ยูดีดีนิวส์ : 31 ม.ค. 63 จากการติดตามสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าจากประเทศจีนมาเป็นลำดับ การทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือกับสถานการณ์นี้ดูจะทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เกิดคำถามมากมายถึงการแก้ปัญหาดังกล่าว วันนี้ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ จึงมาสนทนากับทุกท่านในประเด็น
สุดท้าย...นอกจากแก้ปัญหาไม่ได้ ยังจะสร้างปัญหาใหม่!!!
อ.ธิดา กล่าวว่า จากประเด็นที่ตั้งไว้ว่า สุดท้ายแล้วรัฐบาลนี้นอกจากจะแก้ปัญหาไม่ได้ ยังจะสร้างปัญหาใหม่นั้น จริง ๆ มันใช้กับทุกเรื่อง
แก้ปัญหาการเมืองก็ไม่ได้
แก้ปัญหาปฏิรูปประเทศก็ไม่ได้
ปรองดองก็ไม่ได้
แก้ปัญหาเศรษฐกิจก็ไม่ได้
แต่ตอนนี้ก็คือแก้ปัญหาเกี่ยวกับชีวิต อันตรายต่อพี่น้องประชาชนในทางด้านสุขภาพก็แก้ไม่ได้ แล้วยังจะสร้างปัญหาใหม่
นี่ไม่ได้เป็นคำกล่าวหาลอย ๆ
อ.ธิดา กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลนี้รู้อยู่ว่าขณะนี้เราเจอปัญหาเศรษฐกิจมาก แล้วรัฐบาลก็พยายามที่จะหาวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจซึ่งก็ยังแก้ไม่ได้ พอมาเจอปัญหาโรคระบาดเข้า แทนที่จะให้ความสำคัญกับโรคระบาด ก็กลายเป็นว่าเอาปัญหาเศรษฐกิจมานำหน้าชีวิตประชาชน ก็คือกลัวว่านักท่องเที่ยวจีนจะมาน้อยหรือไม่มา
แน่นอนว่าการเอาใจประเทศจีนเราเข้าใจได้ เพราะว่าเป็นเพื่อนมิตรกัน แต่เรื่องของชีวิต เรื่องของสุขภาพประชาชนนั้นมันอีกเรื่องหนึ่ง เพราะอย่างไรเสีย ถ้าเป็นรัฐบาลที่ดี ไม่ว่าปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง จะเป็นอย่างไร แต่ชีวิตประชาชนต้องมาก่อน
เราจะเห็นคำสัมภาษณ์ตั้งแต่ตอนต้น ๆ หรือวิธีคิด เช่น ที่จะเอา C130 เครื่องบินทหารไปรับ แล้วทำไมประเทศอื่นเขาไปได้ เขาไม่ได้ใช้เครื่องบินทหาร เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ไม่รู้หรืออย่างไร?
ถ้าคุณคิดจะไปรับคนไทยที่อยู่ประเทศจีน ถ้าคุณห่วงใยเขาสักหน่อย ไม่ใช่บอกว่าผมเตรียมมาตั้งเดือน เตรียมอะไร เตรียม C130 หรือ? ความคิดคุณเตรียมหรือเปล่าว่าประเทศจีนเขาเซนซิทีฟ ประเทศอื่นเขาไปรับมาหมดแล้ว ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สหรัฐอเมริกา ล่าสุดจาก ThaiArmedForce.com ก็มีเที่ยวบินของเกาหลีใต้เช่าเหมาลำอพยพประชาชน แล้วก็เครื่องบินจากกองทัพอากาศตุรกี อันนี้ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่าทำไมกองทัพอากาศตุรกีเขาไปรับได้ อันนี้พูดถึงความห่วงใย
ถ้าเราดูคลิปของคนไทยที่อยู่ประเทศจีน ล้วนแต่รำพันความยากลำบาก มีทั้งนักศึกษามหาวิทยาลัย มีทั้งนักเรียนอาชีวะ มีทั้งคนที่ไปทำงานที่นั่น ปรากฎว่าเขาช่วยเหลือกันเอง แต่ไม่เคยปรากฎว่าได้รับความช่วยเหลือเป็นรูปธรรมใด ๆ จากสถานทูต ทั้งหมดร้องทุกข์อยากกลับประเทศ เขาบอกถ้าไม่ตายด้วยโรคระบาดก็อาจจะอดตาย ไม่ใช่แค่รายเดียว เป็นจำนวนมาก
ภาพจากมติชน |
ขอบคุณภาพจากช่อง 7 |
ดิฉันไม่เข้าใจว่าคุณคิดอย่างไร อันนี้มันเป็นเรื่องของรัฐบาลทุกรัฐบาลที่ต้องแสดงความเป็นห่วงเป็นใย แต่นี่เกรงใจจีน จีนบอกไม่เป็นไรผมดูแลให้เป็นอย่างดีถ้าไปฟังคำพูดของรัฐมนตรีต่างประเทศ แน่นอนในระดับประเทศเขาบอกว่าจะดูแลอย่างดี แต่คำถามว่าประเทศจีนคนเขาตั้งเท่าไร ขนาดคนของเขาเองยังยากลำบากมากขนาดนั้น หมอเขาก็ยังทำงานไม่ไหวเลย จนกระทั่งเขาปิดประเทศ
ดิฉันชมนะที่เขาปิดประเทศเพื่อที่จะแก้ปัญหาตรงพื้นที่นั้น แต่ว่าในฐานะคุณเป็นรัฐบาลที่คุณไม่ได้แสดงความเป็นห่วงเป็นใยและตั้งใจจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ไปลำบากอยู่ประเทศจีนจริง ๆ ในฐานะที่เป็นรัฐบาล ใช้ไม่ได้!!! เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย และเรื่องแบบนี้มันเป็นงบที่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือประชาชนเต็มใจให้รัฐบาลจ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนไทยนอกประเทศแน่นอน
ประชาชนไทยไม่มีปัญหา
ฝ่ายค้านก็ไม่มีปัญหา
มีปัญหาก็คือรัฐบาลนี่แหละที่คุณรักประชาชนไทย หรือคุณรักความสัมพันธ์ในทางเศรษฐกิจ
นี่ก็คือประเด็นว่าคุณตัดสินใจอย่างไร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนินทาที่ต้องมาแก้ข่าวกันว่าทหารเรือ 20 คน ทำไมรับกลับมาได้ แล้วพลเรือนล่ะเป็นอย่างไร ท่านก็พยายามแก้ตัวว่าเขาไม่ได้อยู่อู่ฮั่นแล้ว เขาออกมาแล้ว อันนั้นก็แล้วแต่
ดิฉันว่าคุณสอบตกมากในประเด็นนี้ ต่อให้เป็นรัฐบาลเผด็จการเขาก็จะไม่พลาดโอกาสนี้ที่จะแสดงออกว่าเขารักประชาชน แต่ว่ารัฐบาลนี้ยอมแลก ก็คือบอกว่ารัฐบาลจีนเขาดูแลอย่างดี ไม่ต้องไปทำอะไรหรอก
นี่ก็คือเป็นการแสดงถึงภาวะของการที่ไม่ให้ความสำคัญกับชีวิตคนไทย สอบตกมาก!!!
ขณะนี้คนที่อยู่นอกประเทศเขาก็ไปรับกลับมา ส่วนในประเทศนั้นประเทศต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก "แบน" นักท่องเที่ยวจีน หรือ "บล็อค"
บางประเทศแบนเฉพาะคนจีนที่มาจากมณฑลหูเป่ย บางประเทศก็แบน Visa on arrival แต่ประเทศไทยไม่ทำอะไรเลย!
แล้วพยายามที่จะมารบกับเรื่อง Fake news อ้างว่าคนจีนไม่ได้มาเมืองไทยห้าล้านคน ดิฉันว่าคนสติดีเขาไม่ได้คิดหรอกว่าคนจากอู่ฮั่นห้าล้านคนมาประเทศไทย เขารู้ว่ามาสองหมื่นกว่า แต่ความล้มเหลวที่ชี้ให้เห็นคือขณะนี้คนที่ปรากฎว่าตรวจพบจากการคัดกรอง 29 คน แต่คนที่ไปตามโรงพยาบาลเอกชนแล้วส่งมาเองอีกร้อยกว่า อันนี้ก็แสดงถึงจุดอ่อนในการคัดกรอง
ความจริงดิฉันเชื่อว่าหมอไทยเก่ง แต่คุณแค่วัดอุณหภูมิอย่างเดียวมันไม่พอ ในทัศนะดิฉันถือว่าที่สำคัญมากก็คือการสัมภาษณ์ การติดตาม ดังนั้นสองหมื่นกว่าคนมาจากอู่ฮั่น ถามว่าแล้วที่มาจากมณฑลอื่นอีกเท่าไร เพราะขณะนี้ในประเทศจีนเอง ถ้าระบายสีก็ถือว่าแดงเถือกทั้งหมด
ปัจจุบันล่าสุด (31 ม.ค. 63) จำนวนผู้ป่วยทั้งหมดร่วมหมื่น เสียชีวิต 213 หายป่วย 187 อัตราการตายความจริงยังต่ำประมาณ 2% กว่า ๆ แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะเป็นอย่างนี้นะ เพราะว่ามันกลายพันธุ์เร็ว ต่อไปอาจจะเพิ่มขึ้น แล้วการระบาดมันจะทวีคูณขึ้นไปเรื่อย ๆ ถ้าถามคนที่น่าสงสัยว่าจะติดเชื้อในประเทศจีนในทัศนะของดิฉันคิดว่านับแสนคน แต่ที่คอนเฟิร์มอยู่ในระดับหมื่น เพราะอย่าลืมว่าเขาติดเชื้อในช่วงที่ยังไม่แสดงอาการ การติดเชื้อในช่วงนี้ระหว่างคนต่อคน บัดนี้ในญี่ปุ่นคนขับรถทัวร์ก็ป่วย ตอนนั้นนักท่องเที่ยวก็ผ่านการตรวจเพราะยังไม่แสดงอาการ
ในประเทศไทย บ่ายนี้ดิฉันไม่แน่ใจว่าคนขับแท็กซี่ 2 คนที่เข้ามาตรวจสอบว่าติดเชื้อหรือไม่ ผลออกมาหรือยัง และนี่จะเป็นการติดเชื้อของคนไทยชุดแรกแบบเดียวกับประเทศญี่ปุ่น เพราะฉะนั้น การระบาดจะประมาทไม่ได้ มันจะรุนแรงอย่างมาก
การที่ท่านพยายามจะคัดกรองโดยที่มีเครื่องอะไรต่าง ๆ แต่ดิฉันยังไม่แน่ใจว่าได้ใช้ความเข้มข้นในการสัมภาษณ์และการติดตามนักท่องเที่ยวคนจีนมากแค่ไหน ไม่ใช้เน้นเฉพาะเมืองอู่ฮั่นอย่างเดียว ไม่ใช่เน้นเฉพาะมณฑลเหอเป่ย แรก ๆ จะเป็นอย่างนั้น แต่บัดนี้มันระบาดไปทั้งประเทศจีนแล้ว
ในทัศนะดิฉัน ปัญหามันเกิดจากความคิดของรัฐบาลที่หวั่นกลัวปัญหาเศรษฐกิจ เพราะการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์เครื่องสุดท้ายที่จะต่อลมหายใจประเทศนี้ ก็เลยคิดแต่เรื่องเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้คิดถึงเรื่องชีวิตประชาชน ดีที่ประเทศจีนเขาพยายามปิดประเทศไม่ให้เข้ามา แต่เรากลับเปิดอ่าซ่า แถมยังคัดกรองแบบไม่ได้เต็มที่ ซึ่งดิฉันไม่แน่ใจ อย่าลืมว่าท่านรัฐมนตรีเคยพูดเองนะว่า "ถ้าเขาไม่มาแล้วจะไปตรวจหาสวรรค์วิมานอะไร" ประโยคนี้ดิฉันจำได้ แต่ท่านอาจจะไม่ได้ตระหนักว่าโรคนี้มันเป็นโรคระบาดที่รุนแรง ขณะนี้คนที่ติดเชื้อมากกว่า " ซาร์" แต่อัตราการตายของ "ซาร์" นั้นมากกว่า
ภาพจากฐานเศรษฐกิจ |
ดังนั้น แก้ปัญหาเหมือนกับไม่ได้แก้ปัญหา คือเปิดประตูอ่าซ่า แล้วบอกว่ามีการคัดกรอง แต่ปรากฎว่าการคัดกรองก็ไม่ได้ผล แต่สิ่งที่เป็นปัญหามากก็คือทางความคิด คือ "กลัว" และดิฉันอยากจะบอกว่าที่จะสร้างปัญหาใหม่ที่ร้ายแรงคืออะไร ?
คือคุณกำลังจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นดินแดนต้องห้ามสำหรับคนต่างประเทศทั่วโลก แน่นอน คนจีนอาจจะอยากมาไทย ถามว่าประเทศอื่นตอนนี้มีใครอยากไปจีนไหม? ไม่ไป!!! นอกจากไม่อยากไปจีนแล้วประเทศต่อไปที่จะถูกขึ้นบัญชีดำว่าไม่ควรเข้ามาเลยคืออะไร ก็คือประเทศไทยไง! ก็คุณเปิดอ่าซ่าให้เขาเข้ามา คุณคัดกรองคนติดเชื้อมาได้ 29 คน แล้วเขาเดินมาหาคุณเองร้อยกว่า แปลว่าร้อยกว่านั้นไม่ใช่ฝีมือคุณเลย เขาเดินมาหาเอง...ใช่หรือเปล่า?
ดิฉันมีปัญหากับ "วิธีแก้" และ "วิธีคิด" แต่สิ่งที่จะทำให้เรื่องมันร้ายแรงที่สุดก็คือ มันเหมือนคนที่คล้าย ๆ ว่ากลัวจะตายเพราะไม่มีอะไรจะกิน เลยไม่กลัวตายจากเชื้อโรค ประมาณนั้น กลัวว่านักท่องเที่ยวไม่มา ดิฉันจะบอกให้นะ นักท่องเที่ยวจีนนั้น บริษัททัวร์ก็ของเขา เดี๋ยวนี้วัดหรือพระเครื่องเขาก็ประมูล โรงแรมก็ของเขา ร้านขายของที่ระลึกก็ของเขา เหมือนกับที่ท่านพูดเองเรื่องเรือ เรื่องยานพาหนะ คือเขามาเตรียมเอาไว้หมดทุกอย่าง สิ่งที่ประเทศไทยจะได้จากนักท่องเที่ยวจีนนั้นท่านลองไปสำรวจดูว่าจะได้สักเท่าไหร่
ที่กำลังจะสร้างปัญหารุนแรงก็คือประเทศไทยจะถูกขึ้นบัญชีดำจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก แล้วคนไทยไปท่องเที่ยวที่อื่นก็จะถูกรังเกียจ ขณะนี้เริ่มแล้วนะที่ยุโรป คือหน้าตาเป็นคนเอเชียเหมือนกัน แน่นอนขณะนี้ถ้าคุณเดินไปเจอกรุ๊ปทัวร์คนจีน คุณก็จะรู้สึกว่าต้องอยู่ห่าง ๆ หลายคนบอกว่าเวลาขึ้นรถที่แน่น ๆ ก็ทำเป็นเป็นเครื่องมือสื่อสารเป็นภาษาจีนดัง ๆ คนจะกลัวและหนีห่างออกไป นอกจากกลัวคนจีนแล้ว ต่อไปเขาก็จะกลัวคนไทย
ดิฉันคิดว่ารัฐบาลนี้แก้ปัญหาไม่ได้ในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคระบาดในยุคโลกาภิวัตน์นี้ แล้วยังจะสร้างปัญหาให้กับประเทศ จากความคิดที่ผิด ก็คือไม่เห็นชีวิตของคนไทยเป็นเรื่องสำคัญ คุณคิดว่าฝีมือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญกว่า แต่ชีวิตของคนไทยคุณให้ความสำคัญน้อย
ดังนั้นในคำพูดและการกระทำของรัฐบาลนี้ ดิฉันของทำนายว่ามันกำลังสร้างปัญหาให้กับประเทศไทยในอนาคตอย่างใหญ่หลวง เพราะนอกจากคุณจะไม่มีนักท่องเที่ยวจากจีนแล้ว (จีนปิดประเทศ) นักท่องเที่ยวประเทศอื่นก็จะไม่มา แล้วคนไทยจะไปที่ไหน เผลอ ๆ ก็จะถูกรังเกียจ กลัวจะเป็นพาหะรองจากคนจีน
ดิฉันว่ารัฐบาลนี้ ท่านมีที่มาที่ไม่ถูกต้องนั้น นั่นก็อย่างหนึ่ง แต่วิธีคิดและวิธีทำงานซึ่งไม่ได้ผูกพันกับชีวิตประชาชนไทยให้ดีมากพอ จึงทำให้ไม่รู้ร้อนรู้หนาวในเรื่องทุกข์สุขของผู้คนอย่างที่ควรจะเป็น ในทัศนะดิฉันเห็นว่าไม่สมควรเป็นรัฐบาลอีกต่อไปค่ะ อ.ธิดากล่าวในที่สุด