'ทนายปกาสิต' ชี้บทเรียน 'เมษา-พฤษภา53' ซ้ำรอย '14ตุลา16-6ตุลา19' ฝ่ายเผด็จการอ้าง 'กลุ่มล้มเจ้า' เพื่อสร้างความชอบธรรมปราบปรามประชาชน แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่ปรากฎมีใครล้มสถาบัน - ลุ้นคำพิพากษาคดีก่อการร้าย 14 ส.ค. นี้
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 62 ศูนย์ข่าวยูดีดีนิวส์ได้จัดเสวนา "9 ปี เมษา-พฤษภา'53 : พูดความจริง ทวงความยุติธรรม รำลึกวีรชน" ณ ห้องประชุมศูนย์ข่าวยูดีดีนิวส์ อาคารเอเวอรี่มอลล์ สี่แยกแคราย ถนนรัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี
วิทยากรประกอบด้วย รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ นักวิชาการ นายปกาสิต ไตรยสุนันทน์ และนายโชคชัย อ่างแก้ว นักกฎหมาย นายบรรเจิด ฟุ้งกลิ่นจันทร์และนางพะเยาว์ อัคฮาด ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมษา-พฤษภา53 ดำเนินรายการโดย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ทนายปกาศิต ไตรยสุนันท์ หัวหน้าทีมทนายความ |
นายปกาศิต ไตรยสุนันท์ หัวหน้าทีมทนายความกล่าวว่า "ผมเป็นคนเดือนตุลา" หมายความว่าผมมีประสบการณ์ตรง และมีแนวคิดเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นนักศึกษาอยู่ในเหตุการณ์ '14ตุลา16' ที่ประชาชนนิสิตนักศึกษาขับไล่จอมพลถนอม กิตติขจร, จอมพลประภาส จารุเสถียร
หลังจากนั้นมีการเบ่งบานของระบอบประชาธิปไตยอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกันก็มีฝ่ายที่ไม่อยากให้เกิดการปกครองระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยอย่างแท้จริง เพราะเขาไม่ต้องการให้ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศไทยตามระบอบสากล
กลุ่มคนดังกล่าวใช้เวลา 2-3 ปี รวบรวมวางแผน ในที่สุดจอมพลถนอม ซึ่งลี้ภัยไปต่างประเทศได้บวชเป็นสามเรณเข้ามาในปี 2519 ทำให้นักเรียนนิสิตนักศึกษาและประชาชนรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง จึงประท้วงคัดค้านการกลับมาของจอมพลถนอม ซึ่งในตอนนั้นทางฝ่ายเผด็จการวางแผนไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรมลูกเสือชาวบ้าน พร้อมกับกล่าวหาว่านักเรียนนิสิตนักศึกษา มีเจตนาจะล้มล้างสถาบัน เป็นคอมมิวนิสต์ และปลุกระดมทางวิทยุโทรทัศน์ มีทหารและพลเรือนปลุกระดมว่ามีฝ่ายที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองให้เป็นคอมมิวนิสต์และล้มล้างสถาบัน
เมื่อเป็นแบบนั้นลูกเสือชาวบ้านก็มา ทหารก็ออกมา แล้วเปิดฉากยิงในปี 2519 สิ่งที่เห็นคือทหารทำ IO ปลุกระดมทำให้คนเชื่อ ทั้งภาพถ่ายทางหนังสือพิมพ์ นอกจากนั้นในมหาวิทยาลัยรามคำแหงยังมีคนมาพูดกลางวงสนทนาว่าในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีอุโมงค์ มีอาวุธเป็นลัง ๆ ปืน M16 ประทับตรา Made in USA
พอเขาพูดว่า Made in USA เท่านั้นแหละ ผมก็บอก 'เฮ้ย มันเป็นไปได้ไง ไหนคุณบอกเป็นคอมมิวนิสต์ แล้วทำไม Made in USA' เขาก็หันมามองหน้าแล้วก็เดินหนีไป
นี่คือเส้นสนกลในของกลุ่มเผด็จการ ไม่ใช่เพิ่งมีเมื่อปี 53 แต่มีอย่างนี้มานานแล้ว ผมรับรู้เต็มอกและผมต่อต้านเผด็จการมาตั้งแต่เป็นนักศึกษา
พอมาปี 53 มีการเรียกร้องประชาธิปไตย ผมอยู่ในแนวร่วมแน่นอน แต่ผมไม่ได้ไปปรากฎบนเวที เพราะเป็นนักกฎหมายควรใช้ศักยภาพส่วนนี้
เมื่อเสื้อแดงโดนคดี จึงไม่รั้งรอที่จะกระโดดเข้าไปเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมด แล้วผมเข้าใจด้วยว่าเหตุการณ์เดือนเมษา-พฤษภา53 มีการทำ IO อย่างไรบ้าง เช่น 'ไก่อู' บอกว่าพวกเดียวกันยิงกันเองกรณีคนโดนยิงหัว
ส่วนเรื่องคดีปี 53 หลักในการต่อสู้คดีอาญาคือการหักล้างพยานโจทก์เนื่องจากเป็นระบบกล่าวหา โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นความจริงเพื่อให้ศาลฟังว่าสิ่งที่โจทก์นำเสนอต่อศาลมีน้ำหนักรับฟังได้มากน้อยเพียงใด
ฉะนั้นขั้นตอนของการต่อสู้คดีอาญา สำคัญที่สุดคือตอนถามค้านพยานโจทก์ โดยหนึ่งในพยานโจทก์มีคุณถวิล เปลี่ยนศรี มาเบิกความ เราก็ถามค้านบรรดาพยานเหล่านี้เพื่อให้เห็นว่าพยานเหล่านี้ไม่มีน้ำหนัก ควรแก่การรับฟัง และมีผลประโยชน์ขัดกันกับทางฝ่ายจำเลย
เนื่องจากหลักในการพิจารณาการรับฟังน้ำหนักพยานหลักฐานต้องดูว่าเป็นประจักษ์พยานหรือไม่ และมีความเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับฝ่ายจำเลยหรือหม่ จากการถามค้านพยานทำให้เรามองเห็นรูปคดีชัดเจนขึ้น มีคนมาถามผมว่าผมหนักใจไหม ผมตอบได้เลยว่าไม่หนักใจ แต่การต่อสู้ของนปช. ไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นฐานการต่อสู้คดีอย่างสากล เพราะมีปัจจัยภายนอกเข้ามา
คดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ เราต้องการให้มีการบันทึกข้อเท็จจริงของคดีให้มากที่สุด ไม่ว่าศาลจะตัดสินอย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อคนย้อนกลับมาดูในอนาคตจะเห็นได้ว่า ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เป็นอย่างไร ความบริสุทธิ์ในคำพิพากษากับความบริสุทธิ์ในความเป็นจริง บางครั้งมันแตกต่างกัน เคยมีเหตุแบบนี้ในอดีต เช่น คดีเชอรี่แอน เมื่อรื้อฟื้นคดีใหม่ปรากฎว่าคนที่ติดคุกไปแล้วโดยคำพิพากษาของศาลฎีกากลับเป็นผู้บริสุทธิ์
สำหรับคดีปี 53 หลังจากถามค้านพยานโจทก์เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์แล้ว ผมก็ยื่นคำแถลงการณ์เปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นเล่มยื่นเข้าไป
โดยสรุปพูดถึงเหตุการณ์ 14ตุลา16 และ 6ตุลา19 ว่าเมื่อเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว ก็ปรากฎว่าไม่มีคอมมิวนิสต์ ไม่มีใครล้มสถาบัน ฉะนั้นสิ่งที่คุณปลุกผีมาหลอกประชาชน เป็นสัจธรรมว่าคุณเอาสิ่งเหล่านี้มาอ้างความชอบธรรมของตนเอง เช่นเดียวกับในคดีก่อการร้าย คุณอ้างมีชายชุดดำ มีกองกำลังติดอาวุธ คุณอ้างอย่างนั้น อ้างว่ามีการยึดอาวุธจำนวนมากมาจากบรรดาผู้ก่อการร้าย
เป็น IO ที่น่าเกลียดที่สุด แล้วก็ฝืนความรู้สึกที่สุด!
สิ่งที่ผ่านมาในอดีตจนถึงปัจจุบันความจริงค่อย ๆ เปิดเผยทีละหน้า และจะเปิดเผยต่อไป ประชาชนเริ่มเข้าใจแล้วว่าในช่วงปี 53 นั้นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และความจริงเป็นอย่างไร ซึ่งวันที่ 14 สิงหาคมนี้ ศาลจะอ่านคำพิพากษาในคดีใหญ่ คือคดีก่อการร้าย เรามารอฟังกันว่าศาลจะพิพากษาอย่างไร?
อีกเรื่องที่เป็นประโยชน์กับคดีนี้ก็คือ เมื่อวันที่ 30 เมษายน ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา กรณีผู้ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบในปี 2553 ฟ้องคดีแพ่งเรียกร้องบริษัทประกันภัยหลาย ๆ บริษัท รวมแล้ว 6 บริษัท โดยประเด็นสำคัญในคำวินิจฉัยของศาลฎีกาคือ
ประเด็นที่ 1 ความวุ่นวายหรือเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นหลังจากแกนนำสลายการชุมนุมและเข้ามอบตัวแล้ว
ประเด็นที่ 2 ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ปรากฎมีประชาชนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดยังทำการชุมนุมประท้วงรัฐบาลอยู่
ประเด็นที่ 3 ยังใช้คำว่า ไม่มีประชาชน "กลุ่มใหม่" มาชุมนุมในที่หนึ่งที่ใดเลย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มนปช. และประโยควรรคทองก็คือว่า "ไม่ใช่เป็นการก่อการร้าย" เมื่อไม่ใช่การก่อการร้าย บริษัทประกันภัยต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย
ที่ผมจำได้บริษัทหนึ่งที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายคือ บริษัท ทิพยประกันภัย ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลังถือหุ้น
เพราะฉะนั้น คำพิพากษาศาลฎีกานี้จึงเป็นคำพิพากษาที่น่าสนใจมาก ทำให้บริษัทประกันภัยต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เจ้าของกิจการที่เขาเอาประกัน ก็เป็นตัวบ่งบอกอะไรบางอย่าง
สำหรับหน้าที่ของกลุ่มทนายคือ ทำให้ได้รับความยุติธรรมปรากฎเร็วที่สุด และบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ความชั่วดีถี่ห่าง ใครดี ใครเลว ก็ให้ปรากฎเรื่องราวไว้ในแผ่นดินนี้ นายปกาสิตกล่าว.