วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และเครือข่ายฯ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ หยุดค่ารถไฟฟ้า 104 บาท สวนทางค่าแรงขั้นต่ำ ย้ำขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้

 


มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และเครือข่ายฯ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ หยุดค่ารถไฟฟ้า 104 บาท สวนทางค่าแรงขั้นต่ำ ย้ำขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้

 

วันนี้ (8 ก.พ. 64) เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ชั้น 1 อาคารสำนักงาน ก.พ. (เดิม) ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กทม.

 

นางสาวกชนุช แสงแถลง ผู้อำนวยมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค ยื่นหนังสือผ่านผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้มีคำสั่งชะลอแผนการขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว และให้กรุงเทพมหานครหยุดเรียกเก็บค่าโดยสารกับผู้บริโภคในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 64 โดยทันที

 

ทางมูลนิธิผู้บริโภคให้เหตุผลของการยื่นหนังสือวันนี้ว่า เนื่องจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะขึ้นราคารถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็น ไม่เกิน 104 บาทตลอดสาย ตั้งแต่ 16 ก.พ. 64 ซึ่งเป็นราคาที่สูงสวนทางกับรายได้ขั้นต่ำของคนไทย รวมถึงจะทำให้ผู้ใช้บริการต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีเสียงคัดค้านจากทั้งภาครัฐ อาทิ กระทรวงคมนาคม กมธ.คมนาคม นักวิชาการ รวมถึงภาคประชาชน ที่ขอให้ กทม. หยุดการขึ้นราคาค่าโดยสารและนำสัญญาสัมปทานแต่ละฉบับมาพิจารณาก่อน เพื่อความเป็นธรรมกับผู้ใช้บริการ

 

โดยกิจกรรมวันนี้มีการปราศรัย โดยผู้ปราศรัยกล่าวว่า การขึ้นราคาค่ารถไฟฟ้ามีผลกระทบกับประชาชน คนที่อยู่สมุทรปราการก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ในการที่จะคัดค้านการขึ้น 104 บาท และตั้งคำถามถึงหลักการคิดคำนวณราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS ในราคา 104 บาท ว่าคิดมาตรฐานคืออะไร รวมทั้งยืนยันว่ารถไฟฟ้าต้องเป็นขนส่งมวลชนที่ทุกคนต้องขึ้นได้ทั้งด้านกายภาพและด้านราคา

 

เพราะฉะนั้นการขึ้นราคารถไฟฟ้า 104 บาท จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ภาครัฐต้องให้ความสนใจ รวมทั้งประเด็นการสร้างรถไฟฟ้าในปัจจุบัน ผู้ปราศรัยมีข้อกังวลว่า หากสร้างต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงจุดคุ้มทุน ทำให้อาจจะได้รับผลกระทบในเรื่องขาดทุนของผลประกอบการได้

 

ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของมูลนิธิและเครือข่ายฯ เสนอถึงนายกรัฐมนตรี 5 ข้อ ดังนี้

 

1. รถไฟฟ้าต้องได้รับการพัฒนาและประชาชนสามารถใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจากราคาที่ถูกลงเนื่องจากตอนนี้มีภาวะวิกฤติมลพิษทางอากาศ PM 2.5 รัฐการที่ควรจะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ใช้รถไฟฟ้าเพื่อลดปัญหามลภาวะไปในตัว

 

2. ให้เปิดเผยข้อมูลรายละเอียดสัมปทานต่อสาธารณะนะคะเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากองค์กรผู้บริโภคจากนักวิชาการและภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตสุขภาพอนามัยจากการดำเนินการของรัฐตามมาตรา 58 และมาตรา 61 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ตอนที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติให้ความเห็นชอบ

 

3. ให้ทบทวนสัญญาสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าทุกเส้นทางในปัจจุบันและสัญญาที่จะทำในอนาคตเพื่อศึกษาผลกระทบและกำหนดแนวทางให้เกิดความเป็นธรรมเรื่องราคากับผู้บริโภคที่จะทำให้เกิดการใช้บริการรถไฟฟ้ามากขึ้นและเป็นบริการขนส่งมวลชนสำหรับทุกคนรวมถึงยกเว้นค่าแรกเข้ากรณีโดยสารรถไฟฟ้าข้ามสายพัฒนาระบบตั๋วร่วมและระบบบริการเชื่อมโยงบริการขนส่งมวลชนทุกประเภทเพื่อความสะดวกปลอดภัยของผู้บริโภคที่ใช้บริการ

 

4. ส่งเสริมให้ผู้บริโภคทุกกลุ่มเข้าถึงและใช้บริการได้

 

5. ขอให้รัฐบาลประกาศนโยบายให้รถไฟฟ้าเป็นบริการขนส่งมวลชนที่ทุกคนต้องขึ้นได้ไม่ใช่เป็นบริการทางเลือกแต่ต้องเป็นบริการขนส่งสาธารณะโดยแท้จริง


#Uddnews #ยูดีดีนิวส์

#หยุด104บาท #หยุดกทม #รถไฟฟ้า #บีทีเอส #มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค


ประมวลภาพ