ยูดีดีนิวส์ : 6 ก.พ. 63 ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก วันนี้ศาลนัดอ่านคำพิพากษาชั้นฎีกา ในคดีดำหมายเลข 3531/2552 กรณีแกนนำนปช. ชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งวันนี้จำเลยในคดีนี้อันได้แก่ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษา ยกเว้นนายนพรุจ หรือ นพรุฒ วรชิตวุฒิกุล ซึ่งไม่ได้เดินทางมาศาลในวันนี้ เนื่องจากนายนพรุจได้ย้ายที่อยู่ใหม่จึงยังไม่ได้รับหมาย
ก่อนขึ้นฟังคำพิพากษา นายณัฐวุฒิ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า "เมื่อพวกผมมีแนวทางเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในทุกคดีความ ไม่เคยมีพฤติการณ์หลบหนี คดีนี้เราก็ต่อสู้กันมาจนถึงชั้นศาลฎีกานะครับ ปรึกษาหารือกันแล้ว ได้มีการกลับคำให้การรับสารภาพในชั้นฎีกา แสดงความสำนึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้เป็นเหตุที่เกิดจากเจตนาของพวกผมตั้งแต่ต้น เราเพียงประสงค์ไปชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์เพื่อที่จะพูดจาปราศรัยต่อต้านรัฐประหาร เรียกร้องประชาธิปไตย ไม่มีความประสงค์จะเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ หรือให้เกิดเหตุบานปลายใด ๆ ทั้งสิ้น"
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า "เมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้จึงเข้ารับฟังการพิพากษาคดี ไม่ว่าศาลท่านจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร พวกผมเคารพและน้อมรับ ถ้าหากคำพิพากษานั้นจะต้องทำให้โชคชะตามีหรือไม่มีอิสรภาพ ก็เคารพและน้อมรับครับ"
จากนั้นตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า ปลงตกกับคำตัดสินวันนี้หรือไม่?
นายณัฐวุฒิตอบว่า "คงไม่ถึงกับปลงอะครับ เพียงแต่ว่ามนุษย์จะผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างได้ต่อเมื่อยืนอยู่บนโลกของความจริง และโลกของความจริงสำหรับผมวันนี้ก็คือมีคดีความจากการต่อสู้ทางการเมืองมากมาย ชีวิตเดินอยู่บนความไม่แน่นอน วันนี้มาฟังคำพิพากษา ก็สองอย่างเท่านั้นนะครับ 1) ได้กลับบ้าน 2) ก็ต้องใช้ชีวิตเยี่ยงคนไร้อิสรภาพ ดังนั้นที่บอกว่าวันนี้เป็นการเดินไปตามเส้นทางของโชคชะตา จึงไม่ใช่เรื่องของการวิตกกังวลหรือปลง แต่ว่าเป็นการพูดความจริงกับตัวเอง แล้วก็สื่อสารควรจริงกับสังคมครับ"
ตอบคำถามเรื่องแสดงความคาดหวังในวันนี้
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า "ไม่ได้แสดงความคาดหวังนะครับ เพราะว่าวันนี้เป็นวันที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษา ดังนั้นจะไปแสดงความคาดหวังอย่างหนึ่งอย่างใด เห็นว่าเป็นการไม่เหมาะ ไม่ควร เอาเป็นว่าก็มารับฟัง ส่วนคำพิพากษาจะเป็นประการใด อีกสักครู่สื่อมวลชนก็คงจะทราบ"
สื่อถามต่อว่า "ถ้าผลออกมาเป็นลบ เรากังวลหรือเป็นห่วงพี่น้องนปช.มั้ยคะในสถานการณ์การเมืองขณะนี้"
นายณัฐวุฒิตอบว่า "ผมเป็นห่วงสถานการณ์ของประเทศมากกว่านะครับ ต้องยอมรับว่าจนถึงขณะนี้เรื่องความเป็นประชาธิปไตยยังมีปัญหา เมื่อความเป็นประชาธิปไตยยังมีปัญหาสิ่งที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่า ก็คือสภาพชีวิตความเป็นอยู่ปากท้องของพี่น้องประชาชนกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตอย่างที่ไม่เห็นใครมีความสามารถเพียงพอที่จะเยียวยาแก้ไข"
"ข้อนี้ได้โปรดเข้าใจว่า ไม่ใช่ผมมายืนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล แต่ว่าข้อเท็จจริงที่ผมได้สัมผัสกับผู้คน เขาสะท้อนมาอย่างนี้จริง ๆ ดังนั้นความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องนปช.หรือคนที่ได้ร่วมต่อสู้กันมายังคงมีอยู่อย่างเดิมนะครับ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่น่าห่วงมากกว่าก็คือชะตากรรม เรื่องชีวิต เรื่องความเป็นอยู่ เรื่องปากเรื่องท้องของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าใครจะเคยใส่เสื้อสีอะไร อยู่ฝ่ายไหนก็ตาม วันนี้เดือดร้อนยากลำบากเท่าเทียมเสมอภาคกัน ขอส่งความห่วงใยนี้ไปยังพี่น้องประชาชนทุกคนก็แล้วกันนะครับ"
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า "อยากจะเรียนยืนยันตรงนี้ว่า จุดยืนและหลักการทางการเมืองของผมยังคงเป็นอย่างเดิมทุกประการ ผมไม่ยอมรับการรัฐประหาร ผมยืนยันหลักการประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และปรารถนาจะให้สังคมไทยสงบสุข อยู่ร่วมกันได้ทุกฝ่าย ท่ามกลางความแตกต่างหลากหลาย วันนี้ไม่ว่าจะ "มี" หรือ "ไม่มี" อิสรภาพหลังจากนี้ ก็หวังใจว่าสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศไทยจะไม่เดินไปสู่การเผชิญหน้า จะไม่เดินไปสู่วิกฤตลุกลามบานปลาย อยากให้ทุกฝ่ายสัมผัสและสรุปบทเรียนจากสิบกว่าปีที่ผ่านมา"
"พวกผมคือคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ ผ่านเหตุการณ์อะไรต่าง ๆ มามากมายเช่นเดียวกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ หรือกระทั่งแกนนำกลุ่มกปปส. เวลานี้ก็มีคดีความอยู่ไม่น้อยในกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นนี่คือบาดแผลทั้งที่เกิดขึ้นกับกลุ่มบุคคล และทั้งที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง ท่ามกลางบาดแผลดังกล่าวก็ยังไม่ปรากฏว่าทิศทางของประเทศกำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องอย่างที่หลักการประชาธิปไตยอันเป็นสากลเขาได้มีการกำหนดและยอมรับกันทั่วไป"
"ก็ขอให้ใครก็ตามนะครับที่กำลังมีบทบาทกันอยู่ หรือที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ทางการเมืองกันอยู่ เก็บเอาบทเรียนเหล่านี้ เพื่อทำให้สถานการณ์ของประเทศดีขึ้น ด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยความอดทน ด้วยความมั่นคงต่อหลักการที่ถูกต้อง และด้วยความเสียสละ ถ้ายังมีอิสรภาพ ผมพร้อมเคียงข้างกับหลักการประชาธิปไตยเสมอ ถ้าในที่สุดไร้อิสรภาพ ผมก็จะยืนยันจุดยืนเดิมของผมอยู่เช่นเดียวกัน" นายณัฐวุฒิกล่าวในที่สุดก่อนเดินขึ้นไปฟังคำพิพากษา
ซึ่งในวันนี้ศาลได้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 30 เม.ย. 63 เนื่องจากไม่สามารถส่งหมายให้กับนายนพรุจ หรือ นพรุฒ วรชิตวุฒิกุล (จำเลยที่ 1) เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 วันนี้ไม่ได้เดินทางมาศาล โดยให้อัยการติดตามหาที่อยู่ของจำเลยที่ 1 เพื่อส่งหมายใหม่อีกครั้ง