ยูดีดีนิวส์ : 22 ก.พ. 62 อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้กล่าวในการทำ Facebook Live ว่า "สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองของสังคมไทยคือ หลังจากการทำรัฐประหารก็จะมีการฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วก็มีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ มีออกคำสั่ง ออกกฎหมาย แล้วก็นิรโทษกรรมตัวเอง" แต่ในยามที่กำลังอยู่ในรัฏฐาธิปัตย์ก็จะออกกฎหมายเอาไว้มากมาย
ปรากฎว่าในยุครัฏฐาธิปัตย์หรือยุคที่มีการทำรัฐประหาร ไม่มีการเลือกตั้ง ฝ่ายคณะรัฐประหารก็จะมีสนช.ที่มาจากการแต่งตั้งก็จะร่างกฎหมายแล้วออกมาแบบที่เรียกว่า "โกยแน่บ" เลย เพราะว่าไม่มีฝ่ายค้าน ไม่มีการตรวจสอบ อยากได้กฎหมายแบบไหนก็ออกได้ ล่าสุดที่เกิดการทักท้วงใหญ่โตก็คือพ.ร.บ.ข้าว แล้วก็ยังมีพ.ร.บ.ไซเบอร์อีก
แสดงให้เห็นว่าการทำรัฐประหารเป็นองค์ประกอบสำคัญองค์ประกอบหนึ่ง ลำพังการทำรัฐประหารอย่างเดียวโดยไม่มีเนติบริกร ไม่มีสนช.ปลอม ๆ (ที่ไม่ได้มาจากประชาชน) เข้ามาช่วยจัดการ ... การรัฐประหารนั้นก็เหมือนกับว่าสูญเปล่า!
คือเมื่อมีการยึดอำนาจแล้วก็จะต้องมีการเขียนกฎหมาย และใช้กฎหมายในการสร้างอำนาจให้กับคณะรัฐประหารอยู่ต่อไป นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างอำนาจให้กับแนวคิดอนุรักษ์นิยมอำนาจนิยม สามารถครองอำนาจไปได้ยาวนาน นี่เป็นการปะทะกันระหว่างทัศนะอนุรักษ์นิยมอำนาจนิยมกับทัศนะเสรีนิยมและระบอบประชาธิปไตย
เวลามีการเลือกตั้ง มีระบอบประชาธิปไตยสักค่อนใบ (ไม่ได้เต็มใบ) คุณก็มีฝ่ายค้าน มีการแสดงความคิดเห็นคัดค้านของประชาชนอื่น ๆ นั่นคือการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
อีกอันก็คือถ้าคุณมีแนวคิดเสรีนิยม คุณจะไม่มีปัญหากับความคิดแตกต่าง แต่ถ้าคุณเป็นกลุ่มแนวคิดอนุรักษ์นิยมกับอำนาจนิยม กลุ่มคนเหล่านี้ไม่สามารถจะไปเปลี่ยนคนเสรีนิยมให้มาเป็นอนุรักษ์นิยมได้
ตรงข้าม ฝ่ายเสรีนิยมจะใช้วิธีแนวคิดเสรีเพื่อเปลี่ยนให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมมาเป็นพวกเสรีนิยม ให้ยอมรับการแตกต่างทางความคิด
แต่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมอำนาจนิยมต้องการสถาปนาการนำ ต้องการสถาปนาอำนาจและให้อยู่ไปได้นาน ก็จะใช้วิธี "บังคับ" 1) บังคับด้วยอาวุธ 2) บังคับด้วยกฎหมาย ดังนั้นวาทกรรมของคนเหล่านี้ก็คือ "คุณจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายซิ" "คนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเป็นคนเลว"
แต่ถามว่ากฎหมายนั้นใครออก?
มาดูรูปธรรม จากข่าวสดออนไลน์ "เปิดสถิติ 5 ปี สนช.ยกมือผ่านกฎหมายพุ่งกว่า 4 ร้อยฉบับ โค้งสุดท้ายพุ่งกระฉูด!" โค้งสุดท้ายเพียงเดือนเดียว สนช. ผ่านกฎหมาย 66 ฉบับ อ.ธิดาถึงกับกล่าวว่า "โอ้โห...มันขยันอะไรปานนั้น!"
อ.ธิดากล่าวต่อไปว่า องค์ประกอบของสนช.นั้นเป็นทหารกว่าครึ่ง เพราะมีความเป็นเอกภาพทางความคิด มีวินัย ใช่หรือเปล่า? หรือพูดตรง ๆ ว่าสั่งได้หรือเปล่า?
ดังนั้นมันจึงเป็นหลักการของการทำรัฐประหาร โดยเฉพาะคณะรัฐประหารคณะนี้ซึ่งมีแผนทางยุทธศาสตร์ที่จะครองอำนาจยาวนาน
ถามว่า สนช. ทำไมต้องรีบอย่างนี้?
กฎหมายอะไรที่ฝ่ายชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมอำนาจนิยมอยากจะออกมาบังคับใช้กับประชาชนทั้งประเทศก็ต้องเร่งออก หวังว่าการทำรัฐประหาร "ไม่เสียของ" ไม่เพียงแต่จัดการรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งออกไป แต่ต้องตระเตรียมให้ได้รัฐบาลใหม่และเป็นไปตามกฎหมายที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมอำนาจนิยมประสงค์ ... ใช่หรือเปล่า?
น่าสนใจว่าเป็นความขัดแย้งที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมอำนาจนิยมนั้น ที่จริงกำลังตั้งใจว่าจะคืนอำนาจให้กับประชาชน แต่คืนไม่จริง!
อ.ธิดามองว่า "นักวิชาการหรือปัญญาชนที่มีรูปการจิตสำนึกแบบประชาธิปไตยไม่สามารถรับงานเป็นสนช.ได้" โดยเฉพาะรับงานเป็นสนช. รับงาน รับคำสั่ง/ใบสั่ง แล้วออกกฎหมายมาเต็มไปหมด ... มันทำไม่ได้! หน้าของคุณทำด้วยอะไรถึงได้กล้าออกกฎหมายมากถึงขนาดนี้
ถ้าไปถามเขาก็อาจจะบอกว่าเป็นเรื่องชอบธรรม เพราะเขาต้องการกำราบ จัดการกับระบอบทักษิณ จัดการกับระบอบทุนสามานย์ ซึ่งที่จริงไม่ใช่นะ! เพราะในกฎหมายจำนวนมากเหล่านี้มันไม่เกี่ยวกับดร.ทักษิณแล้ว แต่เป็นการขัดแย้งระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยมอำนาจนิยมกับกลุ่มเสรีนิยมที่ต้องการการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
กลุ่มหนึ่งต้องการหยุดประเทศไทย แต่อีกกลุ่มต้องการให้ประเทศไทยเดินหน้า สุดท้ายมันจึงลากกัน จึงออกมาเป็นสิ่งที่เรียกว่า "ประชาธิปไตยแบบไทย ๆ" ถึงตอนนี้ถ้าคุณอยากจะเข้าใจคำว่า "ประชาธิปไตยแบบไทย ๆ " ดูได้จากสถานการณ์แบบปัจจุบันเลย อ.ธิดากล่าว
ดิฉันเองรับไม่ได้เลยกับการที่สนช.ยกมือผ่านกฎหมาย 4 ร้อยกว่าฉบับ และถ้าเราดูให้ดีแม้กระทั่งรัฐธรรมนูญ ก็สนช.นี่แหละที่ไปปรับให้มันยิ่งล้าหลังกว่ากรธ.ชุดของคุณมีชัยเข้าไปอีก
อ.ธิดากล่าวต่อไปว่า "ดิฉันคิดว่าฝ่ายประชาชนและพรรคการเมืองจะต้องมีคณะนักวิชาการซึ่งยืนอยู่ข้างประชาชน เป็นกลุ่มที่อยู่ที่ระบอบประชาธิปไตยแบบสากล มาทำงานด้านกฎหมายเพื่อชี้ให้เห็นว่าคณะรัฐประหารได้ทำอะไรเอาไว้ โดยเฉพาะข้ออ่อนด้อยของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ต้องจัดการก่อน"
ช่วงท้ายอ.ธิดาเรียกร้องให้นักกฎหมายฝ่ายประชาชนต้องเร่งทำงาน สิ่งสำคัญที่ต้องให้ประชาชนได้รู้ว่าเขาทำอะไรเอาไว้เพื่อกดหัวประชาชนบ้าง ทำอย่างไม่มีความอายจนนิดเดียว
โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว คำถามว่าพวกคุณเข้าใจหรือเปล่า?
และกลุ่มที่มีความคิดเสรีนิยมและนิยมระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถกลับมาอนุรักษ์นิยมได้แล้ว ไม่ว่าคุณจะบังคับด้วยวิธีใดก็ตาม อ.ธิดากล่าว