วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

กลุ่ม24 มิถุนาฯพร้อมมวลชน ร้องกมธ.การต่างประเทศ จี้ ตรวจสอบรัฐไทยสบคบรัฐเมียนมาละเมิดอธิปไตยไทย - เร่งตรวจสอบงบ ทอ. ความสัมพันธ์ไทยและเมียนมา พร้อมเรียกร้องให้ มิน อ่อง หล่าย ขอโทษไทยอย่างเป็นทางการและจะไม่ละเมิดอธิปไตยไทยอีก

 


กลุ่ม24 มิถุนาฯพร้อมมวลชน ร้องกมธ.การต่างประเทศ จี้ ตรวจสอบรัฐไทยสบคบรัฐเมียนมาละเมิดอธิปไตยไทย - เร่งตรวจสอบงบ ทอ. ความสัมพันธ์ไทยและเมียนมา พร้อมเรียกร้องให้ มิน อ่อง หล่าย ขอโทษไทยอย่างเป็นทางการและจะไม่ละเมิดอธิปไตยไทยอีก


วันนี้ (7 ก.ค. 65) เวลา 10.30 น. ที่อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน แขวง ถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นำโดย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข พร้อมด้วยมวลชนอิสระ ยื่นหนังสือร้องเรียนผ่านนายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ จากพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการการต่างประเทศ เรื่อง ให้ตรวจสอบรัฐไทยสมคบรัฐเมียนมา ละเมิดอธิปไตยไทยใช้เครื่องบินรบถล่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและตรวจสอบการยินยอมให้กองทัพทหารเมียนมาใช้ภาคพื้นดินเขตแดนไทยโจมตีรัฐกะเหรี่ยง อีกทั้งร้องให้ตรวจสอบการทำงานของนายกรัฐมนตรีและงบประมาณของกองทัพอากาศ จากกรณีเครื่องบินรบ MiG-29 ของประเทศเมียนมาบินรุกล้ำน่านฟ้าไทยในวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา


เริ่มต้นด้วยนางสาวอาทิตยา พรพรหม กล่าวว่า พื้นที่บริเวณนั้นมีการใช้เครื่องบินรบอยู่แล้ว โดยพิจารณาวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยรอบ ควรจะต้องรู้ว่าจะต้องรักษาอธิปไตยของชาติ ทำไมกองทัพอากาศจึงไม่มีการเฝ้าระวัง เตรียมการ หรือเฝ้าดูน่านฟ้าของไทย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายในพื้นที่ ทั้งทรัพย์สินของประชาชนเสียหาย นักเรียนต้องหลบเข้าหลุมหลบภัย และผู้อพยพที่หนีภัยสงครามเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทยที่บาดเจ็บต้องได้รับการรักษาอีกด้วย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีการคำนึงถึงความปลอดภัยของคนในรัฐ 


นางสาวอาทิตยา ยังได้กล่าวอีกว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการลาออกจากตำแหน่ง 


จากนั้นนายชนกันต์ นภารักษาวงศ์ นายกองค์การบริหารนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวในประเด็นที่ว่า ในวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมาพลโทอภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ ได้เดินทางไปประชุมกับ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ที่ประเทศเมียนมา โดยที่ประชาชนไม่ทราบว่าไปพูดคุยกันเรื่องอะไรบ้าง และต่อมาวันที่ 30 มิถุนายน ก็มีเครื่องบินรบของเมียนมารุกล้ำน่านฟ้าของไทย ทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามีการตกลงกันก่อนหรือไม่ โดยขอเรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด


ต่อมานายสมยศ กล่าวว่า พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวขอโทษโดยบอกผ่านนายกฯ นั้นไม่เพียงพอ ขอเรียกร้องให้ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการและแสดงให้เห็นว่าจะไม่รุกล้ำอธิปไตยไทยอีก


นายสมยศกล่าวย้ำว่า การใช้เครื่องบินรบไม่ใช่สงครามธรรมดา แต่เป็นการทำลายล้าง เพราะนี่ไม่ใช่เป็นการรบระหว่างทหารกับทหาร ด้วยชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเสียหายด้วย อยากให้มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง และขอให้ตรวจสอบแม่ทัพภาค 3 บินไปพบพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ที่เนปิดอว์ เวลาบ่ายโมง เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พร้อมย้ำว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบต่ออธิปไตยของไทย จึงขอเรียกร้องให้กรรมาธิการการต่างประเทศได้ตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย เป็นการกระทำที่รุนแรงและไม่ใช่เรื่องเล็ก


พร้อมกันนี้นายสมยศ ยังได้นำหลักฐานรวมทั้งแผนที่แนบมากับเอกสาร ในกรณีที่ วันที่ 27 มีนาคมที่ผ่าน มีทหารเมียนมาเข้ามายังฝั่งไทย จำนวน 100 นาย พร้อมอาวุธ ซึ่งเอกสารนี้เป็นความลับอยู่ โดยมอบเอกสารนี้ให้กับนายรังสิมันต์ โรม เพื่อตรวจสอบรายละเอียดต่อไป 


นอกจากการรุกล้ำน่านฟ้าแล้ว ยังมีการรุกล้ำภาคพื้นดินด้วย โดยรวมจะเห็นว่ารัฐเผด็จการไทยและรัฐเผด็จการเมียนมากำลังทำตัวเป็นอาชญากรสงครามต่ออาเซียน ทำลายล้างเผ่าพันธุ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาติพันธุ์กระเหรี่ยง นายสมยศกล่าว


และถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ส.ส. ไม่ใช่แสดงความคิดเห็นแต่ในสภา แต่อยากให้ลงพื้นที่ เก็บข้อมูลความเสียหายของประชาชนที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา จากกรณีเครื่องบินเมียนมาที่รุกล้ำน่านฟ้าไทยนายสมยศกล่าวทิ้งท้าย


จากนั้นนายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมของ กรรมาธิการการต่างประเทศ เรื่องมีการรุกล้ำน่านฟ้าไทยอยู่แล้ว ซึ่งได้เชิญผู้บัญชาการทหารอากาศและผู้ว่าราชการจังหวัดตากมาร่วมประชุมด้วย โดยจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก โดยย้ำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ส่งผลกระทบชัดเจนต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคนในพื้นที่ และกระทบต่อความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน


โดยตนจะนำแผนที่และเอกสารรวมทั้งข้อมูลที่ทางกลุ่มฯมอบให้ เข้าที่ประชุมด้วย โดยเฉพาะที่แจ้งข้อมูลว่า วันที่ 27 มีนาคม 2565 มีทหารเมียนมาเข้ามายังฝั่งไทย จำนวน 100 นาย พร้อมอาวุธ ก็จะยิ่งเพิ่มดีกรีของความรุนแรง การคุกคามอำนาจอธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งพลเอกประยุทธ์ุ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะต้องยอมไม่ได้ 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์