20 ก.ค. 63 อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้มาพบกับพี่น้องประชาชนทางบ้านหลังจากผ่านงานมา 2 งาน ประเด็นที่วันนี้จะคุยก็คือ
"งานสองงาน คนสองรุ่น ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2563"
มันเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้ดิฉันอดคิดไม่ได้
ในวันที่ 18 ก.ค. พูดถึงงานแรกก่อน คืองานคุณพ่อของคุณณัฐวุฒิ ซึ่งต้องถือว่าเราก็ต้องขอบพระคุณกรมราชทัณฑ์ที่ได้อนุญาตให้คุณณัฐวุฒิได้ออกมาทำภารกิจสุดท้ายของคนที่เป็นลูก งานทุกอย่างก็เป็นไปโดยเรียบร้อย
นอกจากขอบคุณกรมราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เราก็ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มากันมากมาย คุณณัฐวุฒิได้ขอบคุณไปแล้ว ในวันนี้ดิฉันก็จะทำหน้าที่ขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง แล้วดิฉันก็มองว่าทางกรมราชทัณฑ์ที่ได้ทำครั้งนี้ ก็จะเป็นสัญญาณที่ดีว่าคนที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำนั้น ถ้าอยู่ในระเบียบและระบบที่สามารถให้เขาได้ทำภารกิจในฐานะบุตรครั้งสุดท้ายได้ก็เป็นเรื่องที่ดิฉันคิดว่าทุกคนชื่นชม ประชาชนก็ให้ความร่วมมือ คุณณัฐวุฒิก็ให้ความร่วมมือจนจบภารกิจก็ขึ้นรถไป
แน่นอน...คนในครอบครัวก็น้ำตาตกอีกครั้ง ก็คือดีใจที่ออกมา แต่น้ำตาตกเมื่อมีการจากไปอีกครั้งหนึ่ง
แต่ว่าเอาเถอะ ถ้าดูระหว่างกรมราชทัณฑ์กับเรา ก็ต้องถือว่านี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วที่เกิดขึ้น เพราะว่าเราตัดเรื่องอื่นออกไป จะเป็น ผบ.เรือนจำ แล้วก็ทางอธิบดี และรวมทั้งท่านรัฐมนตรีไปด้วย ซึ่งดิฉันไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวด้วยหรือเปล่า? แต่ก็ถือว่าเมื่อมาถึงขั้นนี้ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 18 ก็เป็นเรื่องที่ดีทั้งในส่วนราชการและในส่วนของพี่น้องประชาชน ดิฉันก็ขอขอบคุณอีกครั้งหนึ่งมา ณ ที่นี้ด้วย
แน่นอนก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ไปในงานมากมาย ที่สำคัญที่สุดคือพี่น้องประชาชน ดิฉันก็ยอมรับว่าพี่น้องประชาชนที่ไปในงานนี้ ส่วนมากก็จะเป็นส่วนที่อยู่ในองค์ประกอบของการต่อสู้ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมาเกือบทั้งสิ้น อาจจะมีนักวิชาการ มีคนรุ่นใหม่บ้างอยู่เป็นจำนวนหนึ่ง ดิฉันก็เห็นอาจารย์พวงทองเป็นต้น อาจารย์พวงทองก็บอกว่าอาจารย์นิธิฝากเสียใจและระลึกถึงมาด้วย ดิฉันยังได้บอกกับอาจารย์พวงทองไปว่า เราทำการต่อสู้ในฝ่ายประชาชนมาหลายสิบปี
ดิฉันบอกกับ นิก นอสติตซ์ เขาเป็นผู้สื่อข่าวชาวเยอรมัน แล้วเขาก็ไปพูดที่ไหนเสมอว่า อาจารย์ธิดาบอกเสมอว่าประชาชนนั้นพร้อม มีแต่ปัญญาชนและชนชั้นกลางจำนวนมากที่ไม่พร้อม ดังนั้นจึงเป็นการรอคอยที่มีความหวังสำหรับส่วนของประชาชน
นี่ก็คืองานที่เป็นคนรุ่นที่ผ่านการต่อสู้ บางส่วนอย่างดิฉันก็ 40 กว่าปี (จาก 2516 มา 2563) แห่งการต่อสู้ รวมทั้งอย่างหลาย ๆ คนที่ผ่าน 2516 มา บางคนอาจจะไกลกว่านั้น เพราะบางคนอายุ 80 กว่า ไปในงานนี้ก็มี
แต่ว่าคนส่วนมากจะเป็นผู้ที่อยู่ในทศวรรษแห่งการต่อสู้ซึ่งสับสนวุ่นวาย มีการแบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย คนเหล่านี้ก็ต้องถือเป็นคนรุ่นทศวรรษที่แล้ว ตั้งแต่ปี 2550 มาจนถึง 2563 คนเหล่านี้จะอยู่ในช่วงเวลาการต่อสู้ซึ่งไม่ต่ำกว่า 6 ปี
เพราะฉะนั้นเวลาเรามองไป พูดตรง ๆ ว่าเป็นคนรุ่นผู้หลักผู้ใหญ่ หรือพูดติดตลกว่าเป็น สว. (ผู้สูงวัย) ส่วนหนึ่งก็เป็นประชาชนที่มาจากบ้านเกิดของคุณณัฐวุฒิและเพื่อน ๆ ของคุณพ่อคุณณัฐวุฒิ (คุณสำเนา)
นี่ก็คืองานแรก แล้วก็คนชุดแรก!
พอตัดมาในตอนเย็น ก็จะเกิดงานอีกงานหนึ่ง แล้วภาพที่ปรากฎในงานก็จะเป็นคนอีกชุดหนึ่งส่วนใหญ่ แน่นอนมีประชาชนที่ร่วมการต่อสู้เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ก็จะมีส่วนหนึ่งไปสมทบ คนเหล่านี้เขามีอุดมการณ์แน่วแน่ มีประชาชนต่อสู้ที่ไหน ไม่ต้องนัดหมาย ถ้าเขาทราบข่าวเขาก็ไปทันที
แต่ว่าภาพจริง ๆ นั้นคือภาพเยาวชน ดิฉันจึงได้ให้ชื่อวันนี้ว่า "งานสองงาน คนสองรุ่น"
และคนที่ไปในงานหลังคือในงานที่มีการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันที่ 18 หรือที่เชียงใหม่ หรือที่อุบลฯ ในวันต่อ ๆ มา ต้องจัดว่าเป็นคนรุ่นใหม่ และคนรุ่นใหม่เหล่านี้ที่ออกมานำพาผู้คนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องในทศวรรษที่มีความขัดแย้ง ในความเชื่อของดิฉัน เขาจะไม่เกี่ยวกับความขัดแย้งของคนรุ่นก่อน แต่เขาอยู่กับปัจจุบันและอนาคต เพราะฉะนั้นปัจจุบันและอนาคตมันมีความหมายสำหรับคนรุ่นเขามาก
ผู้สื่อข่าวบางส่วนก็มาถามอาจารย์ว่ามีนักต่อสู้รุ่นเก่าลงไปสนับสนุนบ้างหรือเปล่า?
ดิฉันบอกว่า สังเกตง่าย ๆ เลย เขาถามว่ามีท่อน้ำเลี้ยงหรือเปล่า ดิฉันก็บอกว่าท่อน้ำเลี้ยงไม่สำคัญเท่าท่อน้ำปล่อยนะ ปรากฎว่าไม่มีสุขา อันนี้สำคัญมากกว่า สังเกตง่าย ๆ เลยว่ากระทั่งรถสุขายังไม่มี ก็เป็นลักษณะการชุมนุมที่เกิดขึ้นอย่างไม่ได้มีการจัดการ ไม่ได้มีการสนับสนุนจากผู้ชุมนุมมืออาชีพใด ๆ จัดชุมนุมโดยธรรมชาติ
ดิฉันอยากจะฝากไปถึงฝ่ายข่าวกรองด้วย พวกคุณมักจะทำข่าวผิด ๆ มาตลอดเลย ไล่มาตั้งแต่รุ่น 14 ตุลา หรือกระทั่งก่อนหน้านั้น ข่าวกรองในประเทศไทยมักจะสันทัดในการทำให้ผู้คนแตกแยกในสังคมไทย หรือเปล่า? แล้วจะทำให้ผู้ปกครองซึ่งเป็นรัฐบาลที่เป็นชนชั้นนำเข้าใจประชาชนผิด ๆ ไปเป็นจำนวนมาก เหมือนปี 53 บอกว่ามีคนติดอาวุธ 500 คน หรือว่าปี 19 บอกมีคนญวนเข้ามาอยู่ มีอาวุธอยู่ในอุโมงค์ นี่คือฝีมือฝ่ายข่าวกรอง ครั้งนี้ไม่รู้ฝ่ายข่าวกรองจะส่งข่าวอะไรอีก
แต่ดิฉันบอกได้ว่า ดูง่าย ๆ ไม่ต้องฝ่ายข่าวกรองเลย รถสุขาก็ยังไม่มีเลย เขาเป็นการชุมนุมแบบไม่ได้มีการตระเตรียมหรือมีการจัดตั้งอะไรมากมาย แต่นี่เป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ในทัศนะดิฉัน และเป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถพึงพอใจกับสภาพปัจจุบัน และมองไม่เห็นอนาคต มันไม่ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งเก่า
ถ้ามันจะเกี่ยวกันก็คือเกี่ยวกันในทางเก็บบทเรียนและประสบการณ์จากคนรุ่นก่อน จากการต่อสู้ของคนตั้งแต่ชุดคณะราษฎร การต่อสู้ของคนรุ่น 14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภา 35 แล้วก็ปี 50, 51, 52, 53 เขาเก็บเกี่ยวมา และรวมทั้งคนรุ่นใหม่ ๆ ด้วย เขาก็เอาประสบการณ์ตรงนั้นมา และมองเห็นสิ่งร่วมกันก็คืออำนาจไม่ได้เป็นของประชาชน ประชาธิปไตยที่มีป้ายอยู่มันจอมปลอม คุณสามารถมี ส.ว. ที่มาเลือกนายกฯ ที่ไม่รู้สึกร้อนหนาว ภาคภูมิใจในความเป็น ส.ว. แล้วพอเวลามีการตั้งคณะกรรมาธิการ เช่น จากคนที่ไม่มีสิทธิ์จะเป็น ส.ส. แล้ว กลับไปว่าเขาน่าอาย แต่ที่จริงไม่ได้ดูตัวเองว่าน่าอายหรือเปล่า คุณมาจากไหน มาจากการแต่งตั้งที่ไม่ได้มาจากอำนาจประชาชน แล้วไปกล่าวว่า ส.ส. หรือคนที่เขามาจากประชาชนแล้วถูกปล้นอำนาจไป อย่างนี้เป็นต้น
หมายความว่า แนวความคิด อุดมการณ์ และประสบการณ์ในการต่อสู้นั้น คนรุ่นใหม่ก็ต้องรับบทเรียนมาจากคนรุ่นเก่า แต่นี่ไม่ใช่ท่อน้ำเลี้ยง มันเป็นท่อน้ำแห่งความคิดในเชิงอุดมการณ์และประสบการณ์ที่ส่งทอดมา มันเหมือนธารน้ำ ไม่ใช่ท่อ และธารน้ำเหล่านี้มันก็ไหลผ่านดิน ทราย โขดหิน ไหลต่อมาเรื่อย ๆ
ดิฉันมีความหวังกับคนรุ่นใหม่ และดิฉันเชื่อว่าภารกิจในทางประวัติศาสตร์ที่ส่งทอดมันเป็นไปเอง ไม่จำเป็นต้องมีการมอบภารกิจ เพราะเขาสามารถมองเห็นได้ว่าอะไรเกิดขึ้นในปัจจุบัน เหตุปัจจัยในอนาคตและเหตุการณ์ในอดีตเป็นอย่างไร
ดิฉันคิดเอานะคะว่า แน่นอนเขามีอุดมการณ์ แต่เขาก็ต้องทำเพื่อคนรุ่นเขาและอนาคตของลูกเขา เพราะขณะนี้เขามืดมนไปหมด เขาไม่สามารถที่จะอยู่ได้กับภาวะที่มันผ่านมาแล้วหลายปี
หนึ่งทศวรรษที่ประเทศเราล่มสลาย และทศวรรษที่กำลังจะมาถึงก็จะเป็นทศวรรษที่น่าอับอาย และน่าหวาดหวั่นว่าจะเป็นการล่มสลายแบบถาวรหรือเปล่า curve เศรษฐกิจมันคงไม่ใช่เป็นตัวยู ไม่ใช่เป็นตัววี มันอาจจะเป็นตัวแอล หรือมันจะลงดิ่งเหวงเลยก็ได้ เพราะเราไม่มีปัจจัยบวกใด ๆ เรามีปัจจัยลบทางธรรมชาติและในสถานการณ์โลก
แต่ปัจจัยลบที่สำคัญคือปัจจัยลบที่เราสร้างขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากชนชั้นนำที่ไม่ต้องการคืนอำนาจให้กับประชาชน
งานสองงาน คนสองรุ่น อยู่บนถนนสายเดียวกัน แมันคนรุ่นเก่าบาดเจ็บ ล้มตาย เข้าเรือนจำ มีริ้วรอยที่เหี่ยวย่นและความอ่อนล้า แต่คนรุ่นใหม่ที่เดินมาก็สามารถที่จะเรียนรู้แล้วก็สืบทอดภารกิจได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการส่งท่อน้ำเลี้ยงใด ๆ เพราะนี่คือธารน้ำ นี่คือถนนสายประชาชน
ดิฉันก็ฝากความหวังไว้กับเยาวชนเหล่านี้ ฝากความหวังไว้กับปัญญาชนและคนชั้นกลางรุ่นใหม่ ที่ไม่ผิดพลาดแบบคนจำนวนมากในรุ่น 14 ตุลา 16 ที่กลางไปเป็นปัญญาชนขุนนาง ที่กลายไปเป็นกรรมกรขุนนาง ที่กลายไปเป็นเอ็นจีโอขุนนาง แต่ขอให้กลับมาเป็น เอ็นจีโอ-กรรมกรและปัญญาชนของประชาชน
ฝากที่สองฝากไปยังรัฐบาลและหน่วยข่าวทั้งหลาย คุณอย่าทำสิ่งผิด ๆ เลว ๆ เหมือนที่คุณทำมาแล้ว 40 กว่าปี นี่คือหายนะประเทศไทย คุณต้องสนใจงานต่างประเทศว่าคุณเข้าใจแค่ไหน ถ้าคุณมองเห็นคนในประเทศเป็นศัตรูของคุณ แล้วคุณก็เมคตัวเลขบ้า ๆ บอ ๆ ที่คิดว่านายอาจจะชอบ คุณอาจจะรู้สึกได้หน้า แต่ประเทศไทยหายนะนะคะ ถ้าคุณทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องกับเยาวชนเหล่านี้ค่ะ