ปล่อยแล้ว "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" คุมประพฤติติดกำไลอีเอ็ม แม้แสดงความเห็นทางการเมืองไม่ได้ แต่ยันยัน เป็น "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" คนเดิม ที่ร่างกายและหัวใจแข็งแกร่งกว่าเดิม!!!
ยูดีดีนิวส์
: 18 ธ.ค. 63 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 11.30 น. เป็นเวลาที่รถของราชทัณฑ์ได้นำตัวนายณัฐวุฒิ
ใสยเกื้อ ซึ่งวันนี้ได้รับการปล่อยตัวตามหลักเกณฑ์การพักโทษเป็นกรณีพิเศษ โดยมีการนำตัวไปติดกำไลอีเอ็มที่
สำนักงานคุมประพฤติ ซึ่งตั้งอยู่ที่ห้างไอทีสแควร์ หลักสี่ หลังจากกระบวนการติดกำไลอีเอ็มและเจ้าพนักงานคุมประพฤติได้อธิบายเรื่องเทคนิตต่าง
ๆ รวมถึงเงื่อนไขการคุมประพฤติเรียบร้อยแล้ว
นายณัฐวุฒิได้เดินออกมาพบกับพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่มาคอยต้อนรับและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า
วันนี้ผมได้รับการปล่อยตัวตามหลักเกณฑ์การพักโทษเป็นกรณีพิเศษของกระทรวงยุติธรรม
ซึ่งทราบว่าตัวรายละเอียดหลักเกณฑ์และข้อพิจารณาต่าง ๆ
ทางกรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนไปแล้ว
ทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น
วันนี้เดินทางมาที่นี่เพื่อเข้าติดกำไลอีเอ็มและเข้ารับทราบเงื่อนไขการคุมประพฤติจากเจ้าพนักงานคุมประพฤติ
เจ้าพนักงานฯ ก็ได้อธิบายทางเทคนิคเรื่องวิธีการใช้กำไลข้อเท้า (กำไลอีเอ็ม)
เพราะว่ามันจะมีรายละเอียดทั้งในแง่ของความปลอดภัย
ทั้งในแง่ของการตรวจสอบสัญญาต่าง ๆ ของตัวเครื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลรักษาให้ใช้งานไปได้ตลอดเงื่อนไขการต้องติดกำไลอีเอ็ม ขั้นตอนนี้เข้าใจกันเป็นอย่างดีนะครับ
ทุกอย่างก็เรียบร้อย
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ฯ
ท่านก็อธิบายเงื่อนไขของการอยู่ในหลักเกณฑ์การคุมประพฤติ ซึ่งก็จะมีเงื่อนไขหลัก ๆ
อยู่ที่พื้นที่ในการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป
ผมถูกกำหนดพื้นที่อยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรีเป็นหลัก
เนื่องจากว่าเป็นที่ต้องของบ้านพักอาศัยตามสำเนาทะเบียนบ้าน
ถ้าหากว่าจะออกนอกพื้นที่จังหวัดนนทบุรีก็คงจะต้องขออนุญาตเจ้าพนักงานฯ เป็นกรณีไป
ส่วนถ้ามีกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่จะต้องอยู่นอกพื้นที่จังหวัดนนทบุรีเป็นปกติเดิมอยู่แล้ว
ก็สามารถจะแจ้งเจ้าพนักงานคุมประพฤติประจำจังหวัดนนทบุรี เพื่อได้รับทราบและขยายขอบเขตการคุมประพฤติออกไปได้อย่างเช่น
หลังจากนี้ผมก็คงต้องเข้าไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลซึ่งเข้าไปรับการรักษาตัวอยู่ตามปกติ
โรงพยาบาลอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างนี้ก็จะแจ้งเขาไว้เสียก่อนตั้งแต่วันแรก
หรือว่ากิจกรรมของลูก ๆ ซึ่งมีการเรียนพิเศษ มีกิจกรรมอื่นใดก็ตามที่ผมจะใช้ช่วงเวลานี้อยู่กับครอบครัวไปรับไปส่งไปดูแลอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือจังหวัดอื่น
ๆ ก็จะได้แจ้งทำความเข้าใจกันต่อไป ซึ่งหลังจากตรงนี้ผมจะเดินทางไปสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรี
นอกจากนั้นก็เป็นเงื่อนไขการเข้ารับการฝึกอบรม
ซึ่งกรมคุมประพฤติก็กำหนดให้ผมเข้ารับการฝึกอบรมจริยธรรม
ในที่นี้ก็เข้ารับการอบรมหลักสูตรเรื่องพุทธศาสนา ก็ยังไม่ทราบรายละเอียด กำหนดการ
และรูปแบบของหลักสูตร ทางเจ้าพนักงานคุมประพฤติจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
และอีกเงื่อนไขหนึ่งซึ่งก็คิดว่าจะใช้วาระนี้ได้อธิบายความและทำความเข้าใจกับทุก
ๆ ท่านผ่านสื่อมวลชนไปเสียเลย ก็คือ ด้วยความที่ผมเป็นผู้ต้องขังในคดีอันเกิดจากการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง
เงื่อนไขในการคุมประพฤติจึงมีข้อกำหนดสำคัญก็คือ ห้ามแสดงท่าที แสดงความคิดเห็น
แสดงสัญลักษณ์ใด ๆ ทางการเมือง และห้ามเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองใด ๆ
ทั้งสิ้น
ทั้งนี้กรอบระยะเวลาก็เป็นไปตามเงื่อนไขการคุมประพฤติ
เมื่อไหร่ที่มีการถอดกำไลอีเอ็ม
นั่นก็หมายความว่าสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในฐานะประชาชนโดยทั่วไปก็จะกลับมาโดยสมบูรณ์
แต่ว่าในชั้นต้นก็ต้องอธิบายความไปยังพี่น้องประชาชน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องสื่อมวลชน ซึ่งผมก็ไม่ได้เป็นคนสลักสำคัญอะไร
แต่ว่าเนื่องจากเพิ่งออกจากคุกมา พี่น้องสื่อมวลชนก็อาจจะอยากสนทนาด้วย
อาจจะอยากแลกเปลี่ยนคนคิดเห็นประเด็นต่าง ๆ
ก็เรียนไว้ตรงนี้ว่ายังไม่สามารถปฏิบัติได้ ยังไม่สามารถให้ความร่วมมือได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเมือง
แต่ว่ากิจกรรมอื่น
ๆ ในชีวิต ได้สอบถามเจ้าหน้าที่เมื่อสักครู่
ท่านก็บอกว่าสามารถจะสื่อสารกับสังคมได้ เช่น ไปเดินจ่ายกับข้าว ไปจ่ายตลาด
หรือว่าจะไปทำกิจกรรมอะไรก็ตามที่ไม่มีนัยยะทางการเมืองก็สามารถที่จะปรากฎตัวผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค
ปรากฏตัวผ่านช่องทางสาธารณะได้ อันนี้ก็เฉกเช่นปุถุชนคนปกติทั่วไป
อีกเรื่องหนึ่งก็คือเป็นประเด็นทางเทคนิคของการใช้กำไลอีเอ็ม
ผมคิดว่าก็อาจจะเป็นข้อมูลความรู้สำหรับประชาชนทั่วไปก็จะเล่าให้ฟังเสียด้วย
ก็คือเมื่อติดกำไลนี้ตัวผู้ติดอย่างเช่นผมก็ไม่สามารถจะเดินทางโดยเครื่องบินได้
เพราะว่าตัวกำไลมันเป็นระบบจีพีเอส ขึ้นเครื่องบินแล้วเกิดสัญญาณขาดหายก็จะเป็นปัญหา
รวมกระทั่งไม่สามารถที่จะเข้าไปในบริเวณสนามบินได้
เพราะเกรงว่าจะเป็นสัญญาณรบกวนกับระบบทางการบินและอาจจะเกิดผลกระทบ
ถ้ามีการไปปรากฏตัวในพื้นที่ที่อยู่นอกเงื่อนไขหรือพื้นที่ที่สุ่มเสี่ยงจะเป็นอันตรายเป็นผลกระทบ
เจ้าหน้าที่เขาก็บอกว่าจะมีสัญญาณเตือน
หรือไม่ทางเจ้าพนักงานคุมประพฤติก็จะติดต่อโทรศัพท์มา
ซึ่งผมก็แน่ใจว่าผมคงไม่ได้ไปทำอะไรที่ผิดเงื่อนไขดังกล่าว
นี่คือสาระที่ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่สักครู
ส่วนคำถามแรกเมื่อสักครูนี้เรื่องการใส่เสื้อตัวนี้ จริง ๆ
การออกจากเรือนจำมันก็ควรใส่เสื้อตัวใดตัวหนึ่งมาสักตัว
เพียงแต่ว่าเสื้อตัวนี้ผมใส่ในวันที่เข้าไปอยู่ในเรือนจำ
ดังนั้นก็เป็นเสื้อตัวเดียวที่ติดไปจากข้างนอก วันนี้ก็ใส่ออกมา
เพราะผมจำได้ว่าก่อนที่จะเข้าเรือนจำผมได้ให้คำมั่นไว้กับพี่น้องประชาชนว่า ผมจะออกมาเป็น
“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” คนเดิม ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมทั้งร่างกายและหัวใจ
“วันนี้จึงยืนยันคำนั้นครับ
ผมยังไม่สามารถจะแสดงความคิดเห็นหรือแสดงท่าทีใด ๆ ทางการเมืองได้
แต่ผมแสดงความเป็นคนเดิม เป็น “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” อย่างที่ท่านเคยรู้จัก เป็น “ณัฐวุฒิ
ใสยเกื้อ” ที่ร่างกายและหัวใจแข็งแกร่งกว่าเดิมกว่าหกเดือนที่ผ่านมาครับ”
ในโอกาสนี้ก็ขอขอบพระคุณนะครับ
กระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฯพณฯท่าน สมศักดิ์ เทพสุทิน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตลอดจนบุคลากรเจ้าหน้าที่ส่วนราชการทุกคนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนพิจารณา
ที่มีส่วนดำเนินการและดูแลผมในช่วงเวลาที่ไร้อิสรภาพจนได้มาพบปะกับทุกท่านในวันนี้
กราบขอบคุณครับ
สำหรับชีวิตในเรือนจำตลอดหกเดือนที่ผ่านมา
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ก็เป็นชีวิตปกติที่เคยเข้าไปอยู่ในนั้นมาแล้วสองรอบ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม เพราะฉะนั้นในเรื่องของการปรับตัวก็ไม่ได้เป็นปัญหา
ต่างจากสองครั้งแรกก็เพียงช่วงที่เข้าไปอยู่ในสถานการณ์ควบคุมการระบาดของโควิด-19
เพราะฉะนั้น 14 วันแรกก็จะต้องอยู่ในแดนแรกรับที่จะต้องมีการกักตัว
ประกอบกับผมมีคดีอื่นที่จะต้องถูกเบิกตัวมาศาลบ่อย ๆ
ทุกครั้งที่ออกมาข้างนอกมาขึ้นศาล กลับไปก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัว
นี่คือสิ่งที่แปลกไป
แต่ก็สามารถที่จะปรับตัวและทำความเข้าใจกับมาตรการของเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนเรื่องอื่น
ๆ ก็เป็นไปตามเดิม ผมเป็นศิษย์เก่าของเรือนจำอยู่แล้ว
ดังนั้นจึงผ่านวันเวลามาด้วยความไม่ได้รู้สึกว่าจะเป็นความยากลำบากอะไรที่จะเกินทนทานรับได้
ที่ห่วงใยก็คือห่วงใยคนข้างนอก
ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว หรือว่ากระทั่งเพื่อนมิตรพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์ก็ตาม
เนื่องจากว่าการเข้าไปอยู่ในเรือนจำคราวนี้ผมสูญเสียคุณพ่อตั้งแต่ในช่วงไม่กี่วันแรก
ดังนั้นก็นึกถึงคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสามคนที่ต้องเข้มแข็งและยืนหยัดต่อสู้ร่วมกับผมโดยไม่มีทางเลือกและโดยไม่มีเงื่อนไขที่จะปฏิเสธ
ก็คือภรรยาและลูก ๆ สองคน หลังจากวันที่สูญเสียคุณพ่อไปก็คิดห่วงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา
แต่สิ่งที่ผมได้สัมผัสก็คือทั้งภรรยาและลูก ๆ
ได้ส่งมอบความเข้มแข็งให้กับผมอยู่เสมอ ถ้าใครจะบอกว่าผมพอจะเป็นนักต่อสู้ทางการเมืองได้คนหนึ่ง
ผมก็บอกว่าคนแบบผมนี้ต้องเคารพ ต้องยกย่องหัวใจของภรรยากับลูก ๆ จริง ๆ
เพราะว่าตลอดชีวิตสิบกว่าปีของการใช้ชีวิตคู่ ผมไปอยู่ในเรือนจำเสียปีกว่าแล้ว
แล้วก็สามคนแม่ลูกก็ยืนหยัดสู้เคียงข้างผมมาตลอด ก็ต้องขอขอบคุณไว้ตรงนี้
คงไม่ได้เป็นเรื่องดราม่าอะไรนะครับ เพราะว่าเวลาผมอยู่ด้วยกันสี่คนพ่อแม่ลูก
ผมจะพูดกับพวกเขามากกว่านี้
จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามถามเรื่องโอกาสในการติดตามความเคลื่อนทางการเมืองและสิ่งที่ได้ดูแลน้อง
ๆ นักศึกษาที่ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ นายณัฐวุฒิกล่าวว่าตนรับทราบเรื่องที่น้อง ๆ
นักศึกษาฝากขอบคุณมา น้อง ๆ
ทุกคนในขณะนี้ก็เป็นแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง
การจะบอกกล่าวถึงสิ่งที่ได้พบปะกันในเรือนจำ
ผมก็ไม่แน่ใจว่าอาจจะมีบางคนบางท่านไปตีความว่าผมกำลังแสดงความคิดเห็นหรือแสดงท่าทีทางการเมืองหรือเปล่า
ก็เอาเป็นว่านั่นเป็นเรื่องราวบางบทบางตอนที่ชีวิตได้เจอกัน
ส่วนเนื้อหาสาระหรือรายละเอียดเอาไว้ผมมีพื้นที่ของเสรีภาพมากกว่านี้
ถ้าจะได้เล่าให้ฟังก็จะใช้วาระนั้นครับ
สำหรับกำไลคุมประพฤติต้องใช้เวลานานแค่ไหน
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า กำหนดเวลาพ้นโทษของผมในขณะนี้คืออยู่ที่ปลายเดือนมีนาคม 2564
อันนั้นคือพ้นโทษ ดังนั้นก็จะเหลือเวลาที่จะถูกจองจำ (ถ้าอยู่ในเรือนจำ)
ประมาณสามเดือนเศษ ๆ แต่ว่าเงื่อนไขในการจะถอดกำไลอีเอ็มจะเต็มตามเวลานั้น
หรือก่อนหน้าเวลานั้นหรือไม่อย่างไร อันนี้ผมยังสรุปเองไม่ได้ ก็คงดูกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามกรณีหลังจากนี้จะมีการเดินทางไปพบเพื่อนสนิทอย่างคุณจตุพรหรือไม่?
นายณัฐวุฒิกล่าวว่ายังไม่ได้ติดต่อกับคุณจตุพร เพราะว่าผมก็เพิ่งออกมา
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้เล่นสังกัดทีมชาตินนทบุรีเป็นหลักช่วงนี้ ถ้าจะไปกรุงเทพฯ
ก็ต้องขออนุญาตเป็นรอบ ๆ ไป ก็เข้าใจว่าเพื่อนมิตรพี่น้องบางส่วนคงติดภารกิจเรื่องกิจกรรมทางการเมืองกันอยู่
ถ้ามีเวลาก็คงจะได้พบปะกันก็เป็นเรื่องปกติครับ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะมีโปรเจคพิเศษอะไรที่จะประกาศไหม?
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า คงไม่สามารถจะประกาศโปรเจคอะไรเป็นพิเศษ เพราะว่าวันนี้เพิ่งออกมาวันแรก
แล้วก็ยืนให้สัมภาษณ์อยู่หน้าสำนักงานคุมประพฤติ
เพราะฉะนั้นก็เป็นการขับรถด้วยความระมัดระวัง ใช้เกียร์ต่ำ
เพื่อจะให้ทุกฝ่ายสบายใจ
แล้วจะได้ไม่กลายเป็นผมมายืนท้าทายกลไกคุมประพฤติหน้าสำนักงานเขา
แต่ว่ากิจกรรมหรือโครงการที่ได้ทำอยู่เดิม
เช่น การส่งเสียลูกหลานนักเรียนผู้ขาดแคลนในโครงการด้วยรักและแบ่งบัน ซึ่งเวลานี้ก็ส่งเรียนจนให้จบปริญญาตรี
ดูแลอยู่เกือบ 60 คน ก็ยังทำกันตามปกติ เสื้อตัวนี้ความจริงประมูลแล้วนะครับ
ให้ทีมงานเขาประมูลเพื่อหาเงินทั้งหมดเข้าโครงการฯ ให้ลูก ๆ หลาน ๆ
ผมเรียนหนังสือนี่แหละครับ (ลูก ๆ หลาน ๆ นี่ไม่ใช่ญาติส่วนตัวนะครับ
คือเด็กที่อยู่ในโครงการ) ก็มีผู้ประมูลไปหนึ่งแสนบาท
แต่เขาบอกว่าเขาจะไม่เก็บไว้เอง ก็จะให้ผมเก็บไว้ ผมก็เลยตั้งใจอยู่แล้วแหละว่าอยากใส่เสื้อตัวนี้ในวันที่ได้รับอิสรภาพไม่ว่าจะวันหนึ่งวันใดก็ตามครับ
ขอบคุณทุกคนนะครับ นายณัฐวุฒิกล่าว.
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์