แลไปข้างหน้า กับ ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.53
ตอน คนโง่ไม่ยอมแก้ไข คนจัญไรเอาแต่แก้ตัว!
สถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้
คือต้องกล่าวได้ว่าเลวร้ายที่สุด แล้วเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์
มันเป็นความเสียหาย เจ็บปวด ทั้งในด้านการติดเชื้อและในด้านเศรษฐกิจของประชาชนไทย
ซึ่งเป็นครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ที่มันนอกจะเป็นการถูกจัดการโดยเชื้อซึ่งมีลักษณะที่เรียกว่า
pandemic คือติดเชื้อทั่วโลก
แล้วไม่พอ
ก็ยังถูกกระทำซ้ำโดยปัญหาความผิดพลาดของผู้ที่มีอำนาจในการจัดการปัญหา
ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล
และรวมทั้งคณะแพทย์หรือผู้ทรงอิทธิพลต่อรัฐบาลนี้ เป็นความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก และในขณะนี้ก็เปรียบเสมือนว่า
“ช้างเน่าตายทั้งตัวแล้วเอาใบบัวมาปิด”
ในประเด็นที่ดิฉันอยากจะพูดก็คือ
มันส่อไปในลักษณะของประหนึ่งคำพังเพยโบราณ ก็คือ “คนโง่จะไม่ยอมแก้ไข
ถ้าเป็นคนจัญไรก็เอาแต่แก้ตัว” มันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
ถามว่าทำไมเราใช้คำพูดรุนแรง!
เพราะว่ามันเปิดเผย
ท่ามกลางความคลุมเครือของการพยายามที่จะประชาสัมพันธ์อวดอ้างในสิ่งที่ดี ๆ
ของรัฐบาลนี้ในการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็น ศบค.
ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี
แล้วก็สัญญาอะไรต่าง
ๆ ถูกปกปิด มีแต่สิ่งที่บอกว่าดี ๆ ที่ได้ทำ แล้วก็สิ่งที่แปลก ๆ
แต่ก็อ้างว่ามีงานวิจัยสนับสนุน เอกสารที่สำคัญก็คือมาจากการเปิดเผยของคุณ Sjoerd Hubben ซึ่งเขาเป็นรองประธานกิจการทั่วโลกของแอสตร้าเซนเนก้า
ในเอกสารของเขาเท่ากับการเปิดเผยความเป็นจริงทั้งหมด
ก็คือ ปัญหาการที่เราไปประเมินสถานการณ์และคุยกับเขาในวันที่ 7 ก.ย. ว่าเราต้องการ
3 ล้านโดสต่อเดือน แล้วการสั่งซื้อครั้งแรกก็ 26 ล้านโดสเท่านั้น
เพราะฉะนั้นมันจะมี หนึ่งคือ ประเมินสถานการณ์ว่าต้องการ 3 ล้านโดสต่อเดือน
แล้วเราต้องการเพียงแค่ 26 ล้านโดส ก็ตีว่า 3x8 = 24 ก็ล่วงไป 9 เดือน
แล้วก็หลังจากนั้นจึงมาสั่งซื้อใหม่อีก 35 ล้านโดส
เพราะฉะนั้น
ปมที่หนึ่ง ก็คือ ทำไมคุณไปประเมินว่า 3 ล้านโดส ปรากฎว่าคุณหมอโอภาส
ซึ่งมาเป็นอธิบดีกรมควบคุมโรค รวมทั้งรองอธิบดีได้ออกมาแก้
มีเอกสารซึ่งถอดมาอย่างชัดเจน ปมเงื่อนก็คืออ้างว่ามีความคลุมเครือเข้าใจผิด
คือขณะนั้นตัวเองประเมินสถานการณ์ว่าเราฉีดได้ 3 ล้านโดสต่อเดือน
อันนี้เป็นความผิดและเขลาอย่างยิ่ง ถามว่าจริง ๆ เราฉีดได้ครั้งที่แล้ว 5
แสนโดสต่อเดือนก็ได้ ดิฉันตีเอาว่า 3-5 แสนโดส เอาอย่างนี้นะ กะว่าเฉลี่ยประมาณ 4
แสน อย่างต่ำก็ต้อง 4 แสนโดสต่อเดือน
คือพยายามจะแก้ตัวแบบคนชนิดไหน
ถ้าคนโบราณเขาเรียก “คนจัญไร” นั่นแหละ ก็คือแก้ตัวว่าผมไม่ได้บอกว่าต้องการ 3
ล้าน แต่ผมบอกว่าฉีดได้ 3 ล้าน
แล้วเขาก็บอกแล้วว่าเขาจะแบ่งให้เราตามขีดความสามารถในการที่เราจะฉีดวัคซีน
คือคุณฉีดได้ 3 ล้าน คุณก็เอาไปแค่ 3 ล้านประมาณนั้น ก็คุณไปบอกว่าฉีดได้ 3 ล้าน
เขาก็บอกงั้นคุณก็รับไป 3 ล้าน แล้วก็ไม่พูดอะไร
อันนี้ก็เป็นการแก้ตัวในประเด็น
3 ล้าน ซึ่งฟังไม่ขึ้น! ทั้งในแง่ว่าประเมินขีดความสามารถในการฉีดผิด
แล้วทั้งพยายามจะแก้ตัวว่า ฉีดได้แค่นี้ไม่ได้แปลว่าต้องการแค่นี้
ประเด็นที่เลวร้ายถัดมาอีกก็คือว่า
ความพยายามจะแก้ตัวว่าได้มีการจองเอาไว้นาน แม้กระทั่งการแก้ตัว
เช่นบอกว่าเซ็นสัญญาตั้งแต่ 27 พ.ย. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล แล้ววันที่ 5
เห็นชอบให้สั่งซื้อเพิ่มอีก 35 ล้านโดส
แต่ว่าในความเป็นจริงนั้นเอกสารของแอสตร้าเซนเนก้า
เขาบอกชัดเลยว่าประเทศไทยมีข้อสรุปจบ ตามความเข้าใจของดิฉัน
คุณต้องวางเงินไว้ด้วยจำนวนหนึ่ง Jan-21 (ม.ค. 64)
พูดคนละอย่างกันละ ห่างกันหลายเดือนมากเลย บอกเขาว่า 20 เดือน ส.ค. แต่จริง ๆ ม.ค.
64 ตอนหลังมาเพิ่ม 35 ล้านโดส พ.ค. ซึ่งไม่กี่เดือนที่แล้วมานี้ 35 ล้านโดส
แล้วถ้าไปเทียบกับประเทศอื่น
ไม่ว่าจะเป็นเวียดนามเป็นอะไรเนี่ย เขาจองก่อนทั้งสิ้น ถามว่าคุณจะแก้ตัวยังไง
แก้ตัวแล้วก็ยังไม่ตรงกับเขา คุณอธิบายหรือเปล่า ทำไมที่คุณพูดเนี่ย
ครั้งหลังสุดยังไม่ตรงเลย คือพยายามจะแก้ตัวว่าสรุปเมื่อตอนปลายปี โดสหลังเนี่ย 35
ล้านโดส คำถามว่าแล้วทำไมตอนนั้นซื้อ 26 ล้านโดส แล้ว 26
ล้านโดส ก็คิดว่าต้องการแค่นั้นเหรอ? ฉีดได้แค่นั้นก็ต้องการแค่นั้น แล้ว 26
ก็กว่าจะซื้อ สรุป ม.ค. (แอสตร้าฯ เขาบอกม.ค.) แต่ว่าหมอโอภาสมาพูดเนี่ยมันไม่ใช่
หมายความว่าในปลายปี 63
ดังนั้น
ในข้อแก้ตัวต่าง ๆ มันเป็นวิธีคิดหรือวิธีทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ของรัฐบาล ของครม.เอง
แต่ว่าข้อสรุปของแอสตร้าเซนเนก้า มันไม่ใช่ แล้วซื้อช้ากว่าเขา
แล้วอีกประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือ
เขาเตือนคุณแล้วด้วย เขาทวงให้รู้
คุณยังจะมาบอกตอนนี้ว่าจะบังคับประมาณว่าไม่ให้ส่งออก ต้องมาให้คนไทยหมด
คุณสั่งซื้อน้อย คุณสั่งซื้อช้า แล้วคุณไม่เข้าโครงการโคแวกซ์ (COVAX) ผมเตือนคุณแล้วนะว่าให้คุณเข้าโคแวกซ์
เพราะถ้าคุณเข้าโคแวกซ์ คุณก็มีโอกาสซื้อวัคซีนราคาถูกและที่หลากหลายด้วย
ในโลกนี้วิธีคิดของคนมันต้องเผื่อเอาไว้
เหมือนกับที่สยามไบโอไซเอนซ์ คุณแป้ง (นวลพรรณ ล่ำซำ)
ก็ออกมาบอกเองว่าในความคิดส่วนตัวเขาก็ไม่เห็นด้วยกับการที่แทงม้าตัวเดียว อันนี้ก็เหมือนกัน
รองประธานของแอสตร้าเซนเนก้า กิจการทั่วโลก เขาบอกแล้วว่าคุณไปเข้าโคแวกซ์
ยังดีเขาไม่บอกคุณไปซื้อบริษัทอื่นด้วยซิ แล้วการที่เขาให้เราผลิตตรงนี้เพราะว่าเป็นฐานเพื่อส่งออกเซาท์อีสต์เอเชีย
เราไปดูคำสั่งซื้อของประเทศต่าง
ๆ เช่น บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย มัลดีฟ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน เวียดนาม
เขาซื้อตั้งแต่ปี 2020 (2563)
ก่อนเราทั้งนั้น เราซื้อปี 2021 (2564) คำสรุปปี 2021 ทั้งนั้น ม.ค. กับ
พ.ค. 21 คือช้ากว่าเขาทั้งหมด
ไม่รู้เพราะอะไร คิดเอาว่าโรงงานอยู่กับเรา ดังนั้นวัคซีนต้องเป็นของเราหมดหรือไง? นี่คือสิ่งที่ดิฉันมองว่ามันเป็นความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก เราเตือน และหลาย ๆ คนก็เตือน ดิฉันเห็นตั้งแต่ทีแรกแล้ว นี่บุญนะที่สยามไบโอไซเอนซ์ยังสามารถผลิตได้ แล้วก็ผลิตได้พอสมควร ยังต่ำกว่าที่ประเมินเอาไว้เท่าหนึ่ง แต่ว่าก็ยังดีที่ยังผลิตได้ แล้วมันก็ช้ากว่าจะผลิตได้ออกมา แล้วมันก็น้อยกว่าที่ประมาณเอาไว้ แต่ก็ยังทำได้
แล้วสมมุติถ้าเขาเกิดกว่าจะผลิตได้ไปเดือนส.ค.,
ก.ย., ต.ค. แล้วผลิตได้น้อยกว่านี้อีก คือแทนที่เราจะได้ 5 ล้าน (1 ใน 3 ของ 15
ล้านโดส) ถ้าเกิดเขาผลิตได้ 10 ล้านโดส แล้วคุณว่าไง? ใช่มะ บางเดือนอาจจะได้ 10
ล้านโดสก็ได้ใครจะไปรู้ เพราะเขาทำได้ก็บุญแล้ว
ดิฉันเองอยู่ในวงการนี้
ดิฉันรู้ว่ามันยาก บอกตั้งแต่ทีแรกแล้วว่ามันยากมาก ยิ่งเป็นบริษัทที่ไม่เคย
แม้นจะได้ Knowhow
จากเขามา และแม้นจะได้การสนับสนุนจากรัฐบาลอีก 600 ล้านบาทก็ตาม
นี่บุญแล้วที่ได้ มันก็อาจจะเป็นไปได้ที่บางเดือนอาจจะไม่ได้ 15 ล้านโดส
ดิฉันจะบอกให้ อาจจะเหลือ 10 ล้านโดสก็ได้ แล้วเป็นไง? คุณก็ได้ 3 ล้าน ถูกมั้ย?
เขาก็บอกได้ 3-5 ล้านโดส เพราะฉะนั้น นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ดังนั้น
ความผิดพลาดตั้งแต่ตอนตัดสินใจซื้อ แล้วไม่ได้มีการประเมินสถานการณ์
ผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก จำนวนก็น้อยในการซื้อ ซื้อก็ช้า แล้วยังพยายามคุยโวโอ้อวด
ปกปิดข้อมูลความเป็นจริง มาแก้ไขแบบแย่ ๆ ก็ยังไม่ตรงความจริง
แล้วอย่างตัวเลขที่พยายามอธิบายว่าแอสตร้าเซนเนก้า ได้มาเยอะ
คุณไม่ต้องไปแก้ตัวแทน บริษัทเขาบอกได้เลยว่าเขาให้มาเท่าไหร่ ความพยายามจะบอกว่าแอสตร้าเซนเนก้า
ได้มาเยอะแยะแล้ว แต่ในนี้มีจำนวนที่ได้มาจากเกาหลี 117,000 โดส ตั้งแต่ต้น ใคร ๆ
ก็รู้ว่ามาจากเกาหลี ไม่ใช่มาจากสยามไบโอไซเอนซ์ เพราะตอนนั้นเขายังผลิตไม่ได้
ยังไม่ออกมา แล้วที่ได้มาจากญี่ปุ่นอีกล้านอีก คุณเอามารวมหมดเลยว่าเป็นแอสตร้าเซนเนก้า
นี่เป็นท่วงทำนองของคนที่ไม่ชอบแก้ไข
แล้วก็ถ้าพูดเป็นภาษาโบราณก็คือ ถ้าเป็นคนจัญไรก็ชอบที่จะแก้ตัว แล้วก็เอาความชั่วโยนให้คนอื่นทั้งหมด
ตัวเองไม่ผิด ฟ้องไปหมดเลย ฟ้องคนโน้นที ฟ้องคนนี้ที เขาว่าแทงม้าตัวเดียวก็ไปฟ้องเขา
แต่จริง ๆ อาจารย์ธิดาพูดมาก่อนแล้ว นานแล้วนะว่าทำวัคซีนนี้ไม่ง่าย
ถ้าคุณจะไปเอาอย่างอินเดีย
หรือคุณจะให้เมืองไทยเป็นมิกสัญญีแบบอินเดียที่ขณะนี้ที่ต้องไปเผาศพกันกลางถนน
คุณจะเอาแบบนั้นเหรอ? พออินเดียเป็นแบบนั้นอินเดียเขาบังคับไม่ให้ส่งออก
หรือในอังกฤษตอนต้น เพราะฉะนั้น เมื่อเราจะไปพยายามบังคับสยามไบโอไซเอนซ์โดยอาจจะไปมองว่าเราเอาอย่างอินเดียหรือว่าประเทศอังกฤษ
เขาก็มีการฟ้องร้องกัน แอสตร้าเซนเนก้าก็เลยเริ่มเปิดเผยออกมา
ดังนั้น
นี่ก็คือสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร แล้วเวลาคุณอนุทินตอบกลับไป
ไม่สามารถแก้ตัวอะไรได้ ก็โยนไปให้คนอื่น ไม่ได้บอกว่าโยนความชั่วนะ
แต่โยนปัญหาไปว่าคุณต้องทำให้ได้เหมือนที่นายกฯ พูด เพราะนายกฯ ไทยบอกว่าต้องได้
10 ล้านโดส 10 ล้านโดสต่อเดือนไปจนถึงสิ้นปี
ที่ดิฉันเอามาพูดวันนี้ก็คือ
มันเป็นรูปธรรมชัดเจนถึงความล้มเหลวและความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำอีกของกลุ่มคนที่มีอำนาจที่ครองอำนาจอยู่ในปัจจุบัน
ทำในสิ่งผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วโยนความผิดไปให้คนอื่น
คือคนนะ ถ้าจะแก้ไขต้องยอมรับก่อนว่ามีความผิดถึงจะแก้ไข แต่ถ้าหากจิตใจไม่ยอมรับว่าตัวเองได้ทำผิดก็จะไม่แก้ไข ก็จะไถลเถลือกไปเรื่อย ๆ โยนความผิดให้คนโน้น โยนความผิดให้คนนี้ แล้วก็แก้ตัว มันก็เข้าข่ายประเภทที่เรียกว่า
“คนโง่ก็จะไม่ยอมแก้ไข
คนจัญไรก็จะพยายามแก้ตัว
แล้วคนชั่วก็จะโยนความผิดให้กับคนอื่น”
นี่เป็นภาษิตโบราณนะ
ไม่ใช่อาจารย์ธิดาจะเอามาว่าใคร แต่ถ้าใครอยู่ในความผิดที่ไม่ยอมรับผิดไม่ยอมแก้ไข
พยายามแก้ตัว แล้วก็โยนความผิดให้คนอื่น มันก็เข้าข่ายอันนี้ทั้งหมด
และที่สำคัญในขณะนี้ก็คือ
นอกจากไม่แก้ไข พยายามจะแก้ตัวอย่างผิด ๆ
เหมือนช้างตายทั้งตัวแล้วเอาใบบัวมาปิดมันก็ไม่มิด
แล้วใครที่ออกมาเรียกร้องก็จะต้องถูกปราบปรามอย่างรุนแรงเหมือนสิ่งที่กระทำในเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นในวันที่
18 ที่ผ่านมา
คุณใช้ทั้งกระสุนยาง
ใช้แก๊สน้ำตา ใช้ฉีดน้ำ แต่บอกว่าทำตามลำดับขั้นตอน
แต่ทำตามลำดับอย่างรวดเร็วกับเด็ก ๆ ที่ไม่มีอะไร
และข้อที่เขามาทวงมันเป็นเป็นข้อที่มาทวงแบบชอบธรรมทั้งหมด ก็คือ
รัฐบาลต้องรับผิดชอบ นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบแบบประเทศที่เขาศิวิไลย์หรือมีความสำนึกผิดชอบชั่วดี
แล้วข้อเรียกร้องก็คือเอางบประมาณทั้งหมดที่ไม่จำเป็น
เอามาระดมใส่ในการแก้ปัญหาสาธารณสุข
และในสุดท้ายก็คือเอาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมาให้ประชาชน ซึ่งตอนนี้ก็คือ Messenger RNA Viccine (mRNA)
เพราะฉะนั้นนี่คือข้อเรียกร้องของเยาวชน
ไม่มีอะไรผิด ไม่มีอะไรชั่ว เป็นการส่งเสียงให้รู้ว่าคุณต้องแก้ไข
แต่ว่าเผอิญคนจัญไรมันชอบแก้ตัวอย่างที่ว่า เพราะงั้นก็ไม่สามารถยอมรับผิดได้ ก็ลองดูไปก็แล้วกัน
ดิฉันคิดว่ารูปธรรมของความผิดพลาดมันก็จะออกมาเรื่อย
ๆ แต่ในขณะนี้มันเหมือนไฟไหม้ไปหมดแล้ว ดิฉันบอกตรง ๆ ว่าแก้ไขยาก แก้ไขยากมาก
ประชาชนช่วยตัวเองเต็มที่ เหมือนรอบที่แล้วที่เราพูดว่ารอตรวจ
รถตรวจแล้วพอไปตรวจกันจนเต็มแล้วมันจะติดโรคตอนที่รอตรวจนั่นแหละ
แล้วก็ไม่ยอมเลือกใช้ Rapid
Test เพราะกลัวว่าจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงเกินไป และในที่สุดการทำ Home
Isolation มันจะได้ผลอย่างไรสำหรับประเทศไทยซึ่งคนจนส่วนใหญ่อยู่รวมกัน
มันเป็นไปไม่ได้ ดิฉันดูแล้วว่ามันจะยิ่งผิดไปเรื่อย ๆ แล้วก็แก้ไขยาก!
ดังนั้น
ประชาชนทั้งหลายขอให้เตรียมพร้อมว่าประเทศไทยนั้นกำลังสู่ความหายนะครั้งยิ่งใหญ่จริง
ๆ หายนะทั้งในเรื่องคุณอาจจะตาย ญาติคุณอาจจะตาย หรืออาจจะเจ็บป่วย
แล้วก็หายนะทางเศรษฐกิจ แล้วก็ดำดิ่งสู่ความหายนะทั้งประเทศ คือเตรียมตัวเอาไว้
และประชาชนที่ออกมาก็จะต้องถูกปราบปรามอย่างเต็มที่
แบบเดียวกับทำให้เรารำลึกถึงปี 53 ได้ค่ะ คุณจะเอาแบบปี 53 เหรอ?
แล้วคุณจะจัดการเด็ก ๆ แบบปี 53 หรือไม่? ปี 53 นั้นเด็กบางคนก็ยังเล็กมาก
หรือบางคนยังไม่ได้เกิดมาด้วยซ้ำ
แต่ดิฉันคิดว่าผู้ใหญ่ที่ถูกปราบปี 53 ยังอยู่ แล้วเด็กที่ต่อสู้ในรุ่นนี้ก็อยู่ การผนึกกำลังระหว่างคนสองรุ่น สามรุ่น Generation X, Y, Z รวมทั้ง Alpha มันผนึกกำลังกันได้ และเดี๋ยวนี้ผนึกกันได้แม้กระทั่งสลิ่มกลับใจค่ะ.
#โควิดวันนี้ #โควิด19
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์