"กลุ่มแคร์" มอบรางวัล "คนเคลื่อนไทย" "อุ๊งอิ๊ง" เป็นตัวแทน"ทักษิณ" มอบรางวัล "โทนี วู้ดซัม อวอร์ด" ให้ "นพ.สงวน" ผู้คิดนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค "ณัฐวุฒิ" ขอยกรางวัลคนเคลื่อนประชาธิปไตยไทยให้ "คนเสื้อแดง" ขอผู้มีอำนาจยอมรับการเปลี่ยนแปลง ด้านไอลอว์ ชี้ คนที่จะเคลื่อนไทยไม่ใช่คนหนึ่งคนใดทำได้ ต้องร่วมกัน ย้ำยังมีเพื่อนของเราที่ยังถูกจับกุมคุมขัง อย่าลืมพวกเขา
วันนี้ (2 ก.ค. 65) กลุ่ม CARE (แคร์) คิด เคลื่อน ไทย จัดกิจกรรมครบรอบ 2 ปี มอบรางวัล "คนเคลื่อนไทย เพื่อสังคมใหม่ ที่ทุกคนต้องการ" ณ หอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร
เวลา 13.30 น. นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้ประสานงานกลุ่มแคร์ กล่าวเปิดงานในหัวข้อ "ความหวัง ความฝัน พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง" ว่า วิวัฒนาการของมนุษยชาติและความก้าวหน้าต่าง ๆ เกิดขึ้นโดยคนที่ขวางโลก อาทิ ไอน์สไตน์ สตีฟจ็อบส์ อีลอนมัสก์ ฯลฯ ทั้งหมดเกิดจากความเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีคิดของคนกลุ่มหนึ่งตามแบบที่ควรจะเป็น โดยการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากความฝันของคนกลุ่มหนึ่งที่คิดว่าชีวิตไม่จำเป็นต้องเหมือนเดิมอีกต่อไป
เหมือนเมื่อ 2 ปีก่อนที่คนกลุ่มหนึ่งตั้ง CARE ขึ้นมา ทั้งนี้ 2 ปีที่ผ่านมากลุ่ม CARE พยายามสร้างช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ ฉะนั้นการครบรอบ 2 ปี เราคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนที่ขับเคลื่อนประเทศไทย ทำอย่างไรในการให้กำลังใจซึ่งกันและกันเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแบบอย่างให้มีคนเคลื่อนไทยอีกเป็นแสนเป็นล้าน เพื่อให้สังคมมีความน่าอยู่
สำหรับผู้ที่ได้รับ 10 รางวัล "คนเคลื่อนไทย" จากผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มแคร์ ประกอบด้วย
1) เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักกิจกรรมนักศึกษา ได้รับรางวัล คนเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาไทย
2) สำนักข่าวประชาไท ได้รับรางวัล คนเคลื่อนสื่อสร้างสรรค์เพื่อประชาธิปไตย
3) กลุ่มประชาชนเบียร์ ได้รับรางวัล คนเคลื่อนเศรษฐกิจภาคประชาชน
4) เศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล คนเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่อสังคม
5) มูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ (SWING) ได้รับรางวัล คนเคลื่อนสิทธิและศักดิ์ศรี
6) มูลนิธิกระจกเงา ได้รับรางวัล คนเคลื่อนสังคมเพื่อคนด้อยโอกาส
7) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย คนขับเคลื่อนปราบปรามทุจริตประพฤติมิชอบ
8) โครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ (iLaw) ได้รับรางวัล คนเคลื่อนกฎหมายภาคประชาชน
9) ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานและผู้ก่อตั้งเวทีการประกวดนางงามระดับโลก มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้รับรางวัล คนเคลื่อนศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
10) ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ได้รับรางวัล คนเคลื่อนประชาธิปไตยไทย
โดยนายณวัฒน์ กล่าวภายหลังรับรางวัลว่า ตนเป็นผู้ได้รับรางวัลด้านศิลปวัฒนธรรม ศิลป คือ ซอฟต์พาวเวอร์ ไม่ใช่ซอฟต์แวร์แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คงต้องไปเรียนแลคเชอร์ใหม่ มีผู้นำไม่ฉลาด ทำให้เราดูเหมือนคนโง่ พร้อมบอกว่าทุกคนมีสิทธิมนุษยชน
เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมี ถ้าไม่มีไม่ใช่ประชาธิปไตย หากไม่ใช่เป็นระบอบอะไรไปคิดเอาเอง ต้องมีกฎหมายเดียวกัน ทุกคนมีสิทธิพูด เพราะต้องการความปลอดภัย ไม่ได้ด่าคนอื่นจากความอิจฉาริษยา
ฝากกลุ่มแคร์ เราแค่นี้ทำอะไรไม่ได้ ตราบใดที่ยังมีคนที่เป็นปัญหาของประเทศ จะทำอย่างไรทำให้คนพวกนี้จากประเทศไทยไปเสียที" นายณวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ไอลอว์ กล่าวว่า "คนที่จะเคลื่อนไทยไม่มีใครคนหนึ่งคนหนึ่งทำได้ เราทุกคนต้องร่วมกัน ยังมีเพื่อนของเราอีกหลายคนที่ยังถูกจับกุมคุมขัง อยากให้ทุกคนนึกถึงพวกเขา"
ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราเรียนรู้กันมาตลอด ประเทศไทยเป็นรูปขวานแต่ 1-2 วันนี้ เราเพิ่งรู้ บางคนเห็นประเทศไทยเป็นเกือกม้าที่เครื่องบินรบประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาวน ขณะที่ปัญหาเรื่องกัญชาที่ยังไม่ได้ข้อสรุป เพื่ออธิบายว่าความเปลี่ยนแปลงไม่น่ากลัว และอยู่รอบชีวิตเรา แต่ยังเชื่อว่าถึงที่สุดความเปลี่ยนแปลงจะมาสู่สังคมนี้ ส่วนจะมาในรูปลักษณ์อย่างไร จากประสบการณ์ภาวนาให้ความเปลี่ยนแปลงมาถึงสังคมไทยอย่างสันติ อาจต้องใช้เวลา แต่เป็นสิ่งที่มีค่า
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อไปอีกว่า การที่มารับรางวัลนี้เป็นความเปลี่ยนแปลงที่มีแรงปะทะสำคัญสำหรับหัวใจผม ผ่านมาสิบปี ขึ้นมารับรางวัลท่ามกลางมหานคร รางวัลนี้ไม่ใช่ของผม ประชาชนที่ออกมาเรียกร้องต่อสู้สูญเสียประชาชนมือเปล่า ๆ ที่เรียกร้องความเสมอภาคเท่าเทียมและถูกกระทำอย่างโหดร้าย พวกเขาทุกชีวิตทุกจิตวิญญาณคือเจ้าของรางวัลนี้
ทั้งนี้ ตนคิดว่าใครก็ตามที่ต้องการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลง ขอให้คิดว่าทุกสังคมจะศิวิไลซ์ต้องทำให้คนที่เห็นต่างอยู่ด้วยกันได้ภายใต้กฎหมายเดียวกันซึ่งอาจต้องใช้เวลา และคาดหวังว่าฝ่ายผู้มีอำนาจจะเข้าใจว่าความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติของสังคมพร้อมเปิดประตูอยู่ร่วมกับมัน หากปล่อยเวลามันอาจเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ก่อให้เกิดความสูญเสีย นายณัฐวุฒิ กล่าว
จากนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้มอบรางวัลพิเศษ "โทนี่ วู้ดซัม อวอร์ด" ให้กับ นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ อดีตเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ในฐานะคนเคลื่อนระบบสาธารณสุขไทย ผู้คิดนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคสมัยตั้งพรรคไทยรักไทย
โดยทพญ.อพภิวันท์ นิตยารัมภ์พงศ์ คู่ชีวิตของ นพ.สงวน ผู้รับมอบรางวัลจากแพทองธาร ชินวัตร ตัวแทน ดร.ทักษิณ
โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คำถามช่วงก่อนก่อตั้งกลุ่ม CARE คือประเทศไทยจะเป็นอย่างไรในวันที่ประเทศหาทางออกไปเจอ แต่ "คิดเคลื่อนไทย" คือคำตอบในการรวบรวมคนหลากหลายองค์กรมาช่วยกันคิดเพื่อขับเคลื่อนปัญหาของประเทศ ที่ไม่สามารถแก้ได้โดยรัฐบาลอย่างเดียว แต่หลายปัญหาต้องได้รับการช่วยเหลือโดยคนหลายภาคส่วน ดังนั้นปัญหาของประเทศจึงเป็นหน้าที่ของทุกคน
แพทองธาร ระบุอีกว่า รัฐบาลต้องเชิญทุกภาคส่วนมาร่วมกันถกเถียงปัญหา โดยเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งเชื่อว่าจะทำได้ถ้ารัฐบาลนั้นมาจากประชาชน เพราะจะได้ยินเสียงของประชาชนเสมอ พร้อมเผยว่า ตนมาเป็นตัวแทนคุณพ่อ (ดร.ทักษิณ ชินวัตร) ในการมอบรางวัลให้แก่ นพ.สงวน ซึ่งท่านได้ให้ความหวังและให้โอกาสกับคนไทยทุกคน
นอกจากนี้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้คอนเฟอเรนซ์เข้ามากล่าวสุนทรพจน์และขอบคุณผู้ได้รับรางวัลภายในงานครบรอบ 2 ปีกลุ่ม CARE ว่า ตนมีโอกาสมาร่วม คิดเคลื่อนไทย เกือบ 2 ปีแล้วซึ่งตนคิดว่าประเทศไทยวันนี้ต้องการคนมีความรู้ มีประสบการณ์ มีความห่วงใยบ้านเมือง เพื่อช่วยกันคิดแต่ผู้ที่มีอำนาจโดยตรงควรเปิดใจกว้างรับไปปฏิบัติในสิ่งที่คิดว่ามันใช่ เพราะทุกคนห่วงใยบ้านเมือง
ทักษิณ กล่าวอีกว่า ส่วนการมอบรางวัลในวันนี้ เพื่อเป็นกำลังใจและแสดงออก ทั้งนี้ตนในฐานะเป็นอดีตนายกฯ 6 ปีและมาอยู่ต่างประเทศ ก็ได้เห็นโลกที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ไม่เคยมีมา และเป็นช่วงที่ช่องว่างของอายุในแต่ละเจนแคบลงก็เลยทำให้มีคนที่ต่างกัน ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา นี่จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนตระหนักเพื่อนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ประโยชน์แก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าการมอบรางวัล "คิดเคลื่อนไทย" ของกลุ่ม CARE นี้จะเป็นการจูงใจให้คนเข้ามากล้าคิดมากขึ้น
ขณะที่การมอบรางวัล "Tony Woodsome Award" ให้แก่ นพ.สงวน ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานที่สำคัญเพราะเมื่อ 23 ปีก่อน นพ.สงวน นำไอเดียนี้มาขาย ( 30 บาทรักษาทุกโรค) เพราะขายไอเดียนี้มาหลายพรรคแต่ไม่ความคืบหน้า แต่เมื่ออธิบายให้ตน ตอนนั้นที่ตั้งพรรคไทยรักไทย และการไปเห็นคนไข้ต่างจังหวัดอนาถา ก็มีความรู้สึกว่ามันต้องไม่มีคนไข้อนาถาเพราะเป็นคนไทยเหมือนกันและมี 1 เสียงเท่ากัน จึงปรึกษากันจนบริหารงบกระทรวงสาธารณสุขใหม่ จนทำได้และกลายเป็นนโยบายสำคัญจนถึงมาวันนี้คนไทยได้เข้าถึงระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า แต่วันนี้ สปสช.เปลี่ยนไปเยอะ งบประมาณถูกผลาญไปมาก
ในช่วงท้าย ทักษิณ ระบุว่า ขอให้ทุกคนกล้าคิด กล้าทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมาก ๆ เพราะเราต้องการสมอง ต้องการความคิด ต้องการความกล้าของคนไทยทุกคน
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คิดเคลื่อนไทย #2ปีCARE