ยูดีดีนิวส์ : 12 ก.พ. 63 เมื่อเวลา 11.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ได้เดินทางมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ "นายพายัพ ปั้นเกตุ" แกนนำนปช. ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 4 ปี ในคดีล้มการประชุมอาเชียน พัทยา เมื่อปี 2552
พร้อมกันนี้จะได้เข้าเยี่ยม "จ่าประสิทธิ์ ไชยศรีษะ" ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในคดีครอบครองเสื้อเกราะและหมวกปราบจลาจลที่แย่งชิงจากทหาร เมื่อปี 2553
พร้อมกันนี้จะได้เข้าเยี่ยม "จ่าประสิทธิ์ ไชยศรีษะ" ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในคดีครอบครองเสื้อเกราะและหมวกปราบจลาจลที่แย่งชิงจากทหาร เมื่อปี 2553
หลังจากเข้าเยี่ยมเรียบร้อยแล้ว อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เราก็ทำได้แค่นี้ 1) ก็ช่วยเหลือในเรื่องการดำเนินคดี 2) ถ้าศาลพิพากษาแล้วเราก็มาดูแลชีวิตความเป็นอยู่ กับอีกอันก็มาเยี่ยมให้กำลังใจ ไม่ปล่อยให้พวกเขาโดดเดี่ยว ฉะนั้นก็ฝากพี่น้องเราว่าที่ไหนก็ตามถ้ามีคดีเกี่ยวเนื่องจากการถูกกระทำตั้งแต่ปี 53 เป็นต้นมา ไม่จำเป็นต้องเป็นแกนนำ จะอยู่ที่ไหน จังหวัดไหน ก็อยากให้ไปให้กำลังใจผู้ที่อยู่ในเรือนจำบ้าง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง “นายพายัพ ปั้นเกตุ” และ “จ่าประสิทธิ์ ไชยศรีษะ” อ.ธิดาตอบว่าทั้งสองคนก็เข้าใจ และคงต้องรอให้เป็นไปตามระเบียบ เช่น การอภัยโทษ อะไรต่าง ๆ ว่าเมื่อไหร่ตัวเองจะได้มีโอกาส
อ.ธิดากล่าวต่อไปว่า ความคิดที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งบานปลายอีกนั้นไม่อยู่ในความคิดของพวกเรา ความขัดแย้งที่แล้วมามันก็มากพอ สิ่งที่ควรจะทำก็คือค้นหาสาเหตุและทำความจริงทุกอย่างให้ปรากฏ อย่าให้มีเรื่องเท็จเกิดขึ้น แล้วก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ดิฉันเข้าใจว่าพวกเราทุกคนก็ยินดีที่จะรับ และไม่ต้องการให้มีปัญหาความขัดแย้งบานปลายหรือความรุนแรงมากขึ้น
ต่อปัญหาการเดินหน้าต่อไปของแกนนำนปช. อ.ธิดากล่าวว่า แกนนำส่วนกลางเรายอมรับว่าบทบาทสำหรับปัจจุบันและอนาคตลดลงในเรื่อง “ภาวะแกนนำ” แต่ว่าในการที่แกนนำถูกดำเนินคดี เพื่อนฝูงก็ยังต้องช่วยกันดูแลเท่าที่จะทำได้ แต่ในทัศนะอาจารย์ สิ่งที่ยิ่งกว่าแกนนำและยิ่งกว่าคนเสื้อแดงก็คือปัญหาประเทศไทย
ปัญหาประเทศไทยนั้น ถ้าเราจะปล่อยให้มีสิ่งที่เรียกว่า Hate speech และความเท็จอยู่ในฐานะครอบงำ มันไม่ใช่ปัญหาเฉพาะแกนนำนปช.อย่างเดียว แต่มันเป็นปัญหาของประเทศทั้งหมด อาจารย์อยากจะให้พิจารณาภาพรวมของประเทศ แกนนำยากลำบากก็ต้องยอม เหมือนตอนนิรโทษกรรม นปช.ไม่ยอมนะ ไม่ให้นิรโทษแกนนำ แปลว่าเรายอมยากลำบาก แต่ให้นิรโทษมวลชนทั้งหลายเพื่อความปรองดองในอนาคต
ดังนั้นจุดยืนนี้ยังเป็นจุดยืนมาจนถึงบัดนี้ก็คือว่า แกนนำอาจจะยากลำบากหรือถูกกระทำก็ต้องสู้กันไป และพยายามทำให้ความยุติธรรมนั้น ช่วยทำให้สังคมเดินหน้าไปได้ แต่ถ้าทำอะไรไม่ได้เราก็ต้องยอมรับชะตากรรม ดังนั้นที่อาจารย์เป็นห่วงมากกว่าก็คือภาพรวมประเทศว่าถ้าความเห็นต่าง ความคิดที่แตกต่าง ถ้ายังไม่ได้รับการกระทำอย่างเหมาะสม ความขัดแย้งจะบานปลาย พูดง่าย ๆ ว่า ชะตากรรมของแกนนำเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับอยู่แล้ว แต่ขออย่างเดียวว่าให้ประเทศเดินหน้าไปได้ และความยุติธรรมของส่วนอื่น ๆ ทั้งหมดให้เกิดขึ้นให้ได้
ส่วนความยุติธรรมสำหรับแกนนำนั้นเราจะไม่เรียกร้อง ไม่ร้องขอต่อสังคม แต่ที่เราร้องคือความยุติธรรมต่อสังคมและประชาชนทั่วไปมากกว่า อ.ธิดากล่าวทิ้งท้ายก่อนเดินทางกลับ