มองเกมการเมืองหลังจากนี้ ไม่มีทางที่ประยุทธ์จะชนะ!
เพราะบทเรียนแห่งหายนะ
ทำประเทศพังขนาดนี้
จะมีแต่คนออกมาไล่ จนนำไปสู่....?
มติชนสุดสัปดาห์ คุยกับ ธิดา ถาวรเศรษฐ
(เผยแพร่เมื่อ 14 ส.ค. 64)
อ่านเกมประยุทธ์ จะหลุดจากตำแหน่งยังไง?
ประยุทธ์ยังอยู่ประเทศจะเป็นยังไง
สถานการณ์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร
อะไรคือทางออก?
ชะตากรรมประยุทธ์ จะอยู่หรือไป
แล้วจะไปยังไง ?
.......
ลองคิดดูนะ ลองคิดเร็ว ๆ ดู อันแรกเลยซึ่งในทัศนะอาจารย์มันจะดีมากที่สุด
นั่นก็คือหมายความว่า จากการที่คนทุกฝ่าย ประชาชนทุกฝั่ง พูดตรง ๆ ว่าออกมาขับไล่ ซึ่งก็ต้องหมายถึงฝั่งจารีต
นี่ก็ยกตัวอย่างว่าสหภาพรถไฟรัฐวิสาหกิจ ก็เป็นฝั่งเดียวกันนะ
ก็ออกมาพูดว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ นี่ยกตัวอย่าง
ถ้ามีการออกมาของประชาชนเป็นการลุกฮือเป็นจำนวนมาก
มันก็จะเป็นแรงบีบ แน่นอนไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็น กลุ่มคนเหล่านี้จะไม่ถูกออกโดยมีม็อบ
แต่ว่าม็อบจะเป็นส่วนสำคัญที่ไปผลักดันให้ส่วนอื่น เขาอาจจะออกโดยปัญหากฎหมาย
ซึ่งถ้าฝ่ายจะเป็นฝ่ายตุลาการ องค์กรอิสระ หมายถึงฝั่งพลเรือน
ฝั่งที่รู้สึกว่าถ้าอยู่ต่อหายนะแน่
ฝั่งอนุรักษ์นิยมพวกนี้ก็ใช้กลไกทางกฎหมายจัดการให้ออกไปก็ได้
หรือ เขาอาจจะคิดว่าถูกบีบมาก
งั้นผมยุบสภาก็ได้ ผมเหลือเวลาอยู่ไม่นาน นี่ยกตัวอย่างนะ
แต่วิธีนี้มันก็ไม่ดีเพราะว่าเขาก็รักษาการอยู่
แล้วเขาก็มีโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลใหม่ ถ้าออกโดยวิธีนี้
โดยที่ว่าก็บอกผมทำตามรัฐธรรมนูญไง ก็คือลาออก แล้วก็เตรียมยุบสภา เลือกตั้ง
ก็อาจจะเร็วกว่าหมดตามวาระสักครึ่งปี ถูกมั้ยคะ เพราะว่ารักษาการไปได้ วิธีอันนี้
อาจารย์ชอบวิธีอันแรกมากกว่า
นั่นก็คือมันจะเกิดความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงในประเทศ
ถ้าประชาชนทั้งหลายและกลุ่มคนทั้งหลายเห็นว่าประเทศนี้ ถ้าปล่อยให้เผด็จการกับรัฐราชการจารีตปกครองประเทศ
มันจะพาหายนะเลย
ก็เท่ากับเหมือนเป็นการยกระดับทำให้พวกอนุรักษ์นิยมส่วนหนึ่งสามารถที่จะมองเห็นปัญหาได้
คือดึงมาได้ส่วนหนึ่ง ไม่ใช่พวกสุดโต่ง (พวกสุดโต่งนั้นดึงไม่ได้)
เพราะฉะนั้น
การเปลี่ยนแปลงโดยคนส่วนอื่นต้องการเปลี่ยนแปลง และร่วมกันทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
อาจารย์คิดว่าดีที่สุด ดีกว่าเขาลาออกเอง หรือว่ายุบสภา แล้วจะหวังให้พรรคร่วมออก
อาจารย์ก็มองไม่เห็นทาง
หรือไม่อีกวิธีหนึ่ง เกิดมีการทำรัฐประหาร
คืออนุรักษ์นิยมพลเรือนสามารถใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ อนุรักษ์นิยมทหารก็สามารถใช้กองทัพเป็นเครื่องมือ
ฝั่งพลเรือนสามารถให้ออกโดยใช้กฎหมายและทั้งองค์กรอิสระ
ฝั่งทหารก็สามารถเอาออกได้โดยการทำรัฐประหาร ซึ่งก็ยาก ปัญหานี้ยาก
แต่อาจารย์ว่าความเป็นไปได้ของฝั่งพลเรือนในการใช้กฎหมายนั้นมันมีตัวอย่างมาตลอด
มันน่าจะง่ายกว่า แต่ที่ดีที่สุดก็คือให้ทุกฝ่ายเข้าใจชัดเจนว่าขืนให้เผด็จการ +
รัฐราชการจารีต อยู่ต่อไปแบบนี้ ประเทศชาติเสียหายแน่
เพราะถ้าคิดแบบนี้มันจะคิดไปในเส้นทางที่สว่างไสว ที่ก้าวไปข้างหน้า
ไม่ใช่แก้บุคคล เอาประยุทธ์ไป แล้วเอาใครมา แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนความคิดในเชิงที่เข้าใจว่า
เผด็จการกับรัฐราชการจารีต มันไม่สามารถจะให้ประชาชนและประเทศนี้ผ่านอุปสรรค
ผ่านความยากลำบากแก้วิกฤตได้ เพราะฉะนั้นอาจารย์อยากให้เป็นอย่างนี้นะ
ไม่อยากให้มีรัฐประหาร ไม่อยากให้มีการยุบสภา แล้วแกก็ยังรักษาราชการอยู่
แล้วก็มีโอกาสกลับมาด้วยกลไกเดิม มีพรรคการเมือง ยังมีวุฒิสมาชิก
รัฐธรรมนูญฉบับเดิมอยู่
เพราะงั้นสำหรับตัวเองก็อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงทางความคิดของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ
ให้มองเห็นความเสียหายของคนดี ของเผด็จการที่มีอำนาจเต็ม
แล้วพาประเทศชาติประชาชนวายวอด
สิ่งนี้มันถ้ามันเกิดขึ้นในความคิดของประชาชนเป็นส่วนใหญ่ มันเป็นนิมิตหมายที่ดี
นั่นก็คือประเทศต้องเปลี่ยนแปลง แต่จะเปลี่ยนแปลงไปได้ถาวรมันต้องเปลี่ยนความคิดคน
อาจารย์ว่าในวิกฤตอันนี้ก็มีสิ่งที่ดี
พิสูจน์ให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเห็นว่ามันไปไม่รอดจริง ๆ
แล้วมันก็เกิดความสมัครสมานจะปล่อยให้ประเทศเป็นอย่างนี้ไม่ได้ เพราะว่า 7 สิงหา
ที่เขาเลือกมาวันนี้ ในอดีตมันเป็นวันที่เขาต่อสู้ด้วยอาวุธ จริง ๆ
การเลือกวันมันก็มีนัยนะ นัยที่บอกได้เหมือนกันไว้ว่า หรือให้ประเทศและประชาชนต้องกลับไปสู้รบกันด้วยอาวุธแบบเดิมหรือเปล่า
ในนี้มันก็มีนัยอยู่เหมือนกัน
แต่ว่าข้อเรียกร้องของเขา 3 ข้อ
มันเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่ได้แรงเลย ของ 7 สิงหาวันนี้นะ ไม่ใช่ 7 สิงหาเมื่อก่อน
แต่ว่ามันมีลักษณะเหมือนกับมีนัยกลาย ๆ ไม่ว่าบอกเป้าหมายที่จะไป
ไม่ว่าการเลือกวันที่ 7 สิงหา แต่สำหรับอาจารย์มองว่ามันคือการเตือนของเยาวชน
แต่เวลาทำจริง ๆ เขาทำแบบระมัดระวัง
เพราะฉะนั้น
สำหรับอาจารย์ก็คือผ่านมาแล้ว เขตป่าเขาก็ผ่านมาแล้ว พคท.
มีกองกำลังอาวุธเป็นหมื่น แต่ว่าถ้าประชาชนในประเทศ ความคิดยังเป็นอนุรักษ์นิยม
ยังไม่เปลี่ยนแปลง ยังไม่มีความมุ่งหมายจริง ๆ อย่างชัดเจนที่จะเปลี่ยนประเทศให้ก้าวหน้าและให้มีความเท่าเทียมกัน
การต่อสู้ด้วยอาวุธแบบอดีตก็ไม่มีประโยชน์
ในวิกฤตนี้ก็มีโอกาส
ขอให้ทุกคนใช้โอกาสอันนี้เปลี่ยนแปลงความคิดประชาชน ให้รู้ว่าไอ้ที่คุณคิด
คุณเชื่อ คุณต้องคิดใหม่ มันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คนดีมาก ๆ มีอำนาจมาก ๆ
แล้วที่มาแบบที่พวกคุณอยากได้นั้น มันทำให้เสียหายขนาดนี้ เพราะฉะนั้น
อาจารย์ก็มองทั้งสองด้านนะ ในวิกฤตนี้ก็มีส่วนที่ดี พูดง่าย ๆ
ว่าพวกเขาทำจนประเทศพังขนาดนี้ มันก็น่าจะคิดได้นะ
แล้วก็เปลี่ยนแปลงใหม่ให้ก้าวหน้า มันจะได้คุ้มค่ากับความเสียหายยับเยินของประเทศ
ถ้าสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย
ประยุทธ์ยังอยู่ประเทศ
อาจารย์มองว่ามันเสื่อมนะ
เพราะว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นทั้งวิกฤตโควิดและวิกฤตเศรษฐกิจ
มันจะแรงเกินกว่าที่ฝั่งพวกเขาจะแก้สถานการณ์ได้ ดังนั้น
ที่พวกเขาคิดว่ามันจะดีขึ้นเอง เหมือนกับตอนที่คิดโควิดรอบแรก
นี่ดีไม่ดีมันจะเจอรุ่นใหม่อีกนะ เดี๋ยวเจอเชื้อรุ่นใหม่อีกล่ะว่าไง?
อาจารย์เห็นไม่รู้ มีแลมบ์ด้า มีเบตา มีอะไรอีก อาจจะมีตัวที่ยังไม่ได้ตั้งชื่ออีก
อาจารย์มองว่าโดยท่วงทำนองของเขา
โดยวิธีคิดจารีต โดยรัฐราชการแบบนี้ แก้ปัญหาทั้งสองอย่างนี้ไม่ได้
เพราะฉะนั้นมันต้องเสื่อมและเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างแน่นอน
ในขณะเดียวกันก็จะสร้างคนที่ตื่นรู้แล้วก็มองเห็นความเป็นจริงมากขึ้น
ๆ เขาคงไม่ออกง่าย ๆ หรอก เราต้องยอมรับว่า อย่างเหตุการณ์แบบ 14ตุลา
มันไม่ได้เกิดขึ้นจากฝ่ายก้าวหน้าอย่างเดียวด้วยนะ ฝ่ายก้าวหน้าอย่างเดียวในตอน
14ตุลา เป็นส่วนที่เรียกว่าไม่ใช่ส่วนใหญ่ด้วย
แต่มันเกิดจากปัญหาวิกฤตศรัทธาของฝั่งอนุรักษ์นิยมจารีตที่มาร่วมกับฝ่ายก้าวหน้า
อันนั้นคือเหตุการ์ 14ตุลา มันจึงทำให้ 14ตุลา ไม่ได้บรรลุไปในทางก้าวหน้าจริง
มันจึงเกิด 6ตุลานะ แต่ว่ามันก็ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ระดับหนึ่ง ก็ทำให้ทหาร
กองทัพ ไม่เป็นเอกภาพยาวนาน จนกระทั่งมาถึงยุค พล.อ.เปรม กองทัพไม่เป็นเอกภาพ
มีการทำรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายรอบ นี่ยกตัวอย่าง
แต่อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้สังคมก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิม
เพราะฉะนั้นขณะนี้มันก็เป็นการไต่บันไดของฝ่ายก้าวหน้า แล้วก็เป็นการลงบันไดของฝ่ายอนุรักษ์นิยม
ในความคิดของอาจารย์นะ มันต้องเป็นเช่นนี้ ถ้าประชาชนคิดว่ามันไม่ไหว
ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไหนก็ต้องร่วมกันในการแก้ปัญหา
เป็นก็เป็นไปได้ที่ว่ามันก็จะยื้ออยู่อย่างนี้
แต่ว่ามันก็จะกดดันทั้งในเวทีรัฐสภาด้วยไปเรื่อย ๆ ทุกฝ่าย
และก็กดดันฝ่ายตุลาการไปด้วย เพราะว่าพูดตรง ๆ
นะว่ารัฐบาลทำพังพวกเขาก็ต้องพังด้วยไง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัวส่วนหนึ่งก็พัง
เอกชนก็พัง ตุลาการก็พัง คนอื่น ๆ ก็พังด้วย
ข้าราชการธรรมดาตอนนี้อาจจะยังไม่รู้สึก
แต่ว่าสักพักหนึ่ง
การพังนี่ไม่ใช่พังแต่เฉพาะเชื้อโรคมันไม่ได้แยกว่าเสื้อเหลืองไม่ไปนะ
มันจะมาติดแต่เฉพาะพวกเสื้อแดง อะไรอย่างนี้ มันไม่ใช่ มันก็ติดทั่วหมด
แต่แน่นอนคนจนก็จะลำบากหน่อย เราต้องมอง Scenario ไว้หลายอย่าง
อย่างที่อาจารย์บอกด้านหนึ่งก็คือฝั่งประชาชนก็จะมีแนวร่วมในการขับไล่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมและไร้ความสามารถ
มันจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เกิดวิกฤตศรัทธาแล้วก็เกิดเสื่อมทรุด แต่จะหลุดไปด้วยอะไร?
สำหรับอาจารย์ก็คือ ในความเลวร้าย
ก็ต้องเร่งสร้างสิ่งที่ก้าวหน้าให้มากที่สุด
นั่นก็คือความคิดที่จะต้องไม่ยอมจำนนต่อรัฐที่เป็นเผด็จการ
ไม่ยอมจำนนต่อระบบราชการที่เป็นพวกจารีต สิ่งเหล่านี้มันต้องเป็นไปทั่วทั้งประเทศ
แล้วก็ไม่จำเป็นต้อง พูดง่าย ๆ ว่ามันอาจจะไม่เปลี่ยนไม่ใช่ชั่ววัน
อย่างเมื่อตอนก่อนหน้านี้เรานึกว่าประเทศเปลี่ยนแปลงละ
แล้วความจริงมันไม่ได้เปลี่ยน ถูกมั้ยคะ คุณทักษิณได้ชัยชนะ
ฝ่ายเลือกตั้งจะชนะกี่รอบ เขาก็ทำรัฐประหารอีก
แต่ครั้งนี้ทำให้เห็นว่ารัฐประหารแล้วมีอำนาจมากขนาดนี้
มันยังทำให้เลวร้ายได้ขนาดนี้ อาจารย์คิดว่าตัวนี้มีค่ามากกว่า ก็ต้องสู้กันไป
แล้วก็บนถนนสายนี้หลายคนก็สู้มานานละ แล้วก็อาจจะเสียชีวิตไปก่อนจะเห็นความสำเร็จ
แต่อาจารย์มองว่าในครั้งนี้มันไม่เหมือนอดีต
เพราะว่าคนเยนเนอเรชั่นใหม่เกือบทั้งหมด
อาจารย์ไม่คิดว่าครอบครัวไหนที่เป็นสลิ่มแล้วจะทำให้ลูกเป็นสลิ่มได้ด้วยนะ
เยาวชนตอนนี้ 98-99%
มีความคิดในทางที่ก้าวหน้าและต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศหมด
นี่คือความเป็นจริง!
นี่คืออนาคต!
แล้วเขาจะปราบได้ยังไง? ในเมื่อคน Young Generation ที่จะเป็นประชากรหลักสำคัญของประเทศมันก้าวหน้าขนาดนี้ เพราะฉะนั้นอาจารย์คิดว่านี่มันยิ่งใหญ่ที่สุด
ยังไงก็ต้องชนะ!ถ้าอยากจะอยู่เพื่อทำให้ประเทศเสียหาย
เพื่อที่จะลากให้กลุ่มพวกอนุรักษ์นิยมทั้งหลายมีจิตสำนึก ก็จะลองเสี่ยง
ถ้าพวกคุณอยากจะเห็นประเทศเสียหายมากไปกว่านี้นะ ยอมนะ ก็ลองแลกกันดู แต่อาจารย์
ยังไงก็สบายใจ
เพราะว่าถ้าคุณลองไปถามโพลนักศึกษามหาวิทยาลัยทั้งหมด
นักเรียนมัธยมปลายด้วยนะ อาจารย์ว่าเขาเป็นฝ่ายก้าวหน้าทั้งหมด
เขาจะไม่ยอมก้มหัวให้กับเผด็จการทั้งหมดเลย ถ้าอย่างนี้แล้วคุณจะปราบได้ยังไง?
ประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ คุณอาจจะแจกเงินได้ช่วงนี้ แต่ว่าคนส่วนใหญ่เขาไม่ยอมก้มหัวให้กับเผด็จการแน่นอน
เพราะนั้นอาจารย์มีความหวัง
คุณไม่หลุดวันนี้ ไม่รู้หลุดวันไหน แต่ว่าระบบแบบนี้
กับระบอบแบบนี้มันควรจะหมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย ไม่ว่าจะเป็นชื่อ พล.อ.ประยุทธ์
หรือ พล.อ.ไหนก็ตาม ไม่ควรจะให้เกิดขึ้นอีกแล้ว อันนี้สำคัญกว่า ถ้าอยู่ก็ให้อยู่อย่างที่เป็นบทเรียนยิ่งใหญ่สำหรับประเทศนี้เลย
ว่ามันหายนะเพราะระบบแบบนี้และระบอบแบบนี้
ไม่ใช่เฉพาะชื่อพล.อ.ประยุทธ์คนเดียว อาจารย์คิดอย่างนั้นนะ
เพราะฉะนั้น อาจารย์มีความหวังมาก แล้วก็ชื่นชม เพราะว่าโพลมันเป็นแบบนั้นหมดเลย แล้วคุณจะไม่ดีใจได้ไง? อาจารย์ดีใจมาก.
#ไล่ประยุทธ์
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์