"ส.ส.เจี๊ยบ" ยื่นกรมราชทัณฑ์
ขอคำชี้แจงกรณี "ทนายอานนท์" เขียนจดหมายร้องขอชีวิต ด้านรองอธิบดีฯ ระบุ เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนปกติการตรวจโควิด
วันนี้ (16 มี.ค. 64) เวลา 14.30 น. ที่กรมราชทัณฑ์ ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี ส.ส.จากพรรคก้าวไกล นำโดย นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ ส.ส.เจี๊ยบ ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์ ขอให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและบุคคลเข้าออกเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร สืบเนื่องจากกรณีนายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และแกนนำกลุ่มราษฎร ปัจจุบันเป็นผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวในเรือนจำระหว่างพิจารณาคดีโดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวมาสู้คดี แม้จะขอประกันตัวมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุด นายอานนท์ออกมาเปิดเผยผ่านทางจดหมายว่า มีเจ้าหน้าที่พยายามนำตัวผู้ต้องหากลุ่มคณะราษฎรออกจากเรือนจำกลางดึก ท่ามกลางข่าวลือจะมีการทำร้ายหมายเอาชีวิต คล้ายกับที่เกิดกับหมอหยองและหลาย ๆ คน
นางอมรัตน์ ระบุว่า ตนและส.ส.พรรคก้าวไกล มีความไม่สบายใจอย่างยิ่ง จึงได้มายื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของสถานที่คุมขังในเรือนจำ เพื่อดูว่าเมื่อคืนวันที่ 15 มี.ค. มีความผิดปกติ และมีบุคคลภายนอกเข้าไปในเรือนจำหรือไม่ เนื่องจากจดหมายของนายอานนท์ ระบุว่าจะมีการนำตัวแกนนำตัวออกมาตรวจโควิดตลอดทั้งคืน ส่วนตัวมองว่าเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ อีกทั้งแกนนำทุกคนยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ในระหว่างพิจารณาคดี ดังนั้นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ต้องออกมาชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งในเบื้องต้นได้ประสานงานไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์แล้วเพื่อที่จะยื่นหนังสือให้กับตัวอธิบดีเอง
ขณะที่ ชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบรท์ ราษฎร และเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี จัดกิจกรรมผูกโบว์สีดำที่ประตูด้านหน้ากรมราชทัณฑ์ และมีการนำจดหมายของนายอานนท์ถ่ายเอกสารไปแปะไว้ที่ประตูและป้ายของกรมราชทัณฑ์ จากนั้นได้มีการสลับกันกล่าวปราศรัยประเด็นต่าง ๆ หน้าประตูกรมราชทัณฑ์
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ นางอมรัตน์ และ ส.ส.จากพรรคก้าวไกล เข้าไปยื่นหนังสือได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ระบุว่า รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้อธิบายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติเกี่ยวกับมาตรการนำผู้ต้องหาภายในเรือนจำไปตรวจเชื้อโควิด-19 ในยามวิกาล ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 โดยกรมราชทัณฑ์จะออกแถลงการณ์มาชี้แจงรายละเอียดกับประชาชนและสื่อมวลชนอย่างละเอียดภายในวันนี้ ตนเองในฐานะ ส.ส. จะติดตามเรื่องนี้ต่อไป
นอกจากนี้เบื้องต้นยังไม่ได้มีการแสดงหลักฐานใด ๆ แต่รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ระบุว่า มีภาพที่แสดงว่าเจ้าหน้าที่เข้าไปโดยเหน็บกระบองไว้ ไม่ได้มีการนำออกมาใช้ ซึ่งเป็นปกติของเรือนจำ สำหรับการไม่ติดป้ายชื่อได้รับการชี้แจ้งว่าเป็นวาระโอกาสที่บางครั้งก็ไม้ได้ติด ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ทราบเรื่องแล้ว ต้องรอติดตามการแถลงของกรมราชทัณฑ์ต่อไป
ด้าน นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ออกมารับหนังสือจาก นางอมรัตน์ พร้อมเผยถึงเหตุผลของการนำตัวแกนนำคณะราษฎร ทั้ง 9 คน ออกมาจากเรือนจำ ว่า เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนปกติในการตรวจโควิด ซึ่งในที่คุมขังไม่ได้มีแกนนำเท่านั้น แต่ยังมีบุคคลอื่นอยู่ด้วย โดยได้เชิญแพทย์ นักเทคนิค รวมถึงโรงพยาบาลมาตรวจ เมื่อตรวจครบทุกคน ทีมแพทย์ทั้งหมดได้เดินทางกลับประมาณเที่ยงคืน คนอื่นที่ตรวจเสร็จแล้วสามารถที่จะออกจากห้องได้ แต่ทางแกนนำไม่อนุญาตให้ออกมาจากห้อง เพราะเป็นห่วงคนที่มีเชื้อแต่ไม่มีอาการ และแกนนำมีภาวะไม่ไว้วางใจ จึงได้ขอร้องให้กลุ่มแกนนำย้ายไปอีกห้อง
โดยในส่วนเรื่องป้ายชื่อและเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นพ.วีระกิตติ์ เผยว่า ทุกคนเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่าไม่มีการทำร้ายร่างกาย เรามีภาพและหลักฐานชัดเจน ซึ่งเป็นคนละกรณีกับหมอหยอง
นพ.วีระกิตติ์ กล่าวย้ำอีกว่า ตนอยากจะชี้แจงถึงความชอบธรรมของบุคคลอื่นที่อยู่ในเรือนจำด้วย ซึ่งมีจำนวน 3,000 - 4,000 คน หากแกนนำไม่ต้องการจะตรวจเราก็ไม่ได้ว่าอะไร เราไม่ต้องเกิดให้เกิดภาวะอึดอัด เราจึงต้องนำตัวบุคคลที่ตรวจแล้วออกมาจากห้อง
จากนั้น นางอมรัตน์ ได้เข้าไปเจรจากับรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ด้านใน โดยใช้เวลาไม่นาน จึงได้ออกมากล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้รับคำชี้แจงว่าเหตุการณ์เมื่อคืนมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เข้าไปพบกับ ไผ่ และ ไมค์ จริง ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนปกติของเจ้าหน้าที่ที่จะนำตัวทั้งคู่ไปตรวจโควิด-19 ซึ่งการเข้าไปคุมตัวนั้นเจ้าหน้าที่ได้พกกระบอกติดตัวไปตามปกติอยู่แล้ว ส่วนการแต่งกายของเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปไม่ติดป้ายชื่อนั้น ได้รับคำชี้แจงว่าการติดป้ายชื่อจะเป็นไปตามวาระและโอกาส เท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแถลงการณ์ต่อไป
อย่างไรก็ตาม นางอมรัตน์ ระบุว่า วันนี้จะมีการแถลงการณ์ออกมาอย่างไรนั้นของให้ผู้ชุมนุมฟังและพินิจพิเคราะห์ดูเหตุผลอย่างละเอียด อย่าให้เกิดข้อขัดแย้งระหว่างมวลชนกับข้าราชการ
ทั้งนี้บรรยากาศด้านหน้ากรมราชทัณฑ์ นอกจากมีมวลชนมาร่วมกันผูกโบว์สีดำแล้วยังมีการตะโกนให้ปล่อยเพื่อนเรา ยกเลิก112 เป็นระยะ ๆ ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ที่คอยสังเกตการณ์
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กรมราชทัณฑ์ #ราษฎร #ปล่อยเพื่อนเรา