี อย่างนี้เป็นต้น
ก่อนจบคำให้สัมภาษณ์
นายจตุพรยืนยันว่า “คดีนี้ผมไม่ยอมให้พนักงานอัยการใช้วิธีการอย่างนี้กับผม
ไม่ใช่เป็นการถ่วงรั้งเวลา ผมมีคดีอยู่เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ไม่ได้มีความวิตก
แต่ว่านี่คือความอัปยศไม่ควรที่จะเกิดขึ้น เป็นการเลือกปฏิบัติ
ขนาดพวกผมยังโดนขนาดนี้ แล้วประชาชนจะอยู่ในสภาพไหน
วันนี้ก็หวังว่าศาลจะได้หาช่องทางออก เพราะว่า 5 คนนั้นคดีขาดอายุความ
อย่างไรก็ดำเนินไม่ได้ แต่คนที่จะต้องรับผิดชอบคืออัยการ”
สำหรับคดีการชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์เมื่อ
22 ก.ค. 50 นั้น อัยการได้แยกสำนวนคดีเป็น 2 สำนวน ซึ่ง สำนวนแรก ประกอบด้วย
นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล, นายวีระศักดิ์ เหมะธุลิน, นายวันชัย นาพุทธา, นายวีระกานต์
มุสิกพงศ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และ นพ.เหวง โตจิราการ โดยคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
ยกฟ้องนายวีระศักดิ์และนายวันชัย และศาลฎีกามีคำตัดสินจำคุกจำเลยที่เหลือคนละ 2 ปี
8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ได้แก่ นายนพรุจ-นายวีระกานต์-นายณัฐวุฒิ-นายวิภูแถลง-นพ.เหวง
ซึ่งล่าสุดนายณัฐวุฒิได้รับการพักโทษ ออกจากเรือนจำเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 63
แต่ยังต้องติดกำไลอีเอ็มข้อเท้าจนพ้นโทษตามคำพิพากษาคือสิ้นเดือน มี.ค. 64
ส่วนสำนวนที่สองนั้น
มีจำเลย 8 คน ซึ่งอัยการได้สั่งฟ้องเพียง 2 คนคือนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายศราวุธ
หลงเส็ง ส่วนอีก 5 คนกลายเป็นคดีขาดอายุความ ได้แก่ นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ,
นายบรรธง สมคำ, ม.ล.วีระยุทธ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา (3 คนนี้อยู่ในประเทศ) ส่วน นายจักรภพ
เพ็ญแข และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย อยู่ต่างประเทศ ส่วน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย
ซึ่งเสียชีวิต ศาลได้จำหน่ายคดีไป
#ยูดีดีนิวส์ #UDDnews