วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2564

แลไปข้างหน้า กับ ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.55 ตอน เมื่อผู้ทรงอำนาจไม่อายที่พ่ายศึก แต่หันมาสู่กับประชาชน!

 

แลไปข้างหน้า กับ ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.55

ตอน เมื่อผู้ทรงอำนาจไม่อายที่พ่ายศึก แต่หันมาสู้กับประชาชน!

 

สวัสดีค่ะ วันนี้เราก็พบกันในเวลาของทุรยุค ในเวลาที่มันเป็นกลียุค ดิฉันก็อยากจะมาพูดในประเด็นที่ว่า คือความจริงเมื่อศึกพ่าย แต่ผู้ทรงอำนาจไม่อายที่พ่ายศึก แต่หันมาสู้รบกับประชาชน

 

ทำไมดิฉันใช้คำว่าไม่อายที่จะพ่ายศึก เหตุผลเพราะว่ามันน่าจะประจักษ์ชัดแล้วว่า ผู้ครองอำนาจในเวลานี้ซึ่งเป็นผู้ครองอำนาจที่มีอำนาจเหลือล้น ที่เป็นฝ่ายจารีตนิยม อนุรักษ์นิยมที่แท้จริง มีอำนาจทั้งในสภานิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ อำนาจในกองทัพ คือมีอำนาจทั่วทุกทิศ ประหนึ่งกับสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในสมัยโบราณ ไม่ใช่ยุคประชาธิปไตย เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ยึดอำนาจไว้ได้หมด แต่จะยึดหัวใจประชาชนไว้ได้หรือเปล่า นั่นอีกเรื่องหนึ่ง!

 

ในขณะนี้เสียงระเบ็งเซ็งแซ่ที่เราเห็นก็วันที่ 1 ส.ค. อันนี้เบาะ ๆ คือที่ออกมาเรียกร้องให้นายกฯ ออกไป ก็ใช้คำสั้น ๆ ว่า “ประยุทธ์ออกไป” แต่ว่าความกลียุคของประเทศนั้น ดิฉันอยากให้ผู้ที่มีความสามารถในเชิงการประพันธ์ได้เขียนเหมือนเพลงยาวพยากรณ์อยุธยา ว่าคำว่าพ่ายศึกครั้งนี้ พระนครแตกครั้งนี้ มันเป็นยังไง

 

มันมีคนตายอยู่รินถนนเป็นวัน ๆ มีคนตายอยู่ในบ้าน แล้วก็ยังไม่ได้เก็บศพ ห้องเก็บศพก็หนาแน่นจนกระทั่งต้องไปหาคอนเทนเนอร์มา เผาศพจนกระทั่งสัปเหร่อก็ติดโควิด เมรุแตก แล้วสัปเหร่อก็ต้องออกมาพูดการเมืองซึ่งดูเยี่ยมยิ่งกว่าผู้ปกครองประเทศ อย่างเช่นกรณีที่เขาบอกว่าทำไมต้องเอาเงินไปเที่ยวเยียวยา ได้ไม่กี่บาท แต่ระดมทรัพยากรซื้อวัคซีนดี ๆ มาให้ประชาชนฉีดทั้งประเทศจะดีกว่า ถามว่านี่คือวิสัยทัศน์ของสัปเหร่อ เมื่อสัปเหร่อมีคำพูดที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าผู้ปกครองประเทศ หรือเปล่า?

 

ดิฉันใช้คำว่าผู้ปกครองประเทศเพราะว่าดิฉันไม่อยากจะชี้เฉพาะเจาะจงไปที่บุคคลคนเดียว แต่แน่นอนคุณประยุทธ์ต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้สืบทอดอำนาจมาจากการทำรัฐประหาร คุณต้องรับผิดชอบว่าขณะนี้สัปเหร่อพูดดูดี มีแต่คนชมเชย มันอะไรกัน ประเทศไทยไม่เคยเป็นอย่างนี้

 

ดังนั้นควรที่จะมีการเขียนเพลงยาว เมื่อกรุงรัตนโกสินทร์แตกพ่าย แต่ว่าผู้ปกครองไม่ยอมรับ ดิฉันจะอ่านเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาเอาไว้บางตอน

 

“คือเดือดดาวดินฟ้าจะอาเพศ  อุบัติเหตุเกิดทั่วทุกทิศาน

มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาฬ  เกิดนิมิตพิสดารทุกบ้านเมือง

พระคงคาจะแดงเดือดดังเลือดนก  อกแผ่นดินเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง

ผีป่าก็จะวิ่งเข้าสิงเมือง  ผีเมืองนั้นจะออกไปอยู่ไพร

พระเสื้อเมืองจะเอาตัวหนี  พระกาฬกาลีจะเข้ามาเป็นไส้

พระธรณีจะตีอกไห้  อกพระกาฬจะไหม้อยู่เกรียมกรม

 

ในลักษณ์ทำนายไว้บ่อห่อนผิด  เมื่อพินิจพิศดูก็เห็นสม

มิใช่เทศกาลร้อนก็ร้อนระงม  มิใช่เทศกาลลมลมก็พัด”

 

ก็คือที่เขียนเอาไว้มันก็ประมาณนั้น ดังที่ครั้งที่แล้วดิฉันได้บอกว่าคนในพระนครก็จะต้องหนีร้อนออกไปอยู่ในหัวเมือง เรียกว่าจะเมืองไปอยู่ไพร อะไรทำนองนี้ เพราะฉะนั้นนี่มันเป็นกลียุคอย่างสุด ๆ แต่ผู้มีอำนาจไม่ยอมรับผิด ไม่อายที่จะบอกว่ามีการสู้รบข้าศึก (โควิด) แล้วพ่ายแพ้ บอกไปว่าเพราะเชื้อโรคมันกลายพันธุ์

 

รู้หรือเปล่าว่าเชื้อโควิดขณะนี้คือข้าศึกศัตรูตัวจริงของประเทศชาติ ประชาชนและคนทั้งโลก ไม่ใช่ประชาชนที่ออกมาร้องทุกข์ ที่ออกมาขอให้ขุนพลด่านหน้ามีอาวุธครบมือ ได้รับการฉีดวัคซีนที่ดี ปกป้องตัวเองได้ ปกป้องประชาชนได้ มียา มีเครื่องช่วยหายใจ พวกนี้ไม่ใช่ศัตรู ศัตรูก็คือข้าศึก ศัตรูก็คือโควิด! เชื้อโรค

 

แต่นี่มันกลายเป็นว่าพี่น้องประชาชนกลับกลายเป็นว่าการล้มตายของพี่น้องประชาชนไม่ใช่ความผิดของผู้ปกครอง ในอดีต ถ้ามีการรบกับข้าศึก ถ้าคุณพ่ายแพ้ ในอดีตนะ ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ถ้าคุณไม่ถูกจับเป็นเชลย คือพูดง่าย ๆ ว่าต้องเปลี่ยนผู้ปกครอง ดิฉันพูดอย่างนี้ก็แล้วกัน

 

ในอดีต แม้กระทั่งในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ถ้าคุณพ่ายแพ้ข้าศึกมันต้องเปลี่ยนผู้ปกครอง ไม่งั้นคุณก็จะต้องฆ่าตัวตาย หรือว่าหลบหนี อย่างตอนกรุงแตกรอบ 2 พระเจ้าเอกทัตก็หนี พระเจ้าอุทุมพรก็ถูกจับทั้ง ๆ ที่บวช ต้องไปอยู่ที่พม่าแล้วก็สิ้นพระชนม์ที่นั่น สวรรคตที่นั่น

 

คือผู้ปกครองต้องยอมรับความจริงและต้องยอมรับชะตากรรมถ้าพ่ายศึก แต่นี่ไม่ใช่!

 

ดิฉันเชื่อว่าการที่ประชาชนออกมาเพื่อที่จะ ต้องการที่จะเรียกร้อง ใช้คำว่าประยุทธ์ออกไป หรือว่ามีคำพูดต่าง ๆ นา ๆ ทั้งหมดคือรวมศูนย์ว่า ความหมายก็คือว่าต้องการให้รับผิดชอบ ต้องการให้รับผิดชอบต่อความเสียหายของประเทศชาติ ของประชาชนในครั้งนี้

 

แต่ดิฉันคิดเอาเองนะที่ จะบอกว่าคุณประยุทธ์ลาออก เป็นไปไม่ได้แน่นอน ไม่เห็นจะรู้ร้อนรู้หนาวเลย ไม่มีทาง ประมาณว่าผมผิดอะไร Work from home ผมก็ไม่ผิด มีข้ออะไรต่าง ๆ เยอะแยะ ดังนั้นขณะนี้ความผิดมันกลายเป็นของ ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และว่าพวกหมอทั้งหลาย เราบอกว่าให้ใช้ Rapid Test ก็ไม่ใช้ บอกว่า ในเรื่องของการใช้ Rapid Test ก็ไปโยนเป็นความผิดของหมอ ในเรื่องของการที่หาวัคซีนมาไม่พอ ก็เป็นปัญหาของกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้เป็นต้น

 

ตกลงคุณประยุทธ์ไม่ผิด คุณประยุทธ์ทำดีที่สุดแล้ว ดังนั้นไม่มีทางเลยที่คุณประยุทธ์จะลาออก ไม่มีทางที่จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่มีทางที่จะลาออกจากการครองอำนาจทั้งในสภานิติบัญญัติ แล้วก็ในทุกสถาบัน ในส่วนของรัฐบาล ในส่วนของกองทัพ

 

และมิหนำซ้ำกองทัพกลับมาบอกอีกว่ามีข่าวลือว่าจะมีการทำรัฐประหาร อันนี้เป็นความเท็จ เป็นการใส่ความ เป็นการทำให้เสื่อมเสีย มันเสื่อมเสียยังไง? คุณทำรัฐประหารกันมาตลอด ถ้าอย่างนั้นคุณยอมรับมั้ยว่าที่ทำรัฐประหารกันมาตลอด กระทั่งครั้งสุดท้ายเป็นความเลว! ตอนนี้คุณบอก มาว่าผมได้ยังไง มาทำรัฐประหาร ทำให้ผมเสื่อมเสีย เอาความเลวมาโยนให้ผม เอางั้นคุณก็ยอมรับซิว่าทำรัฐประหารครั้งที่แล้วก็คือความเลว

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คือ เมื่อไม่อาย ไม่ยอมรับว่าได้เป็นผู้ทรงอำนาจ ควบคุมดูแลการสู้รบจนพ่ายแพ้ ถามว่าแพ้มั้ยตอนนี้ แพ้เรียบร้อยอยู่แล้ว แพ้แล้วแต่ไม่ยอมรับ ไปโยนให้พวกขุนพลทั้งหลาย แล้วถามว่าขุนพลเหล่านี้มีอาวุธป้องกันตัวที่ดีมั้ย คุณให้วัคซีนเขามั้ยเต็มที่ จะได้วัคซีนที่ไปขอทานเขามาแล้วก็ยังมีข้อกำหนดมากมายในการที่จะให้อาวุธเพื่อปกป้องตัวเองสำหรับหมอ สำหรับพยาบาล

 

คุณยังไม่ยอมรับทั้งที่ในกรุงเทพฯ เดินไป 6 คน 1 คนติดเชื้อ แล้วคนที่มาโรงพยาบาล 3 คน ไม่ว่ามาด้วยอุบัติเหตุ ด้วยเรื่องอะไร ใน 3 คน อย่างน้อย 1 คนติดเชื้อ มันติดหมด

 

ดังนั้น ดังที่ดิฉันได้ประมาณในรอบที่แล้วว่า คนที่ติดเชื้อนั้นถ้ากรุงเทพฯ มีคน 6 ล้านคน ถ้าเอาประชากร 6 ล้าน ไม่นับประชากรแฝง ไม่นับแรงงานต่างด้าวนะ คนติดเชื้อในกรุงเทพฯ ประมาณ 1 ล้านแล้ว ใน 1 ล้านคน 10% ก็แสน 20% ก็ 2 แสน ดิฉันตีว่า 15% 1.5 แสนจะเป็นคนสีเหลือง เพราะฉะนั้นคนจะล้มตายกันตลอด นี่คือยิ่งกว่าความอาเพศ ยิ่งกว่าเรื่องในเพลงยาวพยากรณ์อยุธยา ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง ประเทศไทยไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาเลย พูดกันตรง ๆ ว่าตั้งแต่ตั้งประเทศไทย ไอ้ประเภทที่มาล้มตายร่วงกันริมถนน นอนตายอืด แล้วก็ไม่มีคนได้มาเก็บศพ มันไม่เคยมีแบบนี้ มันเพิ่งมามีในยุคที่จารีตนิยม อำนาจนิยม มีอำนาจสูงสุด ในขณะที่โลกเป็นทุนนิยมโลกาภิวัฒน์ คือมันขัดแย้งกันมาก แล้วรัฐราชการมีอำนาจมาก ก็ทำงานแบบจารีตนิยม ทำงานแบบรัฐราชการ ประชาชนก็ล้มตาย ไม่ทัน ไม่ทันกับเหตุการณ์ แต่คุณไม่อาย แต่คุณจะหันมาปราบปรามประชาชน

 

เหตุการณ์คืนวันที่ 1 สิงหาที่ดินแดง แล้วภาพที่เอาปืนจ่อหัวประชาชน คำถามว่าคุณทำได้ยังไง จ่อหัวประชาชนท่ามกลางที่มีกล้องเต็มไปหมด  แปลว่าไม่รู้สึกว่ามันเป็นความเสียหาย มันเป็นการประกาศว่าให้รู้ซิว่า ขณะนี้พวกที่มาร้องเรียน พวกเอ็งรู้หรือเปล่าว่าพวกเอ็งเป็นใคร แล้วพวกข้าเป็นใคร ประมาณนั้นน่ะ มันมีหน้าที่ที่ว่า ประชาชนมีหน้าที่เพียงแต่ว่าให้รับทำตามที่รัฐบอก สั่ง ไม่มีหน้าที่มาหือมาอือ

 

แล้วคุณออกมาจัดการในเรื่องของการปิดปาก ปิดหู ปิดตา สื่อฯ ไม่ยอมให้คนได้ใช้สิทธิเสรีภาพ คือมันยิ่งหนัก แปลว่าถ้าแม้นที่ผ่านมารัฐบาลทำผิด ถึงปัจจุบันทำผิด แล้วถ้าอนาคตจะทำผิด อย่าพูดนะ ต่อให้มันเป็นความจริง พูดแล้วจะทำให้เกิดปัญหาผู้คนตกอกตกใจหรือหวาดกลัว พูดไม่ได้! เตรียมไว้หรือเปล่า เตรียมไว้หรือเปล่าว่าถ้ามีการปราบปรามประชาชนแล้วสื่อห้ามออก

 

อันนี้ประชาชนทั้งหลายก็ควรสำเหนียกไว้ด้วย ประชาชนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว และหรือคนที่บอกว่าเป็นกลางหรืออะไร ที่แท้คุณกำลังสนับสนุนจารีตนิยมอำนาจนิยม แล้วถ้าคุณเชื่อว่าเขาเป็นคนดี เป็นคนเก่ง ไม่เคยมียุคไหนที่พวกจารีตนิยมอำนาจนิยมมีอำนาจเหมือนกับรัฐบาลชุดนี้ เพราะอยู่มาแล้ว 7 ปี แล้วเขียนยุทธศาสตร์ 20 ปี อะไร ๆ ก็อยู่ในมือหมดเลย แล้วเห็นฝีมือว่ายังไง ฝีมือว่าประเทศไม่เคยฉิบหายแบบที่เป็นแบบนี้มาก่อน ประชาชนไม่เคยล้มตายอย่างน่าอนาถ ทั้งข้างถนน ทั้งริมถนน ทั้งในบ้าน คุณจะไปห้ามหรือ ไม่ให้คนตาย ห้ามไม่ได้ แต่คุณจะห้ามไม่ให้คนมาร้องเรียน ไม่ให้คนมาต่อต้านรัฐบาล ดิฉันคิดว่าสถานการณ์แบบนี้เป็นสถานการณ์ที่ไม่มีคำว่าเป็นกลาง ไม่มีคำว่าเงียบ ๆ เอาไว้ ปล่อยให้รัฐบาลเขาจัดการ เพราะขณะนี้กำลังสู้ศึก แต่รัฐบาลไม่ได้สู้ศึกเชื้อโรค รัฐบาลหันมาปราบปรามประชาชน

 

เคยมีอดีตเรื่องราวในประเทศจีนซึ่งดิฉันจำได้ตลอดว่า กษัตริย์จีนองค์หนึ่ง แทนที่จะปราบปรามศึกที่มาจากภายนอก ในขณะนั้นที่เป็นมองโกล แต่หันมาสู้รบกับกบฎชาวนา คือกลัว กลัวจะมาแย่งอำนาจของตัวเอง ในที่สุดก็เป็นการสิ้นสุดราชวงศ์ เพราะมองโกลสามารถเข้ามาได้ อันนี้เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า เมื่อผู้ครองอำนาจ เมื่อผู้ครองเมือง ไม่ประเมินว่าใครคือข้าศึกศัตรูที่แท้จริง กลัวกบฏชาวนาจะมาแย่งบัลลังก์ แต่ไม่ได้คิดว่ากบฏชาวนาคือประชาชนของตัวเอง แล้วก็เป็นไพร่เล็กน้อย แต่ในขณะที่ข้าศึกศัตรูนั้นยิ่งใหญ่กว่า

 

เหมือนขณะนี้ดิฉันก็อยากจะเอามาเปรียบเทียบว่า คุณกำลังสู้กับข้าศึกศัตรูซึ่งมีอานุภาพนะ นั้นก็คือเชื้อโรคโควิด ซึ่งมันเป็นข้าศึกศัตรูที่ทำลายชีวิต ทำลายเศรษฐกิจ ทำลายสังคม ทำลายทุกอย่างไปทั่วโลก แล้วเป็นการทดสอบฝีมือของผู้ปกครอง คุณต้องรวบรวมสรรพกำลังทั้งหมดในการที่จะมาสู้รบกับข้าศึกศัตรูตัวจริง

 

แต่คุณหันมาจัดการปราบปรามประชาชน เอาปืนมาจ่อหัว แล้วก็บอกว่าเป็นการเตือน!  อย่างนี้เขาเรียกว่าเตือนหรือ? เอาปืนจ่อหัวนะ สมมุติว่าคุณเป็นคนในครอบครัวนี้ สามีภรรยาเพื่อนฝูงเตือน กลับเอาปืนจ่อหัว คุณว่ามันเหมือนกันมั้ย? เตือนแบบเอาปืนจ่อหัว เตือนแบบเอาไปเข้าคุก เอาปืนจ่อหัว หรือว่าอย่างในปี 53 นั่นมันไม่ใช่เตือนละ ก็ใช้ปืนความเร็วสูงที่ดัดแปลงเป็น M16 ติดลำกล้อง ก็เป็นปืนซุ่มยิงได้ แต่อันนี้ทำกลางถนนเลย ทำอย่างกับในสงครามเวียดนาม อันนั้นเขาใช้ปืนพกนะ ที่จ่อหัว คือไม่อายฟ้าดิน ไม่อายประชาชน ไม่อายคนในโลก แล้วไม่รู้ว่าศัตรูตัวจริงคืออะไร

 

ทั้งหมดนี้ก็คือ มันเกิดมาจากการที่ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง เพราะฉะนั้นดิฉันก็จะสรุปว่า ไม่อาย ไม่ยอมรับผิดว่าได้กระทำการผิดพลาด แล้วจะไม่ยอมลงจากอำนาจ แล้วไม่ประเมินพละกำลังของความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ ประชาชน นี่มองถ้าพูดแบบหวังดีนะ ไม่ได้พูดว่าเพื่อยึดอำนาจไว้ให้กับตัวเอง ครองอำนาจเพื่อมีความมั่งคั่งมั่นคงอะไรอย่างนั้นนะ คือไม่ประเมินว่าใครคือศัตรูตัวจริงของประเทศชาติ กลับไปเอาประชาชนเป็นศัตรู

 

ประชาชนจะมาเป็นศัตรูกับประเทศชาติ ประชาชน เป็นไปไม่ได้!

 

ฉะนั้น เมื่อไม่ยอมรับผิด ไม่อาย ก็หันมาสู้รบกับประชาชน ดิฉันว่ามันเป็นอาเพศแล้วนะ ก็คือ แน่นอนกรุงแตกแล้ว พระนครแตกแล้ว แล้วมีคนตายทั่วท้องถนนซึ่งไม่เคยปรากฎเกิดขึ้น แต่ว่าคนที่อ้างตัวเองว่าเป็นคนดีทั้งหลาย และมีอำนาจ ทำทุกอย่างเพื่อจะได้อำนาจในการปกครอง เพราะถือว่าพวกที่มาจากการเลือกตั้งเป็นคนชั่ว แล้วก็ชนะการเลือกตั้งนี่เป็นคนชั่ว

 

คุณเป็นคณะคนดีที่ปกครองมายาวนาน แต่คุณล้มเหลวในการที่จะสู้รบกับอริราชศัตรูตัวจริงขณะนี้ ซึ่งมันทำให้เกิดกลียุคทั่วทั้งแผ่นดิน คุณยังไม่ยอมรับ หันมาจัดการจะเชือดคอพี่น้องประชาชนที่โวย บอกว่าคุณถอยออกไปซิ ให้คนอื่นเขามาทำ ให้เขามาทำ ทำเพื่อที่จะแก้ปัญหา ไม่ใช่ทำเพื่อชิงอำนาจ คุณอย่าไปมองว่าเป็นเรื่องชิงอำนาจนะ ขณะนี้ นี่เป็นเรื่องการแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประเทศชาติ ประชาชน ค่ะ


#ไล่ประยุทธ์

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์