ยูดีดีนิวส์ : 6 มิ.ย. 62 อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้กล่าวในการทำเฟสบุ๊คไลฟ์วันนี้ในประเด็น : รัฐบาลคสช.ยุค 2 กับฉายา "นายกฯ 500" ซึ่งอ.ธิดาได้กล่าวว่า ฉายา "นายกฯ 500" ของนายกฯ คนเดิม จะว่าไปคำว่า "นายกฯ 500" นั้นมันดูไม่ค่อยดี เพราะปกติ 500 มันจะมากับฉายาของ "โจร" แต่เผอิญว่า 500 นั้นมันเกิดขึ้นจริงเพราะตัวเลขโหวตนายกรัฐมนตรีของส.ว. (249) และส.ส. (251) รวมแล้วได้ 500 พอดี
อ.ธิดากล่าวต่อไปว่า ในส่วนของ 7 พรรคฝ่ายประชาธิปไตยเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ในส่วนของพรรคที่เป็นพลังหนุนคสช.และพปชร. เรียกว่าลุ้นกันจนนาทีสุดท้าย หืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว
จากผลการโหวตเมื่อวานนี้ ก็เกิดปรากฎการณ์คือผู้ได้รับการแคนดิเดตเป็นนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่ได้มาปรากฎตัวเพราะท่านไม่ได้เป็นส.ส. อันนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากรัฐธรรมนูญ 60 ไม่เหมือนรัฐธรรมนูญฉบับอื่น ๆ ซึ่งหลังจากการลุกขึ้นต่อสู้ของประชาชนปี 35 เป็นการบังคับว่าต่อไปนายกฯ ต้องเป็นส.ส. เท่านั้น เป็นที่น่าเสียใจที่ผลการต่อสู้ของวีรชนปี 35 ถูกย่ำยี
ขณะนี้นายกฯ ไม่ได้มาจากส.ส. แน่นอน คนหนึ่งก็คือนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นส.ส. แต่ถือว่าเป็นทางอ้อมในฐานะที่เรียกว่าเป็นการเลือกตั้งแบบ 3 IN 1 จึงอ้างเป็นเหตุผลว่าไม่ต้องปรากฎตัวในสภา
แต่อีกคนหนึ่งที่พร้อมจะปรากฎตัวก็คือคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แต่ถูกยับยั้งโดยคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้ทำหน้าที่ส.ส. จึงต้องไปแถลงวิสัยทัศน์นอกรัฐสภา นี่จึงเป็นปรากฎการณ์ประหลาน ๆ แต่เป็นสิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในความพยายามจะจัดตั้งรัฐบาลคสช.ยุคที่ 2
เราใช้คำว่ารัฐบาลใหม่เป็นคสช.ยุคที่ 2 เพราะมันเป็นคสช.ทั้งดุ้น!
ไม่ว่าจะนายกฯ ซึ่งเป็นหัวหน้าคสช. และท่านได้พูดเอาไว้ล่วงหน้าว่ารองนายกฯ คู่ใจของท่าน, กระทรวงกลาโหม, ฝ่ายเศรษฐกิจ, ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายกฎหมายจะยังอยู่ครบ นอกจากนั้นที่สำคัญคือวุฒิสภาซึ่งมีอำนาจมากในการเลือกตั้งครั้งนี้สามารถมาโหวตนายกฯ ได้
เราลองจินตนาการดูว่าถ้าไม่เขียน แม้กระทั่งเตรียมรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับคสช.มากที่สุดแล้ว แต่ถ้าไม่ได้เขียนในบทเฉพาะกาลให้วุฒิสมาชิกมาโหวตนายกฯ ลองคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น?
เพราะว่าเสียงขนาดลุ้นกันเต็มที่แล้วยังได้ 251 ลองจินตนาการดูว่าถ้าหากวุฒิสมาชิกไม่ได้มาโหวตด้วย คำถามว่าท่านจะเป็นนายกฯ ได้หรือเปล่า? เกมการต่อรองของพรรคการเมืองต่าง ๆ จะยิ่งมากขึ้นอีก
แต่ตอนนี้เขาต่อรองอะไรไม่ได้มากเพราะเขารู้ว่าโหวตอย่างไรท่านก็ต้องได้เป็นนายกฯ เพราะท่านมี 250 เสียงจากวุฒิสมาชิกอยู่แล้ว ที่เหลือส.ส.ร้อยกว่าคนก็เกิน 375 ก็เป็นนายกฯ แน่ เรื่องอื่นเอาไว้ว่ากันทีหลัง
จากการวางแผนอย่างรอบคอบ เขียนรัฐธรรมนูญให้มีที่มาของส.ส.แบบ 3 IN 1 แบบที่เรียกว่าเป็นการทำลายพรรคการเมืองที่ได้เสียงส.ส.เขตมาก นั่นก็ได้ผล นั่นก็คือพรรคเพื่อไทยได้ 136 เสียง ไม่มีส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว
แต่อภินิหารตัวเลขรัฐธรรมนูญอย่างเดียวไม่พอ มีอภินิหารบทเฉพาะกาล แล้วก็มีอภินิหารของกกต.และกรธ.ในการคำนวณ ถ้าภาษาของ "แม่ลูกจันทร์" เขาบอกว่ามีการย้ายตัวเลขทศนิยม แต่ทัศนะของดิฉันก็เป็นคณิตศาสตร์กกต.ที่วิปริต ที่ไม่ใช่คณิตศาสตร์จริง
อภินิหารกกต.ไม่ใช่เฉพาะเพียงการคำนวณที่ทำให้พรรคเล็กเข้ามาร่วม แต่ว่าอภินิหารของกกต.ยังทำให้คุณธนาธรไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ทั้ง ๆ ที่ยังสืบสาวราวเรื่องไม่จบเลย แต่กกต.ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ สามารถยับยั้งไม่ให้คุณธนาธรมาเหยียบในรัฐสภาได้
พูดง่าย ๆ ว่ามันต้องใช้อภินิหารหลายอภินิหารจึงทำให้เกิดรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำในการโหวตนายกฯ ในฝั่งของส.ส.
แต่ในฝั่งส.ว.นั้นก็เป็นอภินิหารของบทเฉพาะกาลที่ทำให้สามารถที่จะเป็นนายกฯ ได้ เรียกว่าท่านรัฐบาลโดยอาศัยอภินิหารต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น
ความจริงฉายา "500" นี่มันไม่ค่อยจะดี คนที่ตั้งฉายานี้ก็อาศัยสำนวนเก่า แต่มันไม่ใช่แค่ตัวหนังสือ "นายกฯ 500" นะ มันเป็นตัวเลขจริง เพราะฉะนั้นท่านไม่ควรไปโกรธ และท่านต้องดีใจว่าได้เป็นนายกฯ ด้วยเสียงตั้ง 500 โหวต
คำถามว่าแล้วจะไปต่ออย่างไร?
อ.ธิดากล่าวว่า มีการวางแผนไว้ เพราะฉะนั้นกว่าจะตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำได้นั้น แม้จะมีการต่อรองมากก็ตาม ในฝั่งประชาธิปไตยหรือฝั่งประชาชนอาจจะคิดว่าจะอยู่ได้สักกี่น้ำ? แล้วถ้ามีการตั้งรัฐมนตรีขึ้นมา นี่ขนาดมีประธานสภาคนเดียว ต่อไปหากไม่ไว้วางใจต้องเอารองประธานสภา 2 คน (หักไปแล้วก็ 3 เสียง) ก็ไม่สามารถโหวตได้
ไหนจะรัฐมนตรีอีก แน่นอนคนที่เป็นรัฐมนตรี ถ้ามาจากส.ส.บัญชีรายชื่อเขาก็คงให้รัฐมนตรีลาออกจากบัญชีรายชื่อแล้วก็ร่นบัญชีรายชื่อคนต่อไปขึ้นมา (เสียงไม่หาย) ดังนั้นในส่วนที่เป็นรัฐมนตรีเขาก็คงจะใช้วิธีให้ลาออก แต่ว่าจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อยังเลื่อนขึ้นมาได้เหมือนเดิม
นั่นคือปัญหาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งต้องอาศัย
1) เทคนิค "ลาออก"
2) เทคนิค "งูเห่า"
เพราะขณะนี้ตามข่าวที่มีการพูดกันที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ก็บอกว่าเขามาขอซื้อยกพรรค เช่นเดียวกับเศรษฐกิจใหม่ ส่วนอนาคตใหม่เจาะเป็นคน ๆ อ.ธิดาเรียกว่าเป็นยุคงูเห่าที่เบิกบาน
อาจจะเป็นความลิงโลดของฝ่ายประชาธิปไตยที่บอกว่าเขาจะต้องจ่ายตังเยอะแน่ แต่ดิฉันดูแล้ว เขาก็โคตรเซียน ก็คือมีเทคนิคการใช้กฎหมาย
ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญที่เขียนถึงวุฒิสมาชิก พูดถึงอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาตามบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 ในทัศนะอาจารย์นะ เขียนไว้เพื่อให้อำนาจวุฒิสมาชิก 250 คน มีอำนาจอย่างไม่มีขีดจำกัด คือสามารถที่จะเข้าประชุมในการลงมติสำคัญ ๆ ได้ทั้งหมด เพราะเขาเขียนไว้ 3 ประเด็น คือ
1) ร่างพระราชบัญญัติที่ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด 16 การปฏิรูปประเทศ ให้เสนอและพิจารณาในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
2) ครม. ถ้ามองเห็นว่าร่างพระราชบัญญัตินี้เข้าข่ายการปฏิรูปก็ยื่นได้เลย แล้วทำไมครม.จะไม่ยื่นล่ะถ้าดูว่าเสียงปริ่มน้ำ
3) ต่อให้ครม.ไม่เขียน ส.ส.หรือส.ว. 1 ใน 5 ก็เสนอว่าเป็นกฎหมายสำคัญที่ต้องโหวตร่วมกันได้
ส.ส. (พปชร.พรรคเดียว) 100 คนก็ยื่นได้แล้ว ต่อให้พปชร.มีปัญหา ใครจะมาเล่นกับบิ๊กตู่ สั่งส.ว. 50 คน บอกว่าพ.ร.บ.นี้สำคัญเกี่ยวข้องกับการปฏิรูป ต้องให้ส.ว.มาโหวตร่วมกัน มันก็ได้แล้ว
แล้วมีคณะกรรมการวินิจฉัยซึ่งมีประธานสภา (อยู่ซีกรัฐบาล) ประธานวุฒิฯ ตัวแทนครม.และคณะกรรมาธิการ มีฝ่ายค้านอยู่คนเดียว แล้วบอกให้เอาเสียงข้างมากโดยประมาณ พูดง่าย ๆ ในทัศนะของดิฉันนะ พ.ร.บ.หรือเรื่องอะไรที่สำคัญเขาก็เขียนให้วุฒิสมาชิกเข้ามาโหวตทั้งนั้น ประสาอะไรกับเลือกนายกฯ เขายังให้วุฒิสมาชิกมาโหวตเลย
คนที่คิดว่าจะอยู่ได้ไม่กี่น้ำ...จะมองโลกสวยหรือเปล่า?
เพราะว่าฉายา "นายกฯ 500" อย่าลืมว่า คสช.ยุค 1 อยู่มา 5 ปี คสช.ยุค 2 ตามระบบที่เขาเรียกของเขาเองว่า "เผด็จการประชาธิปไตย" เขาจะอยู่ 4 ปี แล้วในบทเฉพาะกาลเขียนให้วุฒิสมาชิกอยู่ 5 ปี คาบเกี่ยวกัน
ดังนั้นก็มีคสช.ยุคที่ 1 คสช.ยุคที่ 2 แล้วอย่างน้อยก็มีคสช.ยุคที่ 3 ตามรัฐธรรมนูญ 60 ซึ่งดิฉันไม่เชื่อมั่น "ประชาธิปัตย์" ที่บอกว่าสำคัญในการเข้าร่วมรัฐบาลเพราะต้องการแก้รัฐธรรมนูญ จะมองเห็นปัญหานี้ว่าเป็นเรื่องสำคัญหรือเปล่า? ดิฉันก็ไม่ได้มีความหวังว่า "ประชาธิปัตย์" จะมีบทบาทในการทำให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างถึงรากถึงโคนอย่างแท้จริง แต่แก้รัฐธรรมนูญแบบกลมกล่อมขึ้นก็อาจเป็นได้
บางคนอาจมองโลกสวยว่า "ประชาธิปัตย์" เข้าไปแล้วจะได้แก้รัฐธรรมนูญ อ.ธิดากล่าวว่า แต่เวลาเรามองต้องมองด้านร้ายที่สุดเอาไว้ก่อนสำหรับฝ่ายประชาธิปไตย ก็คือในการโหวตกฎหมายที่สำคัญเกือบทั้งหมดและรวมทั้งที่จะนำไปสู่ประเด็นไม่ไว้วางใจ หรืองบประมาณ เขาก็อาจจะบอกว่าเกี่ยวข้องกับการปฏิรูป ก็จะให้วุฒิสมาชิกมาโหวตร่วมกันทั้งหมด
ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญอาจจะเป็นการแก้แบบ "ทาลิปสติก" หรือเปล่า? หรือย้อมผมแบบหมอพรทิพย์ให้มันมีเฉดมีรุ้งหรือเปล่า?
ฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายประชาชนต้องมองด้านร้ายที่สุดด้วย ว่าอาจจะมีคสช.ยุคที่ 2, ยุคที่ 3 และรัฐธรรมนูญนี้ยังแก้ไม่ได้ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 60 นั่นก็คือ เขาสถาปนาระบบที่เขาเรียกของเขาเองว่า "เผด็จการประชาธิปไตย" คือเป็นประชาธิปไตยของเผด็จการ
พูดง่าย ๆ ว่า มันน่าจะเป็นว่าสถาปนาระบอบเผด็จการในคราบของระบอบประชาธิปไตย ในเสื้อคลุมของประชาธิปไตย ไปได้อีกยาวนานถึง 20 ปี
"นี่คือมองด้านร้ายที่สุดของประเทศไทย" อ.ธิดากล่าว
อ.ธิดากล่าวต่อไปว่า ในส่วนของ 7 พรรคฝ่ายประชาธิปไตยเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ในส่วนของพรรคที่เป็นพลังหนุนคสช.และพปชร. เรียกว่าลุ้นกันจนนาทีสุดท้าย หืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว
จากผลการโหวตเมื่อวานนี้ ก็เกิดปรากฎการณ์คือผู้ได้รับการแคนดิเดตเป็นนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่ได้มาปรากฎตัวเพราะท่านไม่ได้เป็นส.ส. อันนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากรัฐธรรมนูญ 60 ไม่เหมือนรัฐธรรมนูญฉบับอื่น ๆ ซึ่งหลังจากการลุกขึ้นต่อสู้ของประชาชนปี 35 เป็นการบังคับว่าต่อไปนายกฯ ต้องเป็นส.ส. เท่านั้น เป็นที่น่าเสียใจที่ผลการต่อสู้ของวีรชนปี 35 ถูกย่ำยี
ขณะนี้นายกฯ ไม่ได้มาจากส.ส. แน่นอน คนหนึ่งก็คือนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นส.ส. แต่ถือว่าเป็นทางอ้อมในฐานะที่เรียกว่าเป็นการเลือกตั้งแบบ 3 IN 1 จึงอ้างเป็นเหตุผลว่าไม่ต้องปรากฎตัวในสภา
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (ภาพจาก Bright TV) |
เราใช้คำว่ารัฐบาลใหม่เป็นคสช.ยุคที่ 2 เพราะมันเป็นคสช.ทั้งดุ้น!
ไม่ว่าจะนายกฯ ซึ่งเป็นหัวหน้าคสช. และท่านได้พูดเอาไว้ล่วงหน้าว่ารองนายกฯ คู่ใจของท่าน, กระทรวงกลาโหม, ฝ่ายเศรษฐกิจ, ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายกฎหมายจะยังอยู่ครบ นอกจากนั้นที่สำคัญคือวุฒิสภาซึ่งมีอำนาจมากในการเลือกตั้งครั้งนี้สามารถมาโหวตนายกฯ ได้
เราลองจินตนาการดูว่าถ้าไม่เขียน แม้กระทั่งเตรียมรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับคสช.มากที่สุดแล้ว แต่ถ้าไม่ได้เขียนในบทเฉพาะกาลให้วุฒิสมาชิกมาโหวตนายกฯ ลองคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น?
ภาพจากแนวหน้า |
แต่ตอนนี้เขาต่อรองอะไรไม่ได้มากเพราะเขารู้ว่าโหวตอย่างไรท่านก็ต้องได้เป็นนายกฯ เพราะท่านมี 250 เสียงจากวุฒิสมาชิกอยู่แล้ว ที่เหลือส.ส.ร้อยกว่าคนก็เกิน 375 ก็เป็นนายกฯ แน่ เรื่องอื่นเอาไว้ว่ากันทีหลัง
จากการวางแผนอย่างรอบคอบ เขียนรัฐธรรมนูญให้มีที่มาของส.ส.แบบ 3 IN 1 แบบที่เรียกว่าเป็นการทำลายพรรคการเมืองที่ได้เสียงส.ส.เขตมาก นั่นก็ได้ผล นั่นก็คือพรรคเพื่อไทยได้ 136 เสียง ไม่มีส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว
แต่อภินิหารตัวเลขรัฐธรรมนูญอย่างเดียวไม่พอ มีอภินิหารบทเฉพาะกาล แล้วก็มีอภินิหารของกกต.และกรธ.ในการคำนวณ ถ้าภาษาของ "แม่ลูกจันทร์" เขาบอกว่ามีการย้ายตัวเลขทศนิยม แต่ทัศนะของดิฉันก็เป็นคณิตศาสตร์กกต.ที่วิปริต ที่ไม่ใช่คณิตศาสตร์จริง
อภินิหารกกต.ไม่ใช่เฉพาะเพียงการคำนวณที่ทำให้พรรคเล็กเข้ามาร่วม แต่ว่าอภินิหารของกกต.ยังทำให้คุณธนาธรไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ทั้ง ๆ ที่ยังสืบสาวราวเรื่องไม่จบเลย แต่กกต.ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ สามารถยับยั้งไม่ให้คุณธนาธรมาเหยียบในรัฐสภาได้
พูดง่าย ๆ ว่ามันต้องใช้อภินิหารหลายอภินิหารจึงทำให้เกิดรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำในการโหวตนายกฯ ในฝั่งของส.ส.
แต่ในฝั่งส.ว.นั้นก็เป็นอภินิหารของบทเฉพาะกาลที่ทำให้สามารถที่จะเป็นนายกฯ ได้ เรียกว่าท่านรัฐบาลโดยอาศัยอภินิหารต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น
ความจริงฉายา "500" นี่มันไม่ค่อยจะดี คนที่ตั้งฉายานี้ก็อาศัยสำนวนเก่า แต่มันไม่ใช่แค่ตัวหนังสือ "นายกฯ 500" นะ มันเป็นตัวเลขจริง เพราะฉะนั้นท่านไม่ควรไปโกรธ และท่านต้องดีใจว่าได้เป็นนายกฯ ด้วยเสียงตั้ง 500 โหวต
คำถามว่าแล้วจะไปต่ออย่างไร?
อ.ธิดากล่าวว่า มีการวางแผนไว้ เพราะฉะนั้นกว่าจะตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำได้นั้น แม้จะมีการต่อรองมากก็ตาม ในฝั่งประชาธิปไตยหรือฝั่งประชาชนอาจจะคิดว่าจะอยู่ได้สักกี่น้ำ? แล้วถ้ามีการตั้งรัฐมนตรีขึ้นมา นี่ขนาดมีประธานสภาคนเดียว ต่อไปหากไม่ไว้วางใจต้องเอารองประธานสภา 2 คน (หักไปแล้วก็ 3 เสียง) ก็ไม่สามารถโหวตได้
ไหนจะรัฐมนตรีอีก แน่นอนคนที่เป็นรัฐมนตรี ถ้ามาจากส.ส.บัญชีรายชื่อเขาก็คงให้รัฐมนตรีลาออกจากบัญชีรายชื่อแล้วก็ร่นบัญชีรายชื่อคนต่อไปขึ้นมา (เสียงไม่หาย) ดังนั้นในส่วนที่เป็นรัฐมนตรีเขาก็คงจะใช้วิธีให้ลาออก แต่ว่าจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อยังเลื่อนขึ้นมาได้เหมือนเดิม
นั่นคือปัญหาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งต้องอาศัย
1) เทคนิค "ลาออก"
2) เทคนิค "งูเห่า"
เพราะขณะนี้ตามข่าวที่มีการพูดกันที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ก็บอกว่าเขามาขอซื้อยกพรรค เช่นเดียวกับเศรษฐกิจใหม่ ส่วนอนาคตใหม่เจาะเป็นคน ๆ อ.ธิดาเรียกว่าเป็นยุคงูเห่าที่เบิกบาน
ภาพจาก YouTube |
ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญที่เขียนถึงวุฒิสมาชิก พูดถึงอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาตามบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 ในทัศนะอาจารย์นะ เขียนไว้เพื่อให้อำนาจวุฒิสมาชิก 250 คน มีอำนาจอย่างไม่มีขีดจำกัด คือสามารถที่จะเข้าประชุมในการลงมติสำคัญ ๆ ได้ทั้งหมด เพราะเขาเขียนไว้ 3 ประเด็น คือ
1) ร่างพระราชบัญญัติที่ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด 16 การปฏิรูปประเทศ ให้เสนอและพิจารณาในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
2) ครม. ถ้ามองเห็นว่าร่างพระราชบัญญัตินี้เข้าข่ายการปฏิรูปก็ยื่นได้เลย แล้วทำไมครม.จะไม่ยื่นล่ะถ้าดูว่าเสียงปริ่มน้ำ
3) ต่อให้ครม.ไม่เขียน ส.ส.หรือส.ว. 1 ใน 5 ก็เสนอว่าเป็นกฎหมายสำคัญที่ต้องโหวตร่วมกันได้
ส.ส. (พปชร.พรรคเดียว) 100 คนก็ยื่นได้แล้ว ต่อให้พปชร.มีปัญหา ใครจะมาเล่นกับบิ๊กตู่ สั่งส.ว. 50 คน บอกว่าพ.ร.บ.นี้สำคัญเกี่ยวข้องกับการปฏิรูป ต้องให้ส.ว.มาโหวตร่วมกัน มันก็ได้แล้ว
แล้วมีคณะกรรมการวินิจฉัยซึ่งมีประธานสภา (อยู่ซีกรัฐบาล) ประธานวุฒิฯ ตัวแทนครม.และคณะกรรมาธิการ มีฝ่ายค้านอยู่คนเดียว แล้วบอกให้เอาเสียงข้างมากโดยประมาณ พูดง่าย ๆ ในทัศนะของดิฉันนะ พ.ร.บ.หรือเรื่องอะไรที่สำคัญเขาก็เขียนให้วุฒิสมาชิกเข้ามาโหวตทั้งนั้น ประสาอะไรกับเลือกนายกฯ เขายังให้วุฒิสมาชิกมาโหวตเลย
คนที่คิดว่าจะอยู่ได้ไม่กี่น้ำ...จะมองโลกสวยหรือเปล่า?
เพราะว่าฉายา "นายกฯ 500" อย่าลืมว่า คสช.ยุค 1 อยู่มา 5 ปี คสช.ยุค 2 ตามระบบที่เขาเรียกของเขาเองว่า "เผด็จการประชาธิปไตย" เขาจะอยู่ 4 ปี แล้วในบทเฉพาะกาลเขียนให้วุฒิสมาชิกอยู่ 5 ปี คาบเกี่ยวกัน
ภาพจากมติชนสุดสัปดาห์ |
บางคนอาจมองโลกสวยว่า "ประชาธิปัตย์" เข้าไปแล้วจะได้แก้รัฐธรรมนูญ อ.ธิดากล่าวว่า แต่เวลาเรามองต้องมองด้านร้ายที่สุดเอาไว้ก่อนสำหรับฝ่ายประชาธิปไตย ก็คือในการโหวตกฎหมายที่สำคัญเกือบทั้งหมดและรวมทั้งที่จะนำไปสู่ประเด็นไม่ไว้วางใจ หรืองบประมาณ เขาก็อาจจะบอกว่าเกี่ยวข้องกับการปฏิรูป ก็จะให้วุฒิสมาชิกมาโหวตร่วมกันทั้งหมด
ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญอาจจะเป็นการแก้แบบ "ทาลิปสติก" หรือเปล่า? หรือย้อมผมแบบหมอพรทิพย์ให้มันมีเฉดมีรุ้งหรือเปล่า?
ฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายประชาชนต้องมองด้านร้ายที่สุดด้วย ว่าอาจจะมีคสช.ยุคที่ 2, ยุคที่ 3 และรัฐธรรมนูญนี้ยังแก้ไม่ได้ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 60 นั่นก็คือ เขาสถาปนาระบบที่เขาเรียกของเขาเองว่า "เผด็จการประชาธิปไตย" คือเป็นประชาธิปไตยของเผด็จการ
พูดง่าย ๆ ว่า มันน่าจะเป็นว่าสถาปนาระบอบเผด็จการในคราบของระบอบประชาธิปไตย ในเสื้อคลุมของประชาธิปไตย ไปได้อีกยาวนานถึง 20 ปี
"นี่คือมองด้านร้ายที่สุดของประเทศไทย" อ.ธิดากล่าว