ยูดีดีนิวส์ : 27 ม.ค. 63 ปัญหาเร่งด่วนของรัฐบาลขณะนี้คงหนีไม่พ้นปัญหาการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ซึ่งแพร่ขยายมาจากประเทศจีน วันนี้ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธาน นปช. ได้มาสนทนาผ่านช่องทางเฟสบุ๊คไลฟ์กับทุกท่านในประเด็น
"รัฐบาลล้าหลัง!!! ที่ไม่สอดคล้องกับปัญหาโลกาภิวัตน์"
อ.ธิดากล่าวว่า รัฐบาลที่ล้าหลังมันบ่งชี้ถึงระบอบที่ล้าหลัง ขณะนี้ทุนนิยมโลกาภิวัตน์เป็นสิ่งซึ่งไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ คำว่า "โลกาภิวัตน์" มันครอบคลุมทั้งทุนนิยม, เศรษฐกิจ, สังคม, การเมือง เมื่อทุนนิยมโลกาภิวัตน์มันก็ต้องสอดคล้องกับการเมืองในระบอบเสรีประชาธิปไตย และต้องสอดคล้องกับการเรียกร้องสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมกันในทุกด้าน
แต่ถามว่าระบอบที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยแบบสากลในโลกนี้มีไหม? ก็มี ในบางประเทศก็อาจจะเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อยู่ก็ยังมี หรือเป็นระบอบเผด็จการเต็ม ๆ ก็มี แต่ของเราเป็นเผด็จการปลอมในร่างประชาธิปไตย อันนี้เป็นลักษณะพิเศษ ซึ่งในทัศนะของ อ.ธิดาก็ถือว่าเป็นระบอบที่ล้าหลัง!
มันก็คือระบอบอำมาตยาธิปไตยที่สวมเสื้อคลุมประชาธิปไตยนั่นเอง
ดังนั้นแน่นอน ระบอบเราล้าหลังก็ไม่อำนวยให้กับการเมืองการปกครองอยู่แล้ว แต่มันต้องประกอบด้วยรัฐบาลด้วย ถ้ารัฐบาลถึงแม้ระบอบล้าหลัง แต่ถ้าเป็นรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ ไม่เหมือนกับที่เขาติดแฮชแท็ก #รัฐบาลเฮงซวย
ปัญหาโลกาภิวัตน์มันมีทุกอย่างทั้งเศรษฐกิจ เทคโนโลยีในการสื่อสาร เทคโนโลยีในการโทรคมนาคม เทคโนโลยีการเดินทาง หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีทางการทหาร ณ วันนี้สิ่งที่เรามาพูดถึงกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือปัญหาโรคติดเชื้อหรือโรคระบาดก็เป็นโลกาภิวัตน์
เหตุผลเพราะว่าเมื่อการเดินทางโลกาภิวัตน์ คุณสามารถเดินทางไปไหนก็ได้ ดังนั้นโรคภัยไข้เจ็บ วัฒนธรรม ไม่ใช่แต่เพียงการค้าขาย วัฒนธรรมการบันเทิง แต่โรคมันก็เป็นโลกาภิวัตน์ด้วย ดังนั้น ระบอบที่ล้าหลังถ้าต้องการแก้ปัญหาปัจจุบันซึ่งเป็นปัญหาลักษณะโลกาภิวัตน์ ต้องการรัฐบาลที่เข้มแข็ง
ดิฉันจะยกตัวอย่างว่าระบอบการเมืองการปกครองบางระบอบเขาไม่ใช่เสรีประชาธิปไตย เสรีประชาธิปไตยนั้นปกติการเมืองมันจะคัดกรอง โอเค...คุณเป็นรัฐบาลไม่ได้ความใช่ไหม เมื่อไม่ได้ความ เลือกตั้งคุณก็ไม่ได้ นั่นคือการคัดกรองเพื่อให้ได้หัวหน้าพรรค ให้ได้นายกรัฐมนตรีที่เก่ง ถ้าคุณไม่เก่ง...ไปเลย!
แต่บางระบอบที่เขาสามารถมีคนเก่ง คนดี มาทำงานก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศจีน เราต้องยอมรับว่าท่าน สี จิ้นผิง มีความสามารถจริง ระบอบนี้คุณจะเรียกว่าล้าหลังหรือก้าวหน้าก็ตาม แต่ก็เป็นสังคมนิยม เป็นสังคมนิยมแบบจีน คือต้องสอดคล้องกับโลกาภิวัตน์ ทั้งในด้านทุนนิยม ด้านสังคม ด้านการเมือง รวมทั้งทุกด้าน เขาสามารถประดาบกันได้กับสหรัฐฯ เพราะเศรษฐกิจเขาอยู่ในระดับที่เข้มแข็งมาก
ดังนั้น ระบอบการเมืองการปกครอง แม้บางอย่างอาจจะไม่เอื้ออำนวย สมมุติถ้าเราพูดถึงเกาหลีเหนือเทียบกับเกาหลีใต้ เกาหลีใต้ก็จะเป็นทุนนิยมเสรี การเมืองในระบอบประชาธิปไตย เกาหลีเหนือก็จะเป็นคนละระบอบ เขาจำเป็นที่จะต้องมีผู้นำที่เก่งและเข้มแข็ง แต่ดิฉันไม่มีข้อมูลภายในเกี่ยวกับเกาหลีเหนือมาก เราก็จะไม่พูด แต่ว่าเราพูดถึงประเทศจีนกับปัญหาโลกาภิวัตน์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือการติดเชื้อโรคระบาดโคโรนาไวรัส
เราจะเห็นว่าจีนแก้ปัญหาได้ค่อนข้างดี ซึ่งของเราระบอบก็ล้าหลัง เพราะคุณไม่ได้เป็นประชาธิปไตยแบบที่ประชาชนสามารถคัดกรองได้ เลือกได้ คุณถืออาวุธแล้วคุณลอยมายึดประเทศ คุณสามารถยึดกุมกองทัพอยู่ แล้วยังสามารถที่จะใส่เสื้อคลุมประชาธิปไตยได้ ยังสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้
แต่ถ้ารัฐบาลเป็นรัฐบาลที่มีความสามารถ ถ้ามีผู้นำที่เก่ง ลองเทียบกับประเทศจีนซึ่งเขาไม่ใช่เสรีประชาธิปไตยนะ ไม่ได้มีการเปลี่ยนผู้นำบ่อย แต่ระบอบของเขาซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากพรรคปฏิวัติ และมีการคัดกรองคนมาเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ จากสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นมาเป็นลำดับ ของกรรมการเมือง จังหวัด มณฑล กระทั่งของกรรมการกลางกรมการเมืองคัดกรองกันขึ้นมา ผู้นำของเขาได้แสดงฝีมือความสามารถว่าเขาเป็นสังคมนิยม แต่เขาอยู่กับโลกทุนนิยมได้อย่างสามารถแข่งขันได้และแก้ปัญหาได้
ขณะนี้มีปัญหา 2 ปัญหาที่กำลังเดือดร้อนมาก ปัญหาเศรษฐกิจนั้นแน่นอนอยู่แล้ว การเมืองที่ไม่ก้าวหน้าจะไม่สามารถสร้างเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าได้ การเมืองที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนก็จะไม่ใช่เศรษฐกิจที่แก้ไขปัญหาประชาชน อันนี้ก็พูดได้เหมือนกัน การเมืองที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนก็ไม่สามารถแก้ปัญหาสังคมของประชาชน ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ขณะนี้เศรษฐกิจยังเป็นปัญหาสำคัญ
แต่ในขณะเดียวกันนอกจากปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ปัญหาฝุ่น PM2.5 ปัญหาโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส ซึ่งอันที่จริงแล้วสาธารณสุขประเทศไทย หมอคนไทย "เก่ง" มันอยู่ที่ภาวะการนำ
ขณะนี้เรามีสนามบินนานาชาติอยู่กี่แห่ง? ดิฉันตั้งคำถามไปยังรัฐบาลว่าคุณมีการตรวจอย่างเข้มข้นในทุกที่หรือไม่? ดิฉันรู้มาว่าที่กระบี่ คนจากประเทศจีนไปไม่มีการตรวจอะไร นี่เป็นคำพูดของการให้สัมภาษณ์ของนักเรียนไทยที่กลับมา เพราะกระบี่เป็นสนามบินเล็ก...หรือเปล่า?
แต่ถ้าคุณมีภาวะผู้นำคุณต้องรู้เลยว่าสนามบินนานาชาติมีกี่แห่ง คุณต้องจัดการตรวจเข้มให้หมด จนขณะนี้ประเทศจีนเขาปิดประเทศแล้ว เขาห้ามไม่ให้กรุ๊ปทัวร์ออกมา แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคนจีนออกมานะ เพราะการมาเป็นเอกชนเขาก็ยังทำได้อยู่
สนามบินนานาชาติของเรา...มีความพร้อมทุกที่หรือเปล่า?
กระบี่ไม่มีค่ะ มีที่ไหนบ้าง มีเชียงใหม่ มีภูเก็ต มีกระบี่ อู่ตะเภา ดอนเมือง ก่อนหน้านี้ก็คือโอเคสุวรรณภูมิ แต่พอเขาประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น ก็มีการลดบทบาทลง แล้วมาเถียงกันว่าไม่ได้ไปไหน ยังเข้มข้น ดิฉันคิดว่านั่นเป็นการสับสนของการนำ
ตรงนี้ทั้งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งรัฐบาล เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ก็คือ ดักด่านประตูแรกในการเข้าประเทศ ทำไมคุณไม่ทำการคัดกรองให้ดี!!!
นอกจากนั้นที่น่ากลัวมากก็คือว่า โคโรนาไวรัสนี้ 15 วันแรกที่เขาไม่มีอาการ เขาเผยแพร่โรคได้ และคน 1 คน ทำให้ติดเชื้อต่อได้หลายสิบคน ขึ้นอยู่กับว่าคน ๆ นั้นออกไปสัมผัสคนมากน้อยแค่ไหน ขณะนี้เท่าที่ทราบคนที่ติดเชื้อหลายพันคนแล้วในประเทศจีน (นี่หมายความว่ายืนยันแน่ชัดแล้วว่าติดเชื้อ) แต่ติดเชื้อโดยไม่ได้ยืนยันอีก ดิฉันมองว่าหลายหมื่นแน่นอน
ตอนนี้ยอดผู้เสียชีวิตในจีน 80 ราย รวมผู้ป่วยติดเชื้อทั่วโลก (27 ม.ค. 63) 2,817 ราย มีผู้ป่วยเฝ้าระวัง 5,794 ราย ในจำนวนผู้ป่วยเฝ้าระวังนี้สามารถแพร่เชื้อไปคนละ 20 ราย มันจะกลายเป็นระดับหมื่น แล้ว 15 วัน ลองคูณเข้าไป ดิฉันว่าน่าจะเป็นร้อยเท่า ภายใน 1 สัปดาห์ จะมีผู้ป่วยเฝ้าระวังน่าจะเป็นนับแสนก็ได้ นี่คือความน่ากลัว!!!
และดังที่ทุกคนควรจะเข้าใจว่า "ไวรัส" เป็นโรคที่ไม่มียาบำบัดหรือฆ่าโดยตรง มีแต่รักษาตามอาการให้ร่างกายแข็งแรงดีขึ้น ขณะนี้มีข่าวว่าเอายาที่ใช้กับโรคเอดส์มาลองใช้ดู ซึ่งดิฉันก็ไม่แน่ใจว่ามันได้ผลแค่ไหนนะ เพราะว่าปกติ "ไวรัส" ยาทั่วไปฆ่าไม่ได้ แต่ยาต้านไวรัสเอดส์นั้นอาจจะเป็นความพยายามว่าเมื่อใช้กับเอดส์ได้ก็ลองเอามาใช้ดูไม่น่าเสียหายอะไร แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใช้ได้จริง มันเพิ่งมีบางราย แล้วขนาดหมอที่รักษาก็ยังเสียชีวิต
ดิฉันคิดว่ามันอาจดูไม่รุนแรงเท่า "ซาร์" ที่มีลักษณะเฉียบพลันอย่างรวดเร็ว แต่มันมีความน่ากลัวตรงที่ว่า เมื่อไม่แสดงอาการ แล้วไปอยู่กับคนปกติทั่วไป ก็สามารถเผยแพร่เชื้อได้ ดังนั้นโดยโมเดลนี้ดิฉันคิดว่าภายในหนึ่งสัปดาห์จะสามารถแพร่เชื้อได้นับแสนคน โดยเหตุนี้ประเทศจีนเขาจึงปิดประเทศเลย
แล้วประเทศต่าง ๆ เขาก็ส่งเครื่องบินไปรับคนของเขา ของเราคุยว่าเตรียมมาตั้งเดือนแล้ว ไม่รู้เตรียมจริงหรือไม่จริง แปลว่าวันนี้คงเตรียมเครื่องบินสำหรับไปรับ...หรืออย่างไร?
แต่ดิฉันถามว่าคุณเตรียมไปดักคัดกรองที่สนามบินทุกที่หรือเปล่า?
ดิฉันชอบคำพูดของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีประเทศจีน ที่ว่า
"ชีวิตคือสิ่งสำคัญสูงสุด ความรับผิดชอบคือการป้องกันและการควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนา"
ชีวิตคือสิ่งสำคัญสูงสุด ชีวิตประชาชนสำคัญไหมสำหรับรัฐบาลนี้ หรือรัฐบาลนี้คิดแต่เพียงว่าทำอย่างไรฉันจะอยู่ได้ไปถึง 20 ปี ตายไปบ้างก็ไม่เป็นไร ถ้าเป็นคนที่ความคิดล้าหลังจะไม่ให้ความสำคัญเท่าไหร่กับชีวิตคน แต่จะให้ความสำคัญกับอำนาจและความมั่นคงในอำนาจของตัวเองยิ่งกว่า
ถ้าคุณมัวเพลิดเพลินกับเรื่องรักษาอำนาจ ความย่อหย่อนในเรื่องชีวิตคน เช่นเรื่อง "ฝุ่น" ในทัศนะดิฉันนะ ง่ายที่สุดก็คือ คุณไปผลักดันให้ทำเครื่องกรองอากาศด้วย นอกจากการควบคุมที่ทุกคนรู้ เช่น ควบคุมการเผา ควบคุมมลพิษที่เกิดขึ้นทางอากาศ ทั้งหมดนี้ดิฉันคิดว่ายุทธศาสตร์ 20 ปีของท่านมันไม่ได้เกี่ยวกับชีวิตคนแบบนี้
เพราะฉะนั้น การปกครองที่ล้าหลัง ความคิดที่ล้าหลัง จะไม่ได้คิดถึงสิทธิชีวิตของมนุษย์ที่จะต้องมีอากาศบริสุทธิ์หายใจ มีน้ำที่สะอาดในการดื่ม มีอาหารเพียงพอ มีสุขภาพอนามัยที่ดี มันจะไม่ได้อยู่ในสมองเลยคิดแต่เรื่องความมั่นคงของตัวเองเป็นหลักอย่างเดียว
ระบอบที่ล้าหลังสร้างรัฐบาลที่ล้าหลัง และรัฐบาลที่ล้าหลังไม่มีประสิทธิภาพก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาของโลกาภิวัตน์ได้ คุณแก้ปัญหาไม่ทันหรอก ทั้งด้านเทคโนโลยี ด้านโรคติดเชื้อ แล้วก็การเมืองการปกครองและเศรษฐกิจอื่น ๆ ทั้งหมด
ข้อเรียกร้องของดิฉันก็คือ "ลงจากอำนาจ" ดิฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
ยุติการเมืองการปกครองที่ล้าหลัง!
ยุติรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพ!
รัฐบาลที่ไม่ได้ผ่านมาจากการเคี่ยวกรำของการเมืองภาคประชาชน
"ให้ประชาชนได้คัดสรรผู้มีความสามารถขึ้นมาเป็นรัฐบาล และสามารถเปลี่ยนเอาคนที่ไม่ดี เอาคนที่ไม่เก่งออกไปได้ เมื่อนั้นประเทศไทยจึงจะก้าวเดินไปได้ หาไม่นับจากนี้ไปดิฉันเชื่อได้เลยว่าจะเป็นภาวะทุกข์ระทมของประชาชนที่ความล้าหลังของระบบและของรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพค่ะ" อ.ธิดากล่าวในที่สุด
อ.ธิดากล่าวว่า รัฐบาลที่ล้าหลังมันบ่งชี้ถึงระบอบที่ล้าหลัง ขณะนี้ทุนนิยมโลกาภิวัตน์เป็นสิ่งซึ่งไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ คำว่า "โลกาภิวัตน์" มันครอบคลุมทั้งทุนนิยม, เศรษฐกิจ, สังคม, การเมือง เมื่อทุนนิยมโลกาภิวัตน์มันก็ต้องสอดคล้องกับการเมืองในระบอบเสรีประชาธิปไตย และต้องสอดคล้องกับการเรียกร้องสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมกันในทุกด้าน
แต่ถามว่าระบอบที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยแบบสากลในโลกนี้มีไหม? ก็มี ในบางประเทศก็อาจจะเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อยู่ก็ยังมี หรือเป็นระบอบเผด็จการเต็ม ๆ ก็มี แต่ของเราเป็นเผด็จการปลอมในร่างประชาธิปไตย อันนี้เป็นลักษณะพิเศษ ซึ่งในทัศนะของ อ.ธิดาก็ถือว่าเป็นระบอบที่ล้าหลัง!
มันก็คือระบอบอำมาตยาธิปไตยที่สวมเสื้อคลุมประชาธิปไตยนั่นเอง
ดังนั้นแน่นอน ระบอบเราล้าหลังก็ไม่อำนวยให้กับการเมืองการปกครองอยู่แล้ว แต่มันต้องประกอบด้วยรัฐบาลด้วย ถ้ารัฐบาลถึงแม้ระบอบล้าหลัง แต่ถ้าเป็นรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ ไม่เหมือนกับที่เขาติดแฮชแท็ก #รัฐบาลเฮงซวย
ปัญหาโลกาภิวัตน์มันมีทุกอย่างทั้งเศรษฐกิจ เทคโนโลยีในการสื่อสาร เทคโนโลยีในการโทรคมนาคม เทคโนโลยีการเดินทาง หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีทางการทหาร ณ วันนี้สิ่งที่เรามาพูดถึงกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือปัญหาโรคติดเชื้อหรือโรคระบาดก็เป็นโลกาภิวัตน์
เหตุผลเพราะว่าเมื่อการเดินทางโลกาภิวัตน์ คุณสามารถเดินทางไปไหนก็ได้ ดังนั้นโรคภัยไข้เจ็บ วัฒนธรรม ไม่ใช่แต่เพียงการค้าขาย วัฒนธรรมการบันเทิง แต่โรคมันก็เป็นโลกาภิวัตน์ด้วย ดังนั้น ระบอบที่ล้าหลังถ้าต้องการแก้ปัญหาปัจจุบันซึ่งเป็นปัญหาลักษณะโลกาภิวัตน์ ต้องการรัฐบาลที่เข้มแข็ง
ดิฉันจะยกตัวอย่างว่าระบอบการเมืองการปกครองบางระบอบเขาไม่ใช่เสรีประชาธิปไตย เสรีประชาธิปไตยนั้นปกติการเมืองมันจะคัดกรอง โอเค...คุณเป็นรัฐบาลไม่ได้ความใช่ไหม เมื่อไม่ได้ความ เลือกตั้งคุณก็ไม่ได้ นั่นคือการคัดกรองเพื่อให้ได้หัวหน้าพรรค ให้ได้นายกรัฐมนตรีที่เก่ง ถ้าคุณไม่เก่ง...ไปเลย!
แต่บางระบอบที่เขาสามารถมีคนเก่ง คนดี มาทำงานก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศจีน เราต้องยอมรับว่าท่าน สี จิ้นผิง มีความสามารถจริง ระบอบนี้คุณจะเรียกว่าล้าหลังหรือก้าวหน้าก็ตาม แต่ก็เป็นสังคมนิยม เป็นสังคมนิยมแบบจีน คือต้องสอดคล้องกับโลกาภิวัตน์ ทั้งในด้านทุนนิยม ด้านสังคม ด้านการเมือง รวมทั้งทุกด้าน เขาสามารถประดาบกันได้กับสหรัฐฯ เพราะเศรษฐกิจเขาอยู่ในระดับที่เข้มแข็งมาก
ดังนั้น ระบอบการเมืองการปกครอง แม้บางอย่างอาจจะไม่เอื้ออำนวย สมมุติถ้าเราพูดถึงเกาหลีเหนือเทียบกับเกาหลีใต้ เกาหลีใต้ก็จะเป็นทุนนิยมเสรี การเมืองในระบอบประชาธิปไตย เกาหลีเหนือก็จะเป็นคนละระบอบ เขาจำเป็นที่จะต้องมีผู้นำที่เก่งและเข้มแข็ง แต่ดิฉันไม่มีข้อมูลภายในเกี่ยวกับเกาหลีเหนือมาก เราก็จะไม่พูด แต่ว่าเราพูดถึงประเทศจีนกับปัญหาโลกาภิวัตน์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือการติดเชื้อโรคระบาดโคโรนาไวรัส
เราจะเห็นว่าจีนแก้ปัญหาได้ค่อนข้างดี ซึ่งของเราระบอบก็ล้าหลัง เพราะคุณไม่ได้เป็นประชาธิปไตยแบบที่ประชาชนสามารถคัดกรองได้ เลือกได้ คุณถืออาวุธแล้วคุณลอยมายึดประเทศ คุณสามารถยึดกุมกองทัพอยู่ แล้วยังสามารถที่จะใส่เสื้อคลุมประชาธิปไตยได้ ยังสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้
แต่ถ้ารัฐบาลเป็นรัฐบาลที่มีความสามารถ ถ้ามีผู้นำที่เก่ง ลองเทียบกับประเทศจีนซึ่งเขาไม่ใช่เสรีประชาธิปไตยนะ ไม่ได้มีการเปลี่ยนผู้นำบ่อย แต่ระบอบของเขาซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากพรรคปฏิวัติ และมีการคัดกรองคนมาเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ จากสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นมาเป็นลำดับ ของกรรมการเมือง จังหวัด มณฑล กระทั่งของกรรมการกลางกรมการเมืองคัดกรองกันขึ้นมา ผู้นำของเขาได้แสดงฝีมือความสามารถว่าเขาเป็นสังคมนิยม แต่เขาอยู่กับโลกทุนนิยมได้อย่างสามารถแข่งขันได้และแก้ปัญหาได้
ขณะนี้มีปัญหา 2 ปัญหาที่กำลังเดือดร้อนมาก ปัญหาเศรษฐกิจนั้นแน่นอนอยู่แล้ว การเมืองที่ไม่ก้าวหน้าจะไม่สามารถสร้างเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าได้ การเมืองที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนก็จะไม่ใช่เศรษฐกิจที่แก้ไขปัญหาประชาชน อันนี้ก็พูดได้เหมือนกัน การเมืองที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนก็ไม่สามารถแก้ปัญหาสังคมของประชาชน ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ขณะนี้เศรษฐกิจยังเป็นปัญหาสำคัญ
แต่ในขณะเดียวกันนอกจากปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ปัญหาฝุ่น PM2.5 ปัญหาโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส ซึ่งอันที่จริงแล้วสาธารณสุขประเทศไทย หมอคนไทย "เก่ง" มันอยู่ที่ภาวะการนำ
ขณะนี้เรามีสนามบินนานาชาติอยู่กี่แห่ง? ดิฉันตั้งคำถามไปยังรัฐบาลว่าคุณมีการตรวจอย่างเข้มข้นในทุกที่หรือไม่? ดิฉันรู้มาว่าที่กระบี่ คนจากประเทศจีนไปไม่มีการตรวจอะไร นี่เป็นคำพูดของการให้สัมภาษณ์ของนักเรียนไทยที่กลับมา เพราะกระบี่เป็นสนามบินเล็ก...หรือเปล่า?
แต่ถ้าคุณมีภาวะผู้นำคุณต้องรู้เลยว่าสนามบินนานาชาติมีกี่แห่ง คุณต้องจัดการตรวจเข้มให้หมด จนขณะนี้ประเทศจีนเขาปิดประเทศแล้ว เขาห้ามไม่ให้กรุ๊ปทัวร์ออกมา แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคนจีนออกมานะ เพราะการมาเป็นเอกชนเขาก็ยังทำได้อยู่
สนามบินนานาชาติของเรา...มีความพร้อมทุกที่หรือเปล่า?
กระบี่ไม่มีค่ะ มีที่ไหนบ้าง มีเชียงใหม่ มีภูเก็ต มีกระบี่ อู่ตะเภา ดอนเมือง ก่อนหน้านี้ก็คือโอเคสุวรรณภูมิ แต่พอเขาประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น ก็มีการลดบทบาทลง แล้วมาเถียงกันว่าไม่ได้ไปไหน ยังเข้มข้น ดิฉันคิดว่านั่นเป็นการสับสนของการนำ
ตรงนี้ทั้งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งรัฐบาล เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ก็คือ ดักด่านประตูแรกในการเข้าประเทศ ทำไมคุณไม่ทำการคัดกรองให้ดี!!!
นอกจากนั้นที่น่ากลัวมากก็คือว่า โคโรนาไวรัสนี้ 15 วันแรกที่เขาไม่มีอาการ เขาเผยแพร่โรคได้ และคน 1 คน ทำให้ติดเชื้อต่อได้หลายสิบคน ขึ้นอยู่กับว่าคน ๆ นั้นออกไปสัมผัสคนมากน้อยแค่ไหน ขณะนี้เท่าที่ทราบคนที่ติดเชื้อหลายพันคนแล้วในประเทศจีน (นี่หมายความว่ายืนยันแน่ชัดแล้วว่าติดเชื้อ) แต่ติดเชื้อโดยไม่ได้ยืนยันอีก ดิฉันมองว่าหลายหมื่นแน่นอน
ตอนนี้ยอดผู้เสียชีวิตในจีน 80 ราย รวมผู้ป่วยติดเชื้อทั่วโลก (27 ม.ค. 63) 2,817 ราย มีผู้ป่วยเฝ้าระวัง 5,794 ราย ในจำนวนผู้ป่วยเฝ้าระวังนี้สามารถแพร่เชื้อไปคนละ 20 ราย มันจะกลายเป็นระดับหมื่น แล้ว 15 วัน ลองคูณเข้าไป ดิฉันว่าน่าจะเป็นร้อยเท่า ภายใน 1 สัปดาห์ จะมีผู้ป่วยเฝ้าระวังน่าจะเป็นนับแสนก็ได้ นี่คือความน่ากลัว!!!
และดังที่ทุกคนควรจะเข้าใจว่า "ไวรัส" เป็นโรคที่ไม่มียาบำบัดหรือฆ่าโดยตรง มีแต่รักษาตามอาการให้ร่างกายแข็งแรงดีขึ้น ขณะนี้มีข่าวว่าเอายาที่ใช้กับโรคเอดส์มาลองใช้ดู ซึ่งดิฉันก็ไม่แน่ใจว่ามันได้ผลแค่ไหนนะ เพราะว่าปกติ "ไวรัส" ยาทั่วไปฆ่าไม่ได้ แต่ยาต้านไวรัสเอดส์นั้นอาจจะเป็นความพยายามว่าเมื่อใช้กับเอดส์ได้ก็ลองเอามาใช้ดูไม่น่าเสียหายอะไร แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใช้ได้จริง มันเพิ่งมีบางราย แล้วขนาดหมอที่รักษาก็ยังเสียชีวิต
ดิฉันคิดว่ามันอาจดูไม่รุนแรงเท่า "ซาร์" ที่มีลักษณะเฉียบพลันอย่างรวดเร็ว แต่มันมีความน่ากลัวตรงที่ว่า เมื่อไม่แสดงอาการ แล้วไปอยู่กับคนปกติทั่วไป ก็สามารถเผยแพร่เชื้อได้ ดังนั้นโดยโมเดลนี้ดิฉันคิดว่าภายในหนึ่งสัปดาห์จะสามารถแพร่เชื้อได้นับแสนคน โดยเหตุนี้ประเทศจีนเขาจึงปิดประเทศเลย
แล้วประเทศต่าง ๆ เขาก็ส่งเครื่องบินไปรับคนของเขา ของเราคุยว่าเตรียมมาตั้งเดือนแล้ว ไม่รู้เตรียมจริงหรือไม่จริง แปลว่าวันนี้คงเตรียมเครื่องบินสำหรับไปรับ...หรืออย่างไร?
แต่ดิฉันถามว่าคุณเตรียมไปดักคัดกรองที่สนามบินทุกที่หรือเปล่า?
ดิฉันชอบคำพูดของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีประเทศจีน ที่ว่า
"ชีวิตคือสิ่งสำคัญสูงสุด ความรับผิดชอบคือการป้องกันและการควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนา"
ชีวิตคือสิ่งสำคัญสูงสุด ชีวิตประชาชนสำคัญไหมสำหรับรัฐบาลนี้ หรือรัฐบาลนี้คิดแต่เพียงว่าทำอย่างไรฉันจะอยู่ได้ไปถึง 20 ปี ตายไปบ้างก็ไม่เป็นไร ถ้าเป็นคนที่ความคิดล้าหลังจะไม่ให้ความสำคัญเท่าไหร่กับชีวิตคน แต่จะให้ความสำคัญกับอำนาจและความมั่นคงในอำนาจของตัวเองยิ่งกว่า
ถ้าคุณมัวเพลิดเพลินกับเรื่องรักษาอำนาจ ความย่อหย่อนในเรื่องชีวิตคน เช่นเรื่อง "ฝุ่น" ในทัศนะดิฉันนะ ง่ายที่สุดก็คือ คุณไปผลักดันให้ทำเครื่องกรองอากาศด้วย นอกจากการควบคุมที่ทุกคนรู้ เช่น ควบคุมการเผา ควบคุมมลพิษที่เกิดขึ้นทางอากาศ ทั้งหมดนี้ดิฉันคิดว่ายุทธศาสตร์ 20 ปีของท่านมันไม่ได้เกี่ยวกับชีวิตคนแบบนี้
เพราะฉะนั้น การปกครองที่ล้าหลัง ความคิดที่ล้าหลัง จะไม่ได้คิดถึงสิทธิชีวิตของมนุษย์ที่จะต้องมีอากาศบริสุทธิ์หายใจ มีน้ำที่สะอาดในการดื่ม มีอาหารเพียงพอ มีสุขภาพอนามัยที่ดี มันจะไม่ได้อยู่ในสมองเลยคิดแต่เรื่องความมั่นคงของตัวเองเป็นหลักอย่างเดียว
ระบอบที่ล้าหลังสร้างรัฐบาลที่ล้าหลัง และรัฐบาลที่ล้าหลังไม่มีประสิทธิภาพก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาของโลกาภิวัตน์ได้ คุณแก้ปัญหาไม่ทันหรอก ทั้งด้านเทคโนโลยี ด้านโรคติดเชื้อ แล้วก็การเมืองการปกครองและเศรษฐกิจอื่น ๆ ทั้งหมด
ข้อเรียกร้องของดิฉันก็คือ "ลงจากอำนาจ" ดิฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
ยุติการเมืองการปกครองที่ล้าหลัง!
ยุติรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพ!
รัฐบาลที่ไม่ได้ผ่านมาจากการเคี่ยวกรำของการเมืองภาคประชาชน
"ให้ประชาชนได้คัดสรรผู้มีความสามารถขึ้นมาเป็นรัฐบาล และสามารถเปลี่ยนเอาคนที่ไม่ดี เอาคนที่ไม่เก่งออกไปได้ เมื่อนั้นประเทศไทยจึงจะก้าวเดินไปได้ หาไม่นับจากนี้ไปดิฉันเชื่อได้เลยว่าจะเป็นภาวะทุกข์ระทมของประชาชนที่ความล้าหลังของระบบและของรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพค่ะ" อ.ธิดากล่าวในที่สุด