ยูดีดีนิวส์ : 30 พ.ค. 62 อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้กล่าวในการทำเฟสบุ๊คไลฟ์วันนี้ถึงประเด็น "ความไม่ชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลคสช.ในสายตาประชาชน" ซึ่งถือว่าสำคัญมากในขณะนี้
ในการจัดตั้งของรัฐบาลคสช.ปรากฎภาพชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร-คุณวิษณุ-คุณสมคิดเป็นรองนายกฯ เหมือนเดิม คุณอุตตม-คุณสนธิรัตน์ ก็คงจะมาเหมือนเดิม รวมทั้งคนอื่น ๆ
พูดง่าย ๆ ว่า คสช.มาเป็นแผง!!!
ตามด้วยคนจากพรรคการเมืองอื่น ๆ ซึ่งมาเป็นไม้ประดับ แต่ความไม่ลงตัว ปรากฎว่ากลายเป็นการแย่งชิงกระทรวงกัน
ดังนั้นภาพลักษณ์ของคสช.และการเมืองที่ปรากฎในสายตาประชาชน
ประการแรกของความไม่ชอบธรรมอย่างยิ่ง เห็นได้อย่างชัดเจนว่า นี่เป็นรัฐบาลที่คสช.สืบทอดอำนาจ
ประการที่สอง เสียงที่สนับสนุนคสช.จากการคำนวณของ กกต. ทำให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยรวมเสียงได้เพียง 246 ที่นั่ง และพรรคฝ่ายสนับสนุนพปชร.รวมเสียงได้ 254 ที่นั่ง ในขณะที่หากคำนวณแบบไม่ขัดรธน. ซึ่งพรรคการเมืองต่าง ๆ นักคณิตศาสตร์ นักวิชาการ และรวมทั้งอ.ธิดาคิดคำนวณโดยยึดกฎหมาย ยึดหลักรธน. เป็นไปตามมาตรา 127, 128, 129 ของพระราชบัญญัติประกอบรธน. และรธน. มาตรา 91 เต็มที่ จะพบว่ารวมเสียงพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะได้ 253 ที่นั่ง และพรรคฝ่ายสนับสนุนพปชร. ได้เพียง 247 ที่นั่งเท่านั้น
หมายความว่า ความพยายามในการจัดตั้งรัฐบาลอยู่บนพื้นฐานของความไม่ชอบธรรมอย่างยิ่งในการคำนวณ
เห็นได้จากปรากฏการณ์ที่คนส่วนหนึ่งอยู่บนพื้นฐานของความหวั่นไหว คือในโลกนี้ไม่มีประเทศไหนที่ส.ส.ได้รายงานตัวแล้วปรากฎว่าไม่ได้เป็นส.ส.อีก (ถูกปลดออก) มีประเทศไทยที่เดียว
เห็นได้จากปรากฏการณ์ที่คนส่วนหนึ่งอยู่บนพื้นฐานของความหวั่นไหว คือในโลกนี้ไม่มีประเทศไหนที่ส.ส.ได้รายงานตัวแล้วปรากฎว่าไม่ได้เป็นส.ส.อีก (ถูกปลดออก) มีประเทศไทยที่เดียว
ดังนั้น ความไม่ชอบธรรมนอกจากภาพลักษณ์ของคสช.ที่มาเต็มคณะแล้ว ความไม่ชอบธรรมของเสียงที่สนับสนุนเป็นความไม่ชอบธรรมที่เป็นปัญหาทางกฎหมาย ทางผิดรธน. ทำให้มาตรฐานของคนที่เป็นส.ส. จาก 71,000 คะแนน มาเหลือ 3-4 หมื่นคะแนน ดีไม่ดีก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงส.ส.อีก
ดังนั้นเสียงที่ท่านได้รับชัยชนะจากการคำนวณแบบกกต.คือ 254 ต่อ 246 มันจึงปริ่มน้ำ (ขนาดคำนวณแบบนักกฎหมายที่ไร้ตรรกะ)
ประการที่สาม คือ การ เอาวุฒิสมาชิกที่มาจากการแต่งตั้งเข้ามาใช้ในการโหวตนายกรัฐมนตรี ถึงแม้ท่านจะอ้างว่าทำตามบทเฉพาะกาลก็ตาม แต่มันไม่ชอบธรรมและผิดกับรธน. มาตรา 114
ประการที่สี่ การใช้อำนาจ ขณะนี้ท่านพยายามจัดตั้งรัฐบาลที่ท่านเรียกว่าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ตัวท่านมีอำนาจเต็ม ใช้อำนาจผ่านประกาศ-คำสั่ง การใช้งบประมาณ การสั่งการข้าราชการ มันไม่เหมือนรัฐบาลประชาธิปไตยที่จัดการเลือกตั้งโดยที่ไม่มีอำนาจ
การใช้อำนาจเต็มนี้มีผลต่อองค์กรอิสระโดยเฉพาะ "กกต." ผู้จัดการเลือกตั้ง ซึ่งโยงไปถึงประการต่อไปคือ
ประการที่ห้า แสดงออกถึง การจัดการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใส มีการจัดการกับพรรคการเมืองในฝ่ายประชาธิปไตย ถูกร้องเรียนและดำเนินการอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น กรณีใบส้ม เขต 8 เชียงใหม่, กรณีคุณธนาธร และกรณี ทษช. ไวยิ่งกว่ากามนิตหนุ่ม แต่ในกรณีของพรรคที่สนับสนุนคสช. เรื่องช้ามาก ตั้งแต่โต๊ะจีนหรือการร้องในประเด็นเดียวกันเรื่องของสื่อ
เป็นความไม่ชอบธรรมที่องค์กรอิสระโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้จัดการเลือกตั้งได้ทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจในหมู่ประชาชนว่า ท่านไม่ได้ใช้มาตรฐานเดียวกัน
ประการสุดท้าย เกมการต่อรองที่ทำให้ดูการจัดตั้งรัฐบาลนี้ไม่เป็นที่น่าชื่นชมและไม่ชอบธรรม มีการต่อรองเก้าอี้ระหว่างพรรคการเมือง แปลว่าในฝ่ายที่สนับสนุนคสช. นอกจากคสช.จะสืบทอดอำนาจแล้ว ตัวพรรคร่วมและพรรคพปชร.แสดงออกถึงการต่อรองเก้าอี้ในฐานะผู้บริหารครม.
นอกจากต่อรองกันแล้ว หากไม่มาเดี๋ยวจะยุบสภา!
ในความไม่ชอบธรรมทั้งปวงนี้ ไม่ใช่ตัวดิฉันคิดเองนะ แต่นี่คือสายตาประชาชนที่มองมายังการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้
ถ้าความไม่ชอบธรรมแล้วทำให้เสียงของท่านมาก มันก็ยังจะพอไหว แต่บนความไม่ชอบธรรมข้างต้นมันอยู่บนเสียงที่ปริ่มน้ำ จึงเท่ากับว่าฐานของท่านบนเสียงที่ปริ่มน้ำนั้นตั้งอยู่บนโคลนที่เหลว
สุดท้าย อ.ธิดาแสดงความห่วงใยว่า "ถ้าคสช.ยังเป็นเช่นนี้ ถ้าพรรคการเมืองยังมีเกมการต่อรอง ต่อให้ท่านตั้งรัฐบาลได้ ประเทศชาติก็ไปไม่รอด ถ้าท่านจะเล่นยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ก็เอาเลย เกมนี้ดิฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร
แต่ก่อนจะเป็นอย่างอื่นต้องมาชำระสะสางความไม่ชอบธรรมทั้งปวง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กกต. ว่า
ถ้าคุณยังคิดคะแนนอย่างนี้!
คุณยังประพฤติปฏิบัติอย่างนี้!
และมีใช้การใช้อำนาจคสช.อย่างนี้!
อย่าหวังว่าจะมีการตั้งรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย
มีแต่การตั้งรัฐบาลที่สวมเสื้อคลุมประชาธิปไตยในร่างของเผด็จการแน่นอนค่ะ อ.ธิดากล่าว