คุยกับ
“หนึ่ง-ฐนกร” เหยื่อความรุนแรงของเจ้าหน้าที่คฝ. ผู้สูญเสียดวงตา ณ
สามเหลี่ยมดินแดง วันเดียวกับ “ลูกนัท” โดนยิง!
เมื่อวานนี้
(30 ส.ค. 64) ผู้สื่อข่าวอาสาของยูดีดีนิวส์
ได้พบกับชายผู้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.)
เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 64 ในวันนั้นกลุ่ม
#ทะลุฟ้า ได้จัดกิจกรรม “ศุกร์13
ไล่ล่าทรราช” และเกิดเหตุการณ์ที่ตำรวจยิงกระสุนแก๊ซน้ำตาใส่
“ลูกนัท”จนได้รับบาดเจ็บที่ตาอย่างรุนแรง
ขณะเดียวกันก็มีชายอีกคนหนึ่งที่ชะตากรรมไม่ต่างอะไรกับลูกนัท
มิหนำซ้ำเขาถูกกระสุนยางยิงผ่านทะลุหมวกกันน็อคเป็นผลทำให้ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาทั้งสองข้าง
ซึ่งเขาได้เปิดใจผ่านผู้สื่อข่าวอาสา “ยูดีดีนิวส์” เพื่อเผยแพร่เรื่องราวให้สังคมได้รับรู้เรื่องดังกล่าว
เขาคือ
นายฐนกร ผ่านพินิจ หรือ หนึ่ง อายุ 46 ปี อาศัยอยู่แถวอ่อนนุช
เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ ประกอบอาชีพรับจ้างขับรถ 6 ล้อ
เป็นเสาหลักของครอบครัว หาเลี้ยงครอบครัว มีลูก 2 คน
คนโตจบการศึกษาแล้ว ส่วนอีกคนเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 2
ส่วนภรรยาขายกาแฟในวัด ซึ่งในสถานการณ์โควิด-19
นี้ก็ขายของไม่ค่อยได้ คนไม่ค่อยมาวัด
.
ฐนกร
เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า “เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 64
เขาได้ขับรถผ่านมาสังเกตุการณ์การชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง
โดยวิ่งรถจักรยานยนต์มาจากวิภาวดีรังสิต ช่วงนั้นถนนใช้ได้เลนเดียวซ้ายมือเพื่อจะไปทางถนนพระราม
9 เวลาประมาณ 17.00 น. เห็นคฝ.ประมาณ 10 กว่าคนบนทางด่วน เมื่อเขาขี่รถผ่านมาตอนนั้นก็ถูกระดมยิ่งอย่างหนัก
ซึ่งบริเวณนั้นตนเห็นมีผู้สื่อข่าวด้วย เขาก็วิ่งหนีกันไปหมด
จากนั้นคฝ.ก็ระดมยิงกระสุนยางใส่ตนโดยกระสุนทะลุหมวกกันน็อคเข้ามาผ่านตาทั้งสองข้าง
โดยตาข้างขวาโดนเต็ม ๆ ส่วนตาข้างซ้ายเฉียดไป
พอดีในวันนั้นตนใส่เสื้อสีแดง
ก็เลยถูกระดมยิงจากคฝ.ที่อยู่บนทางด่วนระยะห่างประมาณ 3-4
เมตร ถูกคฝ.ระดมยิงอย่างเดียว ตนถูกกระสุนยางยิงเต็ม ๆ และอาศัยเสาไฟฟ้าเป็นที่หลบภัย
ตอนนั้นพอดีมีรถจักรยานยนต์ขับผ่านมาเห็นแล้วถามว่าเป็นไงบ้างพี่ มาผมช่วย
แล้วก็ตะโกนว่ามีคนเจ็บ”
“หลังจากถูกยิงก็มีผู้นำส่งโรงพยาบาลราชวิถีและนอนรักษาตัว 1 คืน แต่เนื่องจากเตียงที่รพ.ราชวิถีเต็ม ต่อมาวันที่ 14 ส.ค. จึงถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่รพ.พระมงกุฎเกล้าเพื่อทำการผ่าตัดเนื่องจากถูกลูกกระสุนบริเวณตาขวาฉีกขาด
ส่วนตาข้างซ้ายโดนกระสุนถากไปแต่ทำให้เลนส์ตาเคลื่อน” นายฐนกร กล่าว
นายฐนกร
เล่าต่อไปว่า “แพทย์ที่รพ.พระมงกุฎฯ
ได้ตรวจตาข้างขวาพบว่ามีการฉีกขาดรุนแรงอันเนื่องมาจากการถูกของแข็ง
แพทย์ได้ทำการผ่าตัดและเย็บแผลที่ฉีกขาด ซึ่งขณะนี้ตาขวายังมองเห็นแสงเลือน ๆ
ไม่สามารถมองเห็นระบุใบหน้าใครได้
คุณหมอบอกว่ายังไม่รู้ว่าจะต้องใส่ตาเทียมข้างขวาหรือไม่ ตาข้างซ้ายก็เช่นกัน
เพราะว่าเลนตาซ้ายเคลื่อนต้องทำการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ใหม่ รักษาตัวที่รพ.พระมงกุฎฯ
ตั้งแต่วันที่ 14–27 ส.ค. 64 ถ้าอยู่รพ.ต่อไปมันจะมีค่าใช้จ่าย
จึงให้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน โดยต้องหยอดตาทุกวัน”
เบื้องต้นวันนี้
(31 ส.ค.) คุณหมอนัดไปตรวจอีกครั้ง และคาดว่าอีกประมาณ 2 สัปดาห์จะทำการผ่าตัด
ตั้งแต่เกิดเรื่องตนยังไม่ได้มีการแจ้งความแต่อย่างใด
ต้องรอปรึกษาทนายก่อนว่าจะทำอย่างไร
ตนอยากจะฟ้องร้องให้มีการรับผิดชอบในการที่ตนเองถูกยิงจนต้องสูญเสียการมองเห็นไป
ไม่สามารถขับรถรับจ้างทำมาหาเลี้ยงชีพได้อีกต่อไป
และยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป
ใบสำคัญความเห็นแพทย์
ลงวันที่ 17 ส.ค. 64 เห็นว่า มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนกระจกตาซ้ายเนื่องจากกระจกตาติดเชื้อรุนแรง
และใบสำคัญความเห็นแพทย์ ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ระบุว่า วินิจฉัยลูกตาขวาแตก และเลนส์ตาซ้ายเคลื่อน
นี่คือความสูญเสียของชายผู้ไปสังเกตการณ์การชุมนุม
เขาไม่ได้มีอาวุธใด ๆ ไม่ได้ขว้างปาสิ่งใดใส่เจ้าหน้าที่ เพียงขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง
และเพียงแต่ใส่เสื้อสีแดงเด่นชัด ก็ถูกระดมยิงเสียแล้ว
ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ความรุนแรงนี้?
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์