22
ก.ค. 63 วันนี้มาเล่าข่าวหน้าเรือนจำ
ก็อาจจะไม่มีเนื้อหาในเชิงข้อมูลมากมายเพราะว่าเป็นกิจกรรมเล่าข่าวหน้าเรือนจำในช่วงระยะหนึ่ง
หลังจากนั้นดิฉันก็จะสลับเล่าข่าวหน้าเรือนจำกับการทำเฟสบุ๊คไลฟ์ที่มีทั้งเนื้อหา
สาระ และข้อมูลเหมือนอย่างที่เคยทำมา แต่เฉพาะหน้านี้...ชะตากรรมของแกนนำนปช.
ซึ่งเพิ่งผ่านพ้นมา ยังอยู่ในช่วงเวลาต้น ๆ
ก็ยังมีเรื่องราวอะไรอีกมากมายที่น่าจะบอกเล่าสู่กันฟัง
ซึ่งวันนี้ดิฉันก็ตั้งใจจะคุยใน 2 ประเด็น
ประเด็นแรกก็คือ
"เล่าข่าวของแกนนำ"
ดังที่ได้ทราบแล้วว่าแกนนำนปช.ขณะนี้แยกอยู่
2 ที่ คือทัณฑสถานที่เป็นโรงพยาบาลก็คือ คุณวีระกานต์, คุณหมอเหวง และคุณพงศ์พิเชษฐ์ ส่วนที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครก็คือ
คุณณัฐวุฒิ, คุณวิภูแถลง และคุณพายัพ ร่วมอยู่ในแดน 2
ด้วยกัน
เพราะฉะนั้นถ้าใครจะเขียนจดหมายก็เขียนแยกตามที่อยู่
แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้คนถามว่าจะนัดมาเขียนจดหมายกันหรือเปล่า
ดิฉันมองว่าพอดีเรามีการนัดหมายของศาล ดังนั้นถ้าจะเขียนจดหมาย
ท่านจะมาเขียนที่หน้าเรือนจำก็ได้ หรือจะเขียนที่บ้านส่งไปรษณีย์มาก็ได้
แต่ว่าในวันที่
31 ก.ค. นี้ ศาลอาญา รัชดาภิเษก ก็นัดเบิกตัวในคดีการชุมนุมหน้าทำเนียบปี 52
ดังนั้นพวกที่อยู่ในเรือนจำทั้งสองส่วน
(ที่อยู่ในโรงพยาบาลและเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แดน 2) ทั้ง 6
ท่านนี้ก็จะถูกเบิกตัวไปศาลด้วย รวมทั้งคนที่ไม่ได้อยู่ในเรือนจำ
ไม่ว่าจะเป็นคุณจตุพร พรหมพันธ์, คุณอดิศร เพียงเกษ
นี่ก็ร่วมอยู่ในคดีปี 52 ด้วยเหมือนกัน
และในเดือนต่อไปก็คือวันที่ 4-5-6 ส.ค.
(ดิฉันบอกแค่นี้ก่อนเพื่อจะได้จำง่าย)
ดังนั้นก็เรียนเชิญว่าถ้าอยากจะพบตัวเป็น
ๆ และเขาไม่ได้ห้ามเหมือนที่คุณณัฐวุฒิไปงานฌาปนกิจคุณพ่อ ไปพบที่ศาลก็สามารถจับต้องตัวได้
กอดได้ ในวันที่ 31
ก.ค. และ 4-5-6 ส.ค. นะคะ
สำหรับสุขภาพ
คุณวีระกานต์ก็ดูเหมือนดีขึ้นบ้าง แต่คุณวีระกานต์มีอาการป่วยซ้ำซ้อนหลายเรื่อง
ดีที่ว่าอยู่โรงพยาบาล ก็มีพยาบาล มีเจ้าหน้าที่นำยามาให้เป็นเวลา
ส่วนคุณหมอเหวงโรคบางอย่างก็ลดไป บางอย่างก็อยู่ในระหว่างตรวจ
เพราะตอนนี้เป็นคนไข้ใหม่ก็ต้องมีการตรวจใหม่หมด ตั้งแต่เอ็กซเรย์ การเจาะเลือด
เพื่อดูผลว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีหรือเลวลง
สำหรับส่วนที่เรือนจำพิเศษฯ
ในขณะนี้เท่าที่ดิฉันสังเกตตอนที่ไปศาล ทุกคนก็ดี
มีแต่ณัฐวุฒิที่ช็อคกับข่าวร้ายดังที่เราทราบกัน แล้วดิฉันก็โฆษณาเอาไว้ว่า
ดิฉันเขียนเรื่องเพลงของคุณณัฐวุฒิ อยากให้ไปอ่าน
เพราะดิฉันมองว่าคุณณัฐวุฒิเขียนเพลงได้วิเศษมาก โดยใช้ลีลา
ใช้ทำนองของเพลงกล่อมลูก แล้วมาบรรยายเนื้อหามาเป็นเพลงกล่อมพ่อ
โดยการรักษาศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านของคนใต้ไว้อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งเนื้อร้อง
ทั้งทำนอง มันกินใจมาก ก็ฟังเพลงกันอีกทีแล้วอ่านที่ อ.ธิดา เขียน
แล้วฟังเพลงอีกทีหนึ่ง
ทีนี้มาพูดถึงเรื่องที่กำลังมีข่าวแพร่หลาย
คือดิฉันตั้งอยู่ในประเด็นว่า
"ชะตากรรมแกนนำนปช. จริงหรือไม่? ที่ว่าเขาทำเพื่อคน
ๆ เดียวหรือพรรคเดียว"
ดิฉันว่าวาทกรรมเรื่องทำเพื่อทักษิณ
มันเป็นวาทกรรมแรกเลยที่ต้องการที่จะบดขยี้ความชอบธรรมของประชาชนผู้รักชาติ
รักประชาธิปไตย ที่มาร่วมกันต่อต้านรัฐบาล จะเป็นพรรคก้าวไกลที่รองโฆษกออกมาพูด
จะขอโทษหรือไม่ขอโทษก็ตาม จะรู้หรือไม่ก็ตาม ก็โปรดรู้ไว้เสียด้วยว่า
ที่คุณกำลังพูดนั้น คุณกำลังพูดถึงคนจำนวนนับล้าน ๆ
คนที่เขามีเกียรติภูมิแล้วจะถูกทำให้ด้อยค่าด้วยวาทกรรมว่า
"ทำเพื่อทักษิณ" ทำเพื่อคน ๆ เดียว
วาทกรรมนี้มันเป็นวาทกรรมของคนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อผู้รักประชาธิปไตย
คำถามว่าถ้าคุณเป็นผู้รักประชาธิปไตย
และคุณให้ค่าการต่อสู้ของประชาชน (คุณในที่นี้หมายถึงใครก็ได้)
คุณจะพูดคำนี้ไม่ได้!!! ยกเว้นว่ามันซ่อนอยู่ แล้วมันออกมา
ดิฉันก็อยากเรียนเตือนมายังประชาชนหรือคณะบุคคล
หรือพรรคการเมือง ที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย อยากจะแจ้งว่า
คุณอย่าด้อยค่าประชาชนที่เขาผ่านการต่อสู้มาเป็นทศวรรษ
ดิฉันใช้คำพูดว่า
"ด้อยค่า" เป็นคำพูดที่เบาแล้วนะ ถ้าพูดให้แรงก็คือ หยามเยียด ดูถูก
ดูหมิ่น
การต่อสู้ของประชาชนที่เขาออกมาตาย
เขาวิ่งออกไปที่ตายร่วมร้อยศพและที่ตายมาก่อนตั้งแต่ปี 50 เป็นต้นมา
เขาออกมาเพื่อต่อต้านการรัฐประหาร อย่าง นปช. (เราไม่ได้หมายถึงทั้งหมดนะ)
อย่างน้อยชื่อ นปก. ก็คือ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ แล้วมาเติมแห่งชาติ
เป็น นปช. ชื่อมันชัด
เราไม่ใช่แนวร่วมคนรักทักษิณนะ
แต่เราไม่ได้หมายความว่าคนรักทักษิณจะไม่ใช่ส่วนหนึ่งของพวกเรา แต่คุณจะรักทักษิณ
หรือเฉย ๆ กับคุณทักษิณก็ตาม สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ
คุณเป็นผู้รักประชาธิปไตยหรือไม่ จุดสำคัญก็คือคุณเป็นฝ่ายประชาธิปไตย
คุณไม่เอาเผด็จการทหารหรือเปล่า สำคัญอยู่ตรงนั้น
แล้วต่อไป
ถ้าคุณจะสถาปนาภาวะการนำฝ่ายประชาธิปไตย ต้องให้ค่านักต่อสู้รุ่นก่อน
อย่างเรานี่...เราก็ให้ค่านักต่อสู้ตั้งแต่รุ่นคณะราษฎร เราให้ค่านักต่อสู้ตั้งแต่
14 ตุลา 16, 6 ตุลา 19, พฤษภา 35
ในการต่อสู้ทุกครั้งมาจนกระทั่งถึงรุ่นปี 50 ถึง
63 นี้ ไม่มีขบวนการไหนที่ดีงามประสบความสำเร็จ
หลายคนอาจจะคิดว่าปี
2516 ประสบความสำเร็จ
ถ้า
ปี2516ประสบความสำเร็จจะไม่มีเหตุปี2519และจะไม่แย่มาถึงปัจจุบันนี้
และถ้า
ปี2535 ดีเลิศ ทำไมเรายังต้องมีรัฐธรรมนูญบ้า ๆ ปี 50, 60
ทำไมรัฐธรรมนูญปี
40 ถึงสถาปนาอยู่ไม่ได้
ทำไมเราถึงมีวันนี้
นั่นแปลว่าทุกขบวนการการต่อสู้หรือพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่บางส่วนต้องล่มสลายไปมีจุดอ่อนทั้งสิ้น
อาจจะมีจุดอ่อนแตกต่างกัน แต่ว่า
ค่าของฝ่ายประชาธิปไตยก็คือการยืนหยัดต่อต้านเผด็จการ
และเราต้องสามัคคีพลังทุกฝ่าย อาจจะมีความแตกต่าง ถ้าเป็นภาษาฝ่ายซ้ายเก่า
"แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง"
ถามว่าเคยได้ยินหรือเปล่า?
จุดร่วมคืออะไร? คือต่อต้านเผด็จการทหาร
ต้องการคืนอำนาจให้กับประชาชน
บางคนอาจจะรักคุณธนาธร
บางคนอาจจะรักคุณทักษิณ บางคนอาจจะรักคุณเสรี ได้ทั้งนั้นไม่เห็นมีปัญหา
(นี่พูดถึงในส่วนของพรรคการเมือง) หรือในขบวนการต่อสู้
บางคนก็บอกว่าเขาขึ้นกับนโยบายนปช. เป็นนปช.แท้ บางคนก็ไม่ใช่ เป็นกลุ่มแดงอิสระ
มีเยอะแยะไป มันไม่มีปัญหาถ้าจุดร่วมของเราเหมือนกัน
ดังนั้นในขบวนการของการต่อสู้นั้น
เขาจะไม่ทำลายเพื่อนฝูง แล้วไม่เอาวาทกรรมของศัตรูมาเป็นวาทกรรมของตัวเราเอง
วาทกรรมว่า "สู้เพื่อคน ๆ เดียว" หรือวาทกรรมว่า
"สู้เพื่อทักษิณ" เป็นวาทกรรมของฝ่ายตรงข้าม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)
วาทกรรมนี้เพื่อทำลาย ดิสเครดิตขบวนการการต่อสู้ของประชาชน
ถ้าคุณใช้วาทกรรมนี้
คุณอยู่พวกไหน?
อ.ธิดาตั้งคำถาม
แล้วดิฉันอยากจะถามว่า
อย่างชะตากรรมของแกนนำนปช. หรือชะตากรรมของกลุ่มคนเสื้อแดงอิสระต่าง ๆ
ถ้าเขาทำเพื่อคุณทักษิณคนเดียว
ที่เขาตายและติดคุกแล้วติดคุกอีกถามว่ามันคุ้มหรือเปล่า? ทำไมต้องติดคุกตั้งแต่เรื่องปี
50 และที่กำลังจะไปวันที่ 31 ก.ค. นี้
ยังไม่รู้จะโดนอีกเท่าไหร่ แล้วยังมาคดีปี 53 ตามมาอีก
ยังมีคดีหมิ่นอะไรต่าง ๆ มากมาย
คุณทักษิณอาจจะเป็นที่รัก
แต่จะให้คนเขาต้องเสียสละชีวิตให้ มันเป็นไปไม่ได้!
"รักบุคคล" กับ "รักอุดมการณ์" มันคนละอย่างกันนะ
อุดมการณ์ต้องมาเป็นที่หนึ่ง
บุคคลต้องตามมา
และบุคคลต้องสอดคล้องกับอุดมการณ์
สมมุติว่าถ้าบอกว่าเป็นคนรักทักษิณ
แล้วถ้าคุณทักษิณฝักใฝ่เผด็จการ ดิฉันถามว่าเขาจะรักไหม? ถ้าเขาเป็นผู้ที่รักอุดมการณ์ประชาธิปไตย
ดังนั้น
สำหรับขบวนการต่อสู้ เรามีความแตกต่างกันบ้างพอสมควร
แต่ในฐานะองค์กรซึ่งเป็นองค์กรที่มีนำพาผู้คนจำนวนมาก
การขยับย่างก้าวจะต้องรับผิดชอบต่อประชาชน รับผิดชอบต่อความเสียหาย
ซึ่งเรายังทำได้ไม่ดี
ถามว่าปี
50 แล้ว, ปี 52 แล้ว, ปี 53 แล้ว...ยังยืนหยัดมาถึงนี่ปี 63 แล้วนะ ดิฉันคิดว่ามันจะมีการหยามเหยียดไม่ได้
แต่ถามว่าบุคลากรเหล่านี้ประชาชนที่ต่อสู้มาตั้งแต่ปี 50 มาถึงบัดนี้
ดิฉันเชื่อว่าเขายังมีอุดมการณ์ประชาธิปไตย
แล้วมีคณะใหม่เกิดขึ้น
เยาวชนใหม่เกิดขึ้น เขาก็พร้อมจะสนับสนุน เพราะเขาต้องเอาอุดมการณ์มาก่อน
แล้วคณะบุคคล
หรือบุคคลที่เป็นหลักเป็นประโยชน์กับอุดมการณ์นี้เขาก็ต้องสนับสนุนทั้งสิ้น
ดังนั้นจะเป็นพรรคใหม่หรือจะเป็นคณะบุคคลใหม่ ๆ ที่มานำพา
ก็ได้รับการต้อนรับจากประชาชนทั้งสิ้น ไม่ใช่เพราะเขาศรัทธาผู้นำ
ยกตัวอย่างเช่นเมื่อไม่กี่วันที่มีการชุมนุม มีคนเป็นจำนวนมาก
หลายคนยังไม่รู้จักเลย #เยาวชนปลดแอก คือใคร
แต่ตัวดิฉันเข้าใจว่าคนที่ไปนั้นมองเอาว่าเป็นการทวงคืนประชาธิปไตยและอำนาจประชาชน
เขาก็ไป ไม่ได้ติดอยู่ที่บุคคล
แล้วต่อให้แกนนำนปช.ติดคุกหมด
ความเป็นคนเสื้อแดง ความเป็นคนรักประชาธิปไตย
เชื่อว่ามันยังดำรงอยู่อย่างเหนียวแน่น ถ้ามีความพยายามเอาคนเข้าคุก
หรือจะมีการอุ้มไป แล้วคิดว่าขบวนการนี้จะล่มสลายไป มันไม่จริง
มันส่งทอดได้รุ่นต่อรุ่น แต่รุ่นต่อรุ่นก็จะต้องเข้าใจว่าคนรุ่นก่อนนั้นเขาได้ปูทางมาอย่างไร
เหมือนที่เราให้เกียรติและคารวะคนรุ่นก่อน ๆ ที่เป็นนักต่อสู้
นักต่อสู้ที่แท้จริงต้องเคารพทั้งนักต่อสู้รุ่นก่อน
รุ่นปัจจุบัน และอนาคต เราจะไม่มีการดูถูกเหยียดหยามคนก่อน หรือเพื่อนในปัจจุบัน
หรือคนในอนาคต เพราะเราคิดว่าเราจะเก่งกว่าใคร ดีเด่นกว่าใคร
แต่นี่เป็นหลักการของการต่อสู้ เพราะมันไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง
มันเป็นการทำเพื่อประเทศชาติ
จิตใจต้องกว้างขวางและสามารถยอมรับคนอื่นที่ไม่ใช่คณะของตัวเองได้
ขอให้อยู่ในเส้นทางใหญ่ของฝ่ายประชาชนด้วยกัน
เพราะฉะนั้นวันนี้ที่ดิฉันพูดเพราะว่ามันมีข่าวออกมาแล้วจะเกิดปัญหาต่อไป
ก็อยากจะส่งสาส์นมาเพื่อให้เข้าใจว่าในขบวนการต่อสู้นั้น
ถ้าอยู่ในเส้นทางเดียวกันมันจะไม่ใช้วิธีการดูหมิ่นเหยียดหยาม มันมีแต่การเข้าใจ
เก็บรับบทเรียนความผิดพลาดของคนรุ่นก่อนและสิ่งที่ดีงามของคนรุ่นก่อน
แต่มันอยู่ถนนสายเดียวกัน ประวัติศาสตร์และคนในประวัติศาสตร์มีไว้ให้เรียนรู้
แต่ถ้าเป็นศัตรู อยู่คนละเส้นทางเป็นอีกเรื่องหนึ่ง โจมตีเลย
ดิฉันก็ขอฝากเอาไว้
เพราะว่าตัวดิฉันเองและข่าวที่ออกไป อาจจะไม่ใช่สื่อที่ยิ่งใหญ่ที่นำไปสู่ประชาชน
แต่หวังว่าคนรุ่นใหม่ ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นนักต่อสู้รุ่นใหม่
ก็คงจะได้ประโยชน์สำหรับนักต่อสู้และประโยชน์สำหรับส่วนรวมจากที่พูดในวันนี้
แต่ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง
เพราะฉะนั้นคนรุ่นใหม่ก็ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อคนใดคนหนึ่ง
แล้วคนรุ่นที่ผ่านมา
ดิฉันยืนยันได้ ไม่ว่าจะเป็นคณะราษฎร ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม 14 ตุลา,
6 ตุลา มาจนกระทั่งถึง "คนเสื้อแดง"
ไม่ได้ต่อสู้เพื่อใครคนหนึ่งแน่นอน!!!
ถ้าเราอยู่บนถนนสายเดียวกัน
เราก็ให้ความเข้าใจและเรียนรู้ข้อผิดพลาด ข้อดี ข้อเสีย อย่างคารวะซึ่งกันและกัน
เพราะตัวอาจารย์เองและแกนนำนปช.ทั้งหลาย รวมทั้งคนเสื้อแดงพร้อมที่จะสนับสนุน
พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับคนรุ่นใหม่ที่อยู่บนถนนสายเดียวกัน
ยินดีที่จะช่วยประคับประคอง
จะไม่มีความคิดในการเหยียบย่ำดูถูกหรือทำลายเป็นอันขาด.