วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ปล่อยแล้ว "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" คุมประพฤติติดกำไลอีเอ็ม แม้แสดงความเห็นทางการเมืองไม่ได้ แต่ยืนยันเป็น "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" คนเดิม ที่ร่างกายและหัวใจแข็งแกร่งกว่าเดิม!

 


ปล่อยแล้ว "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" คุมประพฤติติดกำไลอีเอ็ม แม้แสดงความเห็นทางการเมืองไม่ได้ แต่ยันยัน เป็น "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" คนเดิม ที่ร่างกายและหัวใจแข็งแกร่งกว่าเดิม!!!


ยูดีดีนิวส์ : 18 ธ.ค. 63 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 11.30 น. เป็นเวลาที่รถของราชทัณฑ์ได้นำตัวนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งวันนี้ได้รับการปล่อยตัวตามหลักเกณฑ์การพักโทษเป็นกรณีพิเศษ โดยมีการนำตัวไปติดกำไลอีเอ็มที่ สำนักงานคุมประพฤติ ซึ่งตั้งอยู่ที่ห้างไอทีสแควร์ หลักสี่ หลังจากกระบวนการติดกำไลอีเอ็มและเจ้าพนักงานคุมประพฤติได้อธิบายเรื่องเทคนิตต่าง ๆ รวมถึงเงื่อนไขการคุมประพฤติเรียบร้อยแล้ว นายณัฐวุฒิได้เดินออกมาพบกับพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่มาคอยต้อนรับและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

 

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า วันนี้ผมได้รับการปล่อยตัวตามหลักเกณฑ์การพักโทษเป็นกรณีพิเศษของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งทราบว่าตัวรายละเอียดหลักเกณฑ์และข้อพิจารณาต่าง ๆ ทางกรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนไปแล้ว ทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น

 

วันนี้เดินทางมาที่นี่เพื่อเข้าติดกำไลอีเอ็มและเข้ารับทราบเงื่อนไขการคุมประพฤติจากเจ้าพนักงานคุมประพฤติ เจ้าพนักงานฯ ก็ได้อธิบายทางเทคนิคเรื่องวิธีการใช้กำไลข้อเท้า (กำไลอีเอ็ม) เพราะว่ามันจะมีรายละเอียดทั้งในแง่ของความปลอดภัย ทั้งในแง่ของการตรวจสอบสัญญาต่าง ๆ ของตัวเครื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลรักษาให้ใช้งานไปได้ตลอดเงื่อนไขการต้องติดกำไลอีเอ็ม  ขั้นตอนนี้เข้าใจกันเป็นอย่างดีนะครับ ทุกอย่างก็เรียบร้อย

 

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ฯ ท่านก็อธิบายเงื่อนไขของการอยู่ในหลักเกณฑ์การคุมประพฤติ ซึ่งก็จะมีเงื่อนไขหลัก ๆ อยู่ที่พื้นที่ในการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป ผมถูกกำหนดพื้นที่อยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรีเป็นหลัก เนื่องจากว่าเป็นที่ต้องของบ้านพักอาศัยตามสำเนาทะเบียนบ้าน ถ้าหากว่าจะออกนอกพื้นที่จังหวัดนนทบุรีก็คงจะต้องขออนุญาตเจ้าพนักงานฯ เป็นกรณีไป

 

ส่วนถ้ามีกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่จะต้องอยู่นอกพื้นที่จังหวัดนนทบุรีเป็นปกติเดิมอยู่แล้ว ก็สามารถจะแจ้งเจ้าพนักงานคุมประพฤติประจำจังหวัดนนทบุรี เพื่อได้รับทราบและขยายขอบเขตการคุมประพฤติออกไปได้อย่างเช่น หลังจากนี้ผมก็คงต้องเข้าไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลซึ่งเข้าไปรับการรักษาตัวอยู่ตามปกติ โรงพยาบาลอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างนี้ก็จะแจ้งเขาไว้เสียก่อนตั้งแต่วันแรก หรือว่ากิจกรรมของลูก ๆ ซึ่งมีการเรียนพิเศษ มีกิจกรรมอื่นใดก็ตามที่ผมจะใช้ช่วงเวลานี้อยู่กับครอบครัวไปรับไปส่งไปดูแลอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือจังหวัดอื่น ๆ ก็จะได้แจ้งทำความเข้าใจกันต่อไป ซึ่งหลังจากตรงนี้ผมจะเดินทางไปสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรี

 

นอกจากนั้นก็เป็นเงื่อนไขการเข้ารับการฝึกอบรม ซึ่งกรมคุมประพฤติก็กำหนดให้ผมเข้ารับการฝึกอบรมจริยธรรม ในที่นี้ก็เข้ารับการอบรมหลักสูตรเรื่องพุทธศาสนา ก็ยังไม่ทราบรายละเอียด กำหนดการ และรูปแบบของหลักสูตร ทางเจ้าพนักงานคุมประพฤติจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง

 

และอีกเงื่อนไขหนึ่งซึ่งก็คิดว่าจะใช้วาระนี้ได้อธิบายความและทำความเข้าใจกับทุก ๆ ท่านผ่านสื่อมวลชนไปเสียเลย ก็คือ ด้วยความที่ผมเป็นผู้ต้องขังในคดีอันเกิดจากการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง เงื่อนไขในการคุมประพฤติจึงมีข้อกำหนดสำคัญก็คือ ห้ามแสดงท่าที แสดงความคิดเห็น แสดงสัญลักษณ์ใด ๆ ทางการเมือง และห้ามเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น 

 

ทั้งนี้กรอบระยะเวลาก็เป็นไปตามเงื่อนไขการคุมประพฤติ เมื่อไหร่ที่มีการถอดกำไลอีเอ็ม นั่นก็หมายความว่าสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในฐานะประชาชนโดยทั่วไปก็จะกลับมาโดยสมบูรณ์ แต่ว่าในชั้นต้นก็ต้องอธิบายความไปยังพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องสื่อมวลชน ซึ่งผมก็ไม่ได้เป็นคนสลักสำคัญอะไร แต่ว่าเนื่องจากเพิ่งออกจากคุกมา พี่น้องสื่อมวลชนก็อาจจะอยากสนทนาด้วย อาจจะอยากแลกเปลี่ยนคนคิดเห็นประเด็นต่าง ๆ ก็เรียนไว้ตรงนี้ว่ายังไม่สามารถปฏิบัติได้ ยังไม่สามารถให้ความร่วมมือได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเมือง

 

แต่ว่ากิจกรรมอื่น ๆ ในชีวิต ได้สอบถามเจ้าหน้าที่เมื่อสักครู่ ท่านก็บอกว่าสามารถจะสื่อสารกับสังคมได้ เช่น ไปเดินจ่ายกับข้าว ไปจ่ายตลาด หรือว่าจะไปทำกิจกรรมอะไรก็ตามที่ไม่มีนัยยะทางการเมืองก็สามารถที่จะปรากฎตัวผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค ปรากฏตัวผ่านช่องทางสาธารณะได้ อันนี้ก็เฉกเช่นปุถุชนคนปกติทั่วไป

 

อีกเรื่องหนึ่งก็คือเป็นประเด็นทางเทคนิคของการใช้กำไลอีเอ็ม ผมคิดว่าก็อาจจะเป็นข้อมูลความรู้สำหรับประชาชนทั่วไปก็จะเล่าให้ฟังเสียด้วย ก็คือเมื่อติดกำไลนี้ตัวผู้ติดอย่างเช่นผมก็ไม่สามารถจะเดินทางโดยเครื่องบินได้ เพราะว่าตัวกำไลมันเป็นระบบจีพีเอส ขึ้นเครื่องบินแล้วเกิดสัญญาณขาดหายก็จะเป็นปัญหา รวมกระทั่งไม่สามารถที่จะเข้าไปในบริเวณสนามบินได้ เพราะเกรงว่าจะเป็นสัญญาณรบกวนกับระบบทางการบินและอาจจะเกิดผลกระทบ

 

ถ้ามีการไปปรากฏตัวในพื้นที่ที่อยู่นอกเงื่อนไขหรือพื้นที่ที่สุ่มเสี่ยงจะเป็นอันตรายเป็นผลกระทบ เจ้าหน้าที่เขาก็บอกว่าจะมีสัญญาณเตือน หรือไม่ทางเจ้าพนักงานคุมประพฤติก็จะติดต่อโทรศัพท์มา ซึ่งผมก็แน่ใจว่าผมคงไม่ได้ไปทำอะไรที่ผิดเงื่อนไขดังกล่าว

 

นี่คือสาระที่ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่สักครู ส่วนคำถามแรกเมื่อสักครูนี้เรื่องการใส่เสื้อตัวนี้ จริง ๆ การออกจากเรือนจำมันก็ควรใส่เสื้อตัวใดตัวหนึ่งมาสักตัว เพียงแต่ว่าเสื้อตัวนี้ผมใส่ในวันที่เข้าไปอยู่ในเรือนจำ ดังนั้นก็เป็นเสื้อตัวเดียวที่ติดไปจากข้างนอก วันนี้ก็ใส่ออกมา เพราะผมจำได้ว่าก่อนที่จะเข้าเรือนจำผมได้ให้คำมั่นไว้กับพี่น้องประชาชนว่า ผมจะออกมาเป็น “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” คนเดิม ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมทั้งร่างกายและหัวใจ

 

“วันนี้จึงยืนยันคำนั้นครับ ผมยังไม่สามารถจะแสดงความคิดเห็นหรือแสดงท่าทีใด ๆ ทางการเมืองได้ แต่ผมแสดงความเป็นคนเดิม เป็น “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” อย่างที่ท่านเคยรู้จัก เป็น “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ที่ร่างกายและหัวใจแข็งแกร่งกว่าเดิมกว่าหกเดือนที่ผ่านมาครับ”

 

ในโอกาสนี้ก็ขอขอบพระคุณนะครับ กระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฯพณฯท่าน สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตลอดจนบุคลากรเจ้าหน้าที่ส่วนราชการทุกคนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนพิจารณา ที่มีส่วนดำเนินการและดูแลผมในช่วงเวลาที่ไร้อิสรภาพจนได้มาพบปะกับทุกท่านในวันนี้ กราบขอบคุณครับ

 

สำหรับชีวิตในเรือนจำตลอดหกเดือนที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ก็เป็นชีวิตปกติที่เคยเข้าไปอยู่ในนั้นมาแล้วสองรอบ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม เพราะฉะนั้นในเรื่องของการปรับตัวก็ไม่ได้เป็นปัญหา ต่างจากสองครั้งแรกก็เพียงช่วงที่เข้าไปอยู่ในสถานการณ์ควบคุมการระบาดของโควิด-19 เพราะฉะนั้น 14 วันแรกก็จะต้องอยู่ในแดนแรกรับที่จะต้องมีการกักตัว ประกอบกับผมมีคดีอื่นที่จะต้องถูกเบิกตัวมาศาลบ่อย ๆ ทุกครั้งที่ออกมาข้างนอกมาขึ้นศาล กลับไปก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัว นี่คือสิ่งที่แปลกไป แต่ก็สามารถที่จะปรับตัวและทำความเข้าใจกับมาตรการของเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็เป็นไปตามเดิม ผมเป็นศิษย์เก่าของเรือนจำอยู่แล้ว ดังนั้นจึงผ่านวันเวลามาด้วยความไม่ได้รู้สึกว่าจะเป็นความยากลำบากอะไรที่จะเกินทนทานรับได้

 

ที่ห่วงใยก็คือห่วงใยคนข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว หรือว่ากระทั่งเพื่อนมิตรพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์ก็ตาม เนื่องจากว่าการเข้าไปอยู่ในเรือนจำคราวนี้ผมสูญเสียคุณพ่อตั้งแต่ในช่วงไม่กี่วันแรก ดังนั้นก็นึกถึงคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสามคนที่ต้องเข้มแข็งและยืนหยัดต่อสู้ร่วมกับผมโดยไม่มีทางเลือกและโดยไม่มีเงื่อนไขที่จะปฏิเสธ ก็คือภรรยาและลูก ๆ สองคน หลังจากวันที่สูญเสียคุณพ่อไปก็คิดห่วงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่ผมได้สัมผัสก็คือทั้งภรรยาและลูก ๆ ได้ส่งมอบความเข้มแข็งให้กับผมอยู่เสมอ ถ้าใครจะบอกว่าผมพอจะเป็นนักต่อสู้ทางการเมืองได้คนหนึ่ง ผมก็บอกว่าคนแบบผมนี้ต้องเคารพ ต้องยกย่องหัวใจของภรรยากับลูก ๆ จริง ๆ เพราะว่าตลอดชีวิตสิบกว่าปีของการใช้ชีวิตคู่ ผมไปอยู่ในเรือนจำเสียปีกว่าแล้ว แล้วก็สามคนแม่ลูกก็ยืนหยัดสู้เคียงข้างผมมาตลอด ก็ต้องขอขอบคุณไว้ตรงนี้ คงไม่ได้เป็นเรื่องดราม่าอะไรนะครับ เพราะว่าเวลาผมอยู่ด้วยกันสี่คนพ่อแม่ลูก ผมจะพูดกับพวกเขามากกว่านี้

 

จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามถามเรื่องโอกาสในการติดตามความเคลื่อนทางการเมืองและสิ่งที่ได้ดูแลน้อง ๆ นักศึกษาที่ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ นายณัฐวุฒิกล่าวว่าตนรับทราบเรื่องที่น้อง ๆ นักศึกษาฝากขอบคุณมา น้อง ๆ ทุกคนในขณะนี้ก็เป็นแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง การจะบอกกล่าวถึงสิ่งที่ได้พบปะกันในเรือนจำ ผมก็ไม่แน่ใจว่าอาจจะมีบางคนบางท่านไปตีความว่าผมกำลังแสดงความคิดเห็นหรือแสดงท่าทีทางการเมืองหรือเปล่า ก็เอาเป็นว่านั่นเป็นเรื่องราวบางบทบางตอนที่ชีวิตได้เจอกัน ส่วนเนื้อหาสาระหรือรายละเอียดเอาไว้ผมมีพื้นที่ของเสรีภาพมากกว่านี้ ถ้าจะได้เล่าให้ฟังก็จะใช้วาระนั้นครับ

 

สำหรับกำไลคุมประพฤติต้องใช้เวลานานแค่ไหน นายณัฐวุฒิกล่าวว่า กำหนดเวลาพ้นโทษของผมในขณะนี้คืออยู่ที่ปลายเดือนมีนาคม 2564 อันนั้นคือพ้นโทษ ดังนั้นก็จะเหลือเวลาที่จะถูกจองจำ (ถ้าอยู่ในเรือนจำ) ประมาณสามเดือนเศษ ๆ แต่ว่าเงื่อนไขในการจะถอดกำไลอีเอ็มจะเต็มตามเวลานั้น หรือก่อนหน้าเวลานั้นหรือไม่อย่างไร อันนี้ผมยังสรุปเองไม่ได้ ก็คงดูกันต่อไป

 

ผู้สื่อข่าวถามกรณีหลังจากนี้จะมีการเดินทางไปพบเพื่อนสนิทอย่างคุณจตุพรหรือไม่? นายณัฐวุฒิกล่าวว่ายังไม่ได้ติดต่อกับคุณจตุพร เพราะว่าผมก็เพิ่งออกมา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้เล่นสังกัดทีมชาตินนทบุรีเป็นหลักช่วงนี้ ถ้าจะไปกรุงเทพฯ ก็ต้องขออนุญาตเป็นรอบ ๆ ไป ก็เข้าใจว่าเพื่อนมิตรพี่น้องบางส่วนคงติดภารกิจเรื่องกิจกรรมทางการเมืองกันอยู่ ถ้ามีเวลาก็คงจะได้พบปะกันก็เป็นเรื่องปกติครับ

 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะมีโปรเจคพิเศษอะไรที่จะประกาศไหม? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า คงไม่สามารถจะประกาศโปรเจคอะไรเป็นพิเศษ เพราะว่าวันนี้เพิ่งออกมาวันแรก แล้วก็ยืนให้สัมภาษณ์อยู่หน้าสำนักงานคุมประพฤติ เพราะฉะนั้นก็เป็นการขับรถด้วยความระมัดระวัง ใช้เกียร์ต่ำ เพื่อจะให้ทุกฝ่ายสบายใจ แล้วจะได้ไม่กลายเป็นผมมายืนท้าทายกลไกคุมประพฤติหน้าสำนักงานเขา

 

แต่ว่ากิจกรรมหรือโครงการที่ได้ทำอยู่เดิม เช่น การส่งเสียลูกหลานนักเรียนผู้ขาดแคลนในโครงการด้วยรักและแบ่งบัน ซึ่งเวลานี้ก็ส่งเรียนจนให้จบปริญญาตรี ดูแลอยู่เกือบ 60 คน ก็ยังทำกันตามปกติ เสื้อตัวนี้ความจริงประมูลแล้วนะครับ ให้ทีมงานเขาประมูลเพื่อหาเงินทั้งหมดเข้าโครงการฯ ให้ลูก ๆ หลาน ๆ ผมเรียนหนังสือนี่แหละครับ (ลูก ๆ หลาน ๆ นี่ไม่ใช่ญาติส่วนตัวนะครับ คือเด็กที่อยู่ในโครงการ) ก็มีผู้ประมูลไปหนึ่งแสนบาท แต่เขาบอกว่าเขาจะไม่เก็บไว้เอง ก็จะให้ผมเก็บไว้ ผมก็เลยตั้งใจอยู่แล้วแหละว่าอยากใส่เสื้อตัวนี้ในวันที่ได้รับอิสรภาพไม่ว่าจะวันหนึ่งวันใดก็ตามครับ ขอบคุณทุกคนนะครับ นายณัฐวุฒิกล่าว.

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์