“ธิดา”
ฉะ “หน่วยงานความมันคง” ถ้าใส่ใจจริงต้องรู้ว่าเส้นทางธรรมชาติจุดไหนที่แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามา
ถ้ารักประเทศชาติประชาชนต้องดูแล ไม่ใช่วัน ๆ คิดแต่จะจับ 112/116 แม้กระทั่งเด็ก
16 ปี หรือแม่ยก!
เมื่อวันที่
22 ธ.ค. 63 ที่เฟซบุ๊คแฟนเพจ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้มีการทำ Facebook Live พร้อม ๆ กับการทำ Youtube Live ผ่านช่อง UDD
news Thailand ซึ่งวันนี้ อ.ธิดา ได้มาสนทนากับท่านผู้ชมในประเด็น
“สถานการณ์โควิด-19
กับยุทธศาสตร์ความมั่นคง”
ก่อนเข้าสู่ประเด็นสนทนา
อ.ธิดา ได้กล่าวว่า “เราไม่ได้เป็นการพูด Facebook Live ตามอารมณ์ เพราะเวลาเราพูด
เราไม่ได้มองเรื่องของเราหรือคณะของเรา แต่เรามองภาพรวมทั้งประเทศ ประชาชนทุกฝ่าย
ยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชนทั้งมวล ดิฉันก็อยากเรียนมายังพี่น้องเพื่อนฝูงลูกหลานที่รับฟังว่า
บนจุดยืนนี้ก็คือจุดยืนผลประโยชน์ประเทศชาติประชาชน
โดยประมวลประสบการณ์และองค์ความรู้เท่าที่จะทำได้ให้เป็นประโยชน์
นี่ไม่ใช่เป็นการประชดประเทียด หรือแดกดัน หรือกล่าวโทษ แต่ทุกอย่างมีเหตุผลของมัน”
อ.ธิดากล่าวว่า
ขณะนี้ทุกคนก็รู้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะเรียกว่ามารอบสองหรือรอบใหม่ก็แล้วแต่
แต่ว่ามันเกิดขึ้นแล้ว เพียงแต่ว่ากระทรวงสาธารณสุขก็อยากจะพูดเพื่อที่จะเรียกว่ารอบใหม่ก็ถือว่ารอบที่แล้วประสบความสำเร็จ
ดังนั้นนี่คือรอบใหม่ ไม่ได้หมายความว่าทำไม่สำเร็จ
ผลจากการไม่สำเร็จของรอบที่แล้วจึงนำมาสู่การระบาดรอบสอง
ดิฉันอ่านความคิดของกระทรวงสาธารณสุขที่เวลาพูดออกมาแล้วมาโต้เถียงเรื่องการระบาดรอบสองรอบใหม่
ก็คือ อย่าโทษนะ กระทรวงสาธารณสุขทำดีแล้ว
ความจริงดิฉันก็มีเรื่องที่จะต้องวิพากษ์กระทรวงสาธารณสุขมาก แต่ดิฉันจะขอเริ่มด้วยเรื่องของยุทธศาสตร์ความมั่นคง
เนื่องจากเรารู้กันอยู่แล้วว่าโควิด-19
มันเป็นเชื้อที่ไม่ได้เกิดในประเทศ มันเป็นผลิตผลเรื่องราวต่างประเทศ
และมันจะเข้ามา มันก็ไม่ได้บินเข้ามา มันมากับคน มาได้กี่ทาง?
ฝ่ายความมั่นคงคิดไม่ออกหรือ? มาทางอากาศ...มาจากเครื่องบิน
มาจากทางน้ำ...มาจากเรือ แล้วก็มาจากทางบก
ดิฉันคิดว่าคนหรือคณะที่ดิฉันจะต้องพูดถึงชุดแรกก็คือ
“ฝ่ายความมั่นคง” และชุดที่สองก็จะพูดถึง “รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข”
เพราะคุณอุตส่าห์ตั้งศูนย์ ศบค. ศบส. อะไรต่าง ๆ เหล่านี้
แต่ว่ารากเหง้าของความล้มเหลวที่ดิฉันคิดว่าสมควรที่จะต้องมายกเครื่องใหม่ทั้งหมดเลยก็คือ
“หน่วยงานความมั่นคงของประเทศไทย
หน่วยงานความมั่นคงของประเทศไทย
เมื่อเราเข้าไปดูแผนต่าง ๆ รวมทั้งแผนที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ 20 ปี
รวมทั้งการปฏิบัติมาเป็นลำดับจนถึงปัจจุบัน
ถ้าไปดูอุดมการณ์ที่หน่วยงานความมั่นคงต้องการจะให้เกิดขึ้นในประเทศนี้
เราจะไม่แปลกใจเลยที่เราจะล้มเหลวในการที่จะพบกับข้าศึกศัตรูไม่ว่าจะรูปแบบไหน เป็นรูปแบบเชื้อโรค
เป็นรูปแบบงานจารกรรมหรืองานต่าง ๆ จากต่างประเทศ เพราะว่ายุทธศาสตร์ของหน่วยงานความมั่นคง
คำขวัญ หรืออุดมคตินั้นมันเป็นอนุรักษ์นิยม ชาตินิยม
หรือจะใช้ภาษาแบบของอาจารย์ธงชัย วินิจจะกุล ว่า “ราชาชาตินิยม” ก็ได้
เพราะนั่นหมายถึงแก่นของความมั่นคง คือพิทักษ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ตามแบบฉบับของความมั่นคง ซึ่งไม่ทันกับภาวะปัจจุบัน
ในกรณีของสถานการณ์โควิด-19
ขณะนี้มีการออกมาบอกว่าชายแดนห้าพันกว่ากิโลเมตรดูแลไม่ไหว ดูแลไม่ทั่วถึง
ดิฉันถามว่ามันต้องเริ่มต้นจากวิธีคิดก่อน เชื้อตัวนี้มันต้องมากับคน
แล้วคนก็มาทางอากาศ ก่อนหน้านี้ในรอบแรก ท่านอาจจะบอกว่าทำได้ดี
แต่มันควรจะดีกว่านั้นถ้าหากงานของฝ่ายความมั่นคงและคณะที่อุตส่าห์มี
พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมศูนย์อำนาจอยู่ที่รัฐบาลและส่วนกลางอยู่ที่คณะนี้
ก็คือตระหนักได้มากกว่านี้ ก็มันมากับคนทางอากาศ คุณไม่ยอมปิด ไม่ยอมตรวจสอบคนที่เดินทางมาอย่างเข้มแข็ง
แต่ในที่สุดก็พยายามจะมาแก้ไขเอาทีหลัง ก็ยังดี!
สถานการณ์ของฝ่ายความมั่นคงนั้นไม่มีบทบาทเลย
ในเรื่องโลกาภิวัตน์ ไม่ว่าจะเรื่องของทุน เรื่องของแรงงาน เรื่องของเชื้อโรค
อะไรก็ตามที่เป็นโลกาภิวัตน์ คุณสนใจแต่เรื่องในประเทศ สนใจแต่แนวคิดอุดมการณ์ชาติ
ศาสนา พระมหากษัตริย์ คอยจับผิดคน ผิด 112, 116
ตามที่รัฐบาลพูดว่าใช้กฎหมายทุกมาตราที่มีในการจัดการ
คุณใช้ความคิดที่ถูกต้องหรือเปล่าในการสู้รบกับเชื้อโรคที่มาจากต่างประเทศ
ไม่ต้องใช้กฎหมายทุกมาตราก็ได้ แต่คิดให้เป็นสักนิดหนึ่ง
ตอนรอบแรกเรามีการจำกัดคนที่เดินทางเข้ามาช้า
แล้วตัวรัฐมนตรีในตอนนั้นก็ไปคิดเอาว่าประเทศจีนเขาดูแลอย่างดี ไม่เป็นไร พูดตรง ๆ
ว่าคิดตามแบบการเมือง แล้วประเทศจีนเขาก็ไม่อยากจะเสียชื่อประเทศเขา
เขาก็ต้องบอกประเทศอื่นให้วางใจได้ เอาละผ่านไปแล้วในรอบนั้น
แล้วสาธารณสุขมียุทธศาสตร์ในการรับ
แต่รับในเชิงที่มีการสอบสวนตรวจสอบ รับในเชิงรุกอยู่ระดับหนึ่ง
จึงสามารถแก้ปัญหาได้ ตัวเลขคนเสียชีวิตก็อยู่ระดับ 40-60
แล้วการติดเชื้อในประเทศก็มีการสอบสวนสืบสวน
แต่นั่นมันเกิดจากการไล่ว่ามีคนติดเชื้อ แล้วไล่ต่อในเชิงสอบสวนว่ามีคนที่สัมพันธ์กันกี่คน
มีคนเสี่ยงกี่คน แล้วก็ไล่ไปเรื่อย ๆ มันก็แก้ปัญหาไปได้ระดับหนึ่ง
แต่ตอนนี้ในสถานการณ์ใหม่ก็คือ
ประการแรก
คนติดเชื้อไม่มีอาการ ถามว่ารู้กันไหม ก็รู้ เพราะเวลาที่ทำ State quarantine หรือจะเป็นของเอกชนก็ได้ในการกักตัว ก็พบอยู่ตลอดว่าเจอเชื้อ
แต่ปกติไม่มีอาการ ถามว่ามีความคิดกันไหมตรงนี้
ถ้าคุณใช้ยุทธศาสตร์เดิมคือป่วยจึงกระทำ ถ้าไม่ป่วยก็ไม่มีเชิงรุก
(นี่ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข)
แต่ในหน่วยงานความมั่นคงนั้น
มันไม่มีอะไรเลยสักอย่าง เพราะในสมองหรือในวิธีคิดของหน่วยงานความมั่นคงนั้นมุ่งที่จะจัดการปัญหาความมั่นคงภายใน
คือใครไม่ชอบรัฐบาล ใครอยากจะปฏิรูปสถาบันฯ
ใครที่ต่อต้านรัฐประหารและการสืบทอดอำนาจ จัดการเต็มที่เลย!
แต่ไม่รู้ว่าขณะนี้ตัวเองเป็นรัฐบาล
ตัวเองเป็นหน่วยงานความมั่นคง แล้วความมั่นคงของประเทศคืออะไร
ที่คุณทำอยู่นั้นมันไม่ใช่ความมั่นคงของประเทศ แต่เป็นความมั่นคงของพวกคุณเอง
พวกกลุ่มจารีตนิยม อำนาจนิยม ที่ไม่ยอมคืนอำนาจให้กับประชาชน
ถ้าประชาชนออกมาหัวแข็ง ต่อต้าน พูดจาไม่เข้าหูนิดหน่อยก็จะใช้กฎหมายทุกมาตรา
อะไรทำนองนี้
มาตอนนี้หน่วยงานความมั่นคงมาโอดครวญว่ามันตั้งห้าพันกิโลเมตร
ถามว่าในสมองคุณคิดหรือเปล่า? ดิฉันเชื่อว่า (ให้เกียรตินะ) ว่าพวกคุณไม่ใช่คนโง่
แต่พวกคุณไม่เคยคิด คือถ้าคุณตระหนักว่าหน่วยงานความมั่นคงในยุคนี้
(ยุคโลกาภิวัตน์) คุณจะทำแบบรัชกาลที่ 6 ยังไม่ได้ ดิฉันเชื่อว่า ร.5 ร.6
ถ้าท่านยังอยู่ท่านทำงานความมั่นคงได้ดีกว่าพวกที่ทำอยู่ทุกวันนี้ แน่นอน!!!
อย่าง
ร.6 ท่านยังรู้เลยว่าท่านควรจะ Take side ข้างไหน (ท่านอยู่ฝ่ายสัมพันธมิตรเพราะท่านเชื่อว่าฝ่ายนี้จะชนะ)
ในขณะนี้พระญาติพระวงศ์อื่น ๆ นั้นอาจจะเชียร์เยอรมัน นี่ยกตัวอย่าง นั่นก็คือไม่ได้คิดเรื่องปัญหาความมั่นคงภายในเป็นด้านหลัก
ใครที่มาโจมตีพระมหากษัตริย์ในยุค ร.6 ก็ไม่ได้ลงโทษแบบบ้าบอคอแตกแบบทุกวันนี้
โทษขั้นต่ำก็ไม่มี ไม่จัดการใคร ไม่ฆ่าใคร (ทั้งวิธีเปิดเผยและวิธีลับ)
นี่พูดถึงในสมัย ร.5 กับ ร.6
ในทัศนะของดิฉัน
หน่วยงานความมั่นคงไทย สร้างความเสียหายอย่างมาก คือไม่ทันสถานการณ์
เราพูดประเด็นนี้ก็คือว่าท่านไม่มีทั้งรับและไม่มีทั้งรุก
ท่านคิดบ้างไหมว่าประเทศอินเดียติดเชื้อเป็นลำดับสองจากสหรัฐฯ ส่วนพม่า, กัมพูชา,
ลาวอยู่ใกล้ชิดประเทศไทยและคนติดเชื้อน้อยกว่าไทยนะ แล้วอยู่ ๆ
พม่าติดเชื้อเป็นหมื่น ๆ ถามว่าถ้าเป็นหน่วยงานความมั่นคงที่ยึดผลประโยชน์ประเทศไทยจริง
ไม่มัวแต่นึกว่าเก้าอี้จะหลุดเมื่อไร ถ้านึกถึงชาติ รู้จักคำว่าชาติ ซึ่งความหมายก็คือมีทั้งผืนแผ่นดิน
ประชาชนและความผาสุกของประชาชน (นี่คือสิ่งสำคัญ) ไม่ใช่คิดว่ามีแต่ผืนแผ่นดิน
ไม่ได้มีความคิดแบบนี้เลยแม้แต่นิดเดียว!
เวลาพูดก็เหมือนกันบอกว่ายาวห้าพันกิโลเมตร
คุณคิดแต่เรื่องผืนแผ่นดิน คุณไม่มีประชาชนอยู่ในสายตา พม่าติดเชื้อเป็นหมื่น ๆ
แล้วดังที่บอกว่าเชื้อมันมากับคน มาทางอากาศ มาทางน้ำ มาทางบก
คือคุณจะให้ทหารไทยไปยืน (จริง ๆ ก็ยังได้ด้วยนะ) ไม่ต้องถึงขนาดนั้น
ถ้าคุณเป็นคนที่ใส่ใจ
คุณต้องรู้แล้วว่าจังหวัดใดและชุมชนใดที่เป็นช่องทางให้เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นตาก
เชียงราย แม่สาย กาญจนบุรี ราชบุรี หรือกระทั่งระนอง (มาทางเรือ)
มันมีเส้นทางซึ่งถ้าคุณเป็นหน่วยงานความมั่นคง
คุณต้องรู้ว่าเส้นทางธรรมชาติที่เป็นลักษณะเป็นที่นิยมมันอยู่ที่ไหนบ้าง
แล้วถ้ารักประเทศชาติ ประชาชน มันต้องดูแล ไม่ใช่วัน ๆ คิดแต่ว่าจะจับ 112 จะจับ
116 เอาหมดกระทั่งเด็ก 16 ปี หรือคนที่เขามาเป็น “แม่ยก”
ซึ่งมันน่าสมเพชในทัศนะดิฉัน ดังนั้น คุณไม่มีทั้งเชิงรับ อย่างน้อยคุณก็ต้องรู้แล้วว่าจุดใดที่จะเป็นทางผ่าน
อันที่สอง
ถ้าคุณเป็นหน่วยงานความมั่นคงจริงก็ต้องรู้ว่าประเทศไทยนั้นเราใช้แรงงานต่างชาติหลายล้าน
(น่าจะประมาณ 4 ล้าน) และแรงงานส่วนใหญ่ก็เป็นคนพม่า (เรื่องความมั่นคงในลักษณะชายแดน)
เพราะงั้นดิฉันไม่แปลกใจเลยที่ยาเสพติดเข้ามาเยอะ เพราะว่าปล่อยปละละเลย ไม่สนใจ
หรือมีประโยชน์ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้
ในเรื่องชายแดน
(มาทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ) คุณจะจัดการอย่างไร ดิฉันไม่ลงรายละเอียด
ถ้าคุณไม่รู้ก็ไปลาออกให้หมดเลยดีกว่า
ทำไมเวลาจัดการกับคนไทยคุณรู้ว่าจะจัดการยังไง แม้กระทั่งเขาไปม็อบ
คุณก็มากั้นลวดหนามหีบเพลง เอาคอนเทนเนอร์มากั้นเป็นบ้าเป็นบอ
แต่ในเรื่องที่เป็นเรื่องสำคัญของประเทศชาติใช้ความคิดไม่เป็นหรือยังไง
แล้วก็ปล่อยให้เข้ามาถึงขนาดนี้ เข้ามาแล้วจะจัดการชุมชนของแรงงานที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างไร
จริง
ๆ ประเทศไทยที่ขับเคลื่อนไปได้ก็เพราะมีแรงงานเหล่านี้ ไม่อย่างนั้นอุตสาหกรรมทางด้านเกษตรของเรา
ประมง ต่าง ๆ ขับเคลื่อนไม่ได้ถ้าไม่มีแรงงานเหล่านี้
ถามว่าเมื่อเข้ามาแล้ว
ถ้าคุณมียุทธศาสตร์ความมั่นคง (ทั้งฝ่ายความมั่นคง ทั้งฝ่ายสาธารณสุข) คุณไม่มีเชิงรุก
คุณต้องมีเชิงรับ คุณจะรับจากภายนอกอย่างไร แล้วในพื้นที่ที่สุ่มเสี่ยงคุณจะมีเชิงรุกยังไง
คุณไม่ยอมตรวจแบบเชิงรุกหมด แต่อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีเป้าหมาย
แล้วแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย อยู่เป็นชุมชน
ถามว่าคุณคิดไม่เป็นหรือยังไงในการที่จะเข้ามาดูแล ตรวจสอบ ว่าได้รับการตรวจโรคมาจากประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนที่เขาอยู่ในประเทศไทยมาเก่าก็ส่วนหนึ่ง ส่วนที่เข้ามาใหม่ถามว่ามันจะตรวจสอบไม่ได้หรือ?
ตรวจได้! อ.ธิดากล่าว
แล้วการที่คุณจะตรวจสอบ
ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ PCR อย่างเดียวก็ได้ มีวิธีตรวจตั้งเยอะแยะ บางคนอาจจะบอกมันแพง
ก็หมายความว่าเชิงรับก็รับไม่ไหว รับไม่ไหวตามชายแดน (ทางอากาศ ทางเรือ)
แต่เชิงรุกในพื้นที่คุณก็ไม่ทำ
ณ
บัดนี้บริเวณตลาดกุ้งและหอพักมีคนประมาณสองพันกว่าคน ตอนนี้ติดเชื้อพันกว่าคนแล้ว
วันนี้ (22 ธ.ค.) สี่ร้อยกว่าคนที่ติดเชื้อใหม่ นี่เป็นสถานการณ์ซึ่งจริง ๆ
มันน่าจะยังควบคุมได้
แต่ด้วยความไม่เข้าท่าทั้งของหน่วยงานความมั่นคงและทางรัฐมนตรีแรงงานและกระทรวงสาธารณสุข
ซึ่งก็คือศูนย์ฯ นั่นแหละ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีด้วย มองไม่เห็นหรือว่าคนพม่า
ประเทศพม่าเขาติดเชื้อกันเต็มไปหมด แล้วคนพม่าในประเทศไทยเต็มไปหมด
แล้วอยู่เป็นกลุ่ม ถามว่าคิดไม่ออกหรือยังไง มันแต่ไปคิดเรื่องอื่น
(เรื่องไล่จับคนไทย)
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก
เพราะเหตุว่ามันจะมาล็อคดาวน์ นอกจากล็อคดาวน์คนมันจะล็อคดาวน์เศรษฐกิจด้วย
เมื่อวานหุ้นตก 80 กว่าจุด วันนี้ขึ้นก็คงไม่มาก เพราะขณะนี้ในต่างประเทศเราก็พบว่าเชื้อมีการกลายพันธุ์
น่ากลัว การติดเชื้อก่อนหน้านี้มีการติดเชื้อที่ไม่เกิดโรค
แล้วมาเกิดในประเทศไทยและเราปล่อยให้บานปลายเพราะเราไม่สนใจ
เราสนใจเฉพาะคนป่วยแล้วถึงไปสืบสวน อันนี้ก็ผิดแล้ว! ตอนนี้อัตราติดเชื้อมันมากขึ้นกว่าเดิม
70% ประเทศอังกฤษต้องล็อคดาวน์หมดแล้ว ปัญหาเศรษฐกิจของทั้งโลกต้อมีปัญหาทันที
สุดท้ายคือเรื่องวัคซีน
ดิฉันข้องใจว่าทำไมเราถึงสั่งซื้อวัคซีนจากบริษัทเดียว
ดิฉันทราบมาว่าบริษัทนี้เกี่ยวข้องกับโรงงานการผลิตวัคซีนในประเทศไทย
ก็มีคนพูดว่ามันเกี่ยวข้องกับโรงงานที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
คือมันดีที่เราจะมีโรงงานผลิตวัคซีนอันนี้ แต่คำถามว่าชีวิตคนและปัญหาประเทศ
คุณต้องเอาวัคซีนมาเร็วที่สุดก่อน คุณซื้อได้ยังไง “แอสตราเซเนกา” เจ้าเดียว
ประเทศลาวตอนนี้เขาใช้ของรัสเซีย “Sputnik V” ของที่อื่นอย่างสิงคโปร์เขาซื้อ
3 บริษัทเลย “แอสตราฯ” เขาก็ซื้อ “ไฟเซอร์” ก็ซื้อ “Oxford” ก็น่าจะซื้อ
นี่ยกตัวอย่าง
แล้วทำไมเราซื้อจากบริษัทเดียว
ยังไม่มีเค้าว่าจะได้ ในขณะที่วัคซีนของประเทศอื่นเขาฉีดกันแล้ว
สิงคโปร์ก็ฉีดกันแล้ว ทำไมเราไม่บริหารความเสี่ยง ก็คือซื้อวัคซีนหลายบริษัท
อย่างน้อย 2-3 บริษัทอย่างประเทศสิงคโปร์ แล้วประเทศสิงคโปร์เขาไม่ได้โทษแรงงานต่างด้าวเลยนะ
เขาโทษตัวเขาเองที่ดูแลไม่ดี
ดังนั้นเขาก็ต้องลงทุนในการทำให้แรงงานที่เข้ามาอยู่เรียกว่าก็รักษาจนหาย
อย่างเราเพียงแค่ตรวจยังไม่ยอมตรวจ มาตอนนี้ก็ต้องรักษา มันกลายเป็นว่า “เสียน้อยเสียยาก
เสียมากเสียง่าย”
ตอนนี้ก็คือ
“ฉิบหายวายป่วง” ก็เพราะความประมาทหนึ่ง ความไม่มียุทธศาสตร์ ดิฉันไม่คิดว่าหน่วยงายความมั่นคงไทยจะรับมือกับศึกเสือเหนือใต้ได้
เพราะเตรียมสำหรับรับมือแต่เฉพาะปัญหาในประเทศอย่างเดียว คุณไม่สามารถรับมือกับการโจมตีทางเศรษฐกิจ
ทางวัฒนธรรม ทางเชื้อโรค อะไรก็ตาม
เพราะว่าคุณถนัดอย่างเดียวที่จะจับคนไทยแล้วก็ฆ่าคนไทย มันง่าย
ดังนั้นถ้าว่าไปแล้ว
ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของเราโดยสรุปก็คือ สำหรับโลกาภิวัตน์ไม่มี ไม่มีทั้งรับ
ไม่มีทั้งรุก มีแต่ปล่อย มีแต่แก้ตัว มีแต่เป็นยุทธศาสตร์ความมั่นคงแบบไทย ๆ
ไม่ใช่แบบโลกาภิวัตน์
ส่วนสาธารณสุข
แม้นว่าเรามีบุคลากรที่มีความสามารถ แต่ในทัศนะของดิฉัน เวลามองภาพรวม
อะไรที่จำเป็นต้องจ่ายก็ต้องจ่าย ยังทำงานเชิงรุกน้อยเกินไป โดยเฉพาะสำหรับรัฐบาล
คุณรวมศูนย์ คุณมีกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คุณอ้างว่าสำหรับสาธารณสุข
คุณมัวแต่เอาไปจับคนอื่น พ.ร.ก.ฉุกเฉินของสาธารณสุขมันต้องใช้ให้ถูก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการนำเข้าจากชายแดน จากต่างประเทศ
คือทั้งหมดมันเป็นโลกาภิวัตน์การนำเข้าทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้นคุณจะมียุทธศาสตร์ในการต่อสู้กับโควิด-19
อย่างไร จึงจะสอดคล้องกับความเป็นจริง ในทัศนะดิฉันเราคงต้องเจ็บแล้วอาศัยความสามารถของบุคลากรสาธารณสุขมาช่วยแก้สถานการณ์แบบรอบที่แล้วอีกทีหนึ่ง
แต่ครั้งนี้มันจะรุนแรงไปมาก เพราะทั้งรัฐบาล ทั้งหน่วยงานความมั่นคง ไม่มีสมาธิ
ไม่มีความเข้าใจเรื่องโลกาภิวัตน์ และไม่สามารถที่จะรับมือกับโลกาภิวัตน์ทุกรูปแบบ
ทั้งทุน ทั้งเชื้อโรค ทั้งแรงงาน คุณยังไม่มีมโนคติคือว่าความเข้าใจในเรื่องโลกาภิวัตน์
แน่นอนที่สุด ปัญหาในประเทศคุณยังทำแบบไทย ๆ ถ้าอย่างนี้ประเทศไทยจะไปทางไหน ดิฉันดูไม่มีทางออกเลยในตอนนี้ ก่อนที่จะเสียหายเรื่องอื่น จะเสียหายเรื่องโควิด-19 แล้วรอบนี้จะหนักมากนะคะ ฉะนั้นก็ขอให้ประชาชนดูแลตัวเองให้ดี ดิฉันก็คิดว่าต้องใช้แมสก์ที่กันเชื้อได้ ไม่ใช่แมสก์ที่แบบกันขี้ฝุ่น ต้องดูให้ดี ต้องเอาจริงเอาจังในการดูแลตัวเอง คุณอย่าหวังรัฐบาล เขาคิดว่าเขาจะอยู่ให้นานที่สุด แล้วก็รักษาอำนาจไว้ให้มากที่สุด ฉะนั้นก็ดูแลตัวเองกันให้ดีนะคะ อ.ธิดากล่าวในที่สุด