[ถอดเทป] นพ.เหวง โตจิราการ : ถ้าน้ำเงินได้ตั้งรัฐบาล
มีอำนาจเต็มที่จะทำสิ่งต่อไปนี้แน่!? : หมอเหวง
อ่านเกมชิงนายกฯ ส้มเปรอะเปื้อน จากรายการ MATItalk
โดย มติชนสุดสัปดาห์ (3 ก.ย. 2568)
[ทางออกของการเมืองไทย]
คำถาม : คุณหมอมองสถานการณ์ตอนนี้ยังไง
และเสนอทางออกอย่างไร?
คืออย่างนี้นะ
ที่จริงระบอบประชาธิปไตยมันมีคำตอบของมันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นใครที่ไปพูดถึงรัฐประหาร
หรือที่ไปพูดถึงทางเลือกอื่น ๆ เช่น มาตรา 5 อะไรต่าง ๆ
ผมคิดว่าคนนั้นเขาไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตย
หรือไม่ประสงค์ที่อยากจะได้ระบอบประชาธิปไตย
ขณะนี้ต้องเรียกว่าเกิดความโกลาหลปั่นป่วนทางการเมืองเกิดขึ้น
ทางเลือกที่เหมาะประการหนึ่งและผมเห็นว่าเหมาะที่สุดก็คือ “ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน”
เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจกันอีกทีว่าจะเลือกใคร/พรรคไหนเข้ามา
พอยุบสภาแต่ละพรรคก็ต้องไปทบทวนตัวเองว่าจะวางทิศทางนโยบายแนวทางการเมืองอย่างไร
ก็บอกให้ชัดออกไป เที่ยวนี้ผมเชื่อว่าทุกพรรคได้บทเรียนแล้วว่า
ใครทรยศหักหลังสัญญาประชาคมตัวเอง
ความนิยมและความเชื่อถือของประชาชนจะตกต่ำลงอย่างมหาศาล
และประชาชนจะวิพากษ์วิจารณ์กระทั่งโจมตีอย่างรุนแรงเลยถ้าหากว่าทรยศหักหลังต่อสัญญาประชาคมตัวเอง
เพราะฉะนั้น
การยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เพราะว่าพรรคการเมืองจะได้ไปไตร่ตรอง
ส่วนที่เป็นรัฐบาลมาแล้วจะได้ไปดูว่าที่ตัวเองบริหารมามันถูกต้องหรือเปล่า
ประเทศชาติบ้านเมืองเจริญขึ้นหรือเปล่า
ส่วนที่เป็นฝ่ายค้านก็จะได้ไปทบทวนตัวเองเหมือนกันว่าควรจะต้องเสนอนโยบายอะไร
แล้วประชาชนจะได้ดูแก่นแท้ ถ้าภาษาชาวบ้านเขาเรียก (ขออนุญาตนะ
อาจจะเป็นภาษาที่ดูแล้วไม่ไพเราะ แต่ความจริงมันก็คืออย่างนั้น)
คือจะได้รู้ว่าสันดานธาตุแท้ของพรรคการเมืองแต่ละพรรคเป็นอย่างไร แล้วก็ตัดสินใจได้
[อ่านเกม ส้ม-น้ำเงิน-แดง]
คำถาม : นาทีนี้ “ส้ม”
เหมือนจะอยู่บนทางแพร่ง เลือกอันไหนก็เจ็บ คุณหมอพอจะอ่านเกม หรือมีคำแนะนำ
หรือมองอย่างไร
คืออย่างนี้นะ
อย่างที่ผมพูดประเด็นเมื่อสักครู่นี้ ตอนนี้มันมีความโกลาหลปั่นป่วนทางการเมือง แล้วก็สองปีที่ผ่านมา
ถ้ามองในแง่ที่ว่าประเทศชาติเสียหาย หรือถอยหลัง
หรือว่าไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าก็มองได้ แต่มันก็มองในด้านดีได้ว่า
ทำให้ประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้งคนโลกได้เห็นว่าสองพรรคการเมืองที่จัดตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศชาติมาเป็นรัฐบาล
เรียกว่า น้ำเงินกับแดง ก็แล้วกัน สองพรรคนี้ระหว่างสองปีที่ผ่านมาเปิดอย่างร่อนจ้อนเลยว่ามีแผลเหวะหวะ
ถ้าเป็นภาษาชาวบ้านหน่อยก็คือว่าแผลมันเน่าเหม็นไปทั้งหมด คนได้กลิ่นไปทั้งหมด
ทั้งสองพรรคเลย
เพราะฉะนั้นในเมื่อมันมีแผลเหวอะหวะ
“ส้ม” จะเลือกพรรคไหน จะเทคะแนนให้กับพรรคไหนก็ล้วนแล้วแต่มีปัญหาทั้งสิ้น
เพราะว่าเขาจะมองในอนาคตบอกว่าก็เพราะคุณนี่แหละก็เลยทำให้ “แดง” ขึ้นมาเป็นรัฐบาลได้
ก็เพราะคุณนี่แหละทำให้ “น้ำเงิน” ขึ้นมาเป็นรัฐบาลได้ ทั้ง ๆ ที่ “แดง” มีแผลเหวอะหวะ
มีแผลที่เน่าเฟะเหม็นเน่าเยอะแยะ รวมทั้ง “น้ำเงิน” ก็เหมือนกันนะ ก็คุณไปเทให้เขา
ก็เลยทำให้เขาขึ้นเป็นรัฐบาล เพราะฉะนั้นคุณต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย
“พรรคส้ม” ผมว่าตอนนี้อยู่ในฐานะที่ลำบากมาก
แต่ว่าตรงนี้ผมก็มองเห็นเจตนาดีของเขา คือจริง ๆ เขาต้องการยุบสภา
แต่ว่าตัวเขาเองดำเนินการไม่ได้ มันต้องมีรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญขึ้นมา
แล้วเขาก็เลยตั้งเงื่อนไขไง คือเขาเพียงแต่ต้องการให้ยุบสภา เขาเลยหาทางเพื่อที่จะให้เกิดรัฐบาลขึ้นให้ได้
วิธีการที่จะให้เกิดรัฐบาลขึ้นให้ได้ก็คือเขาต้องเข้าไปสนับสนุน
ในตอนนี้เขาลำบากมาก คือไปสนับสนุน “แดง” ก็มีปัญหา
ก็จะถูกโจมตีหรือวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ไปสนับสนุน “น้ำเงิน”
ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน ฉะนั้นเขาลำบากมาก
แต่ว่าถ้ามองเจตนาดีเขาคือเขาต้องการยุบสภา เขาก็เลยกำหนดเงื่อนไข 4 เดือน
และกำหนดเงื่อนไขว่า
พรรคที่เขาจะเลือกคือพร้อมที่จะดำเนินการให้เกิดการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมี
สสร. ด้วย เขาเลยตั้งเงื่อนไขขึ้นมา
แต่ผมดูแล้วทั้งสองส่วนคงไม่สามารถทำตามที่
“ส้ม” ต้องการได้ เพราะสองปีที่ผ่านมามีโอกาสเยอะแยะเลยในการที่จะทำ “น้ำเงิน” เองปฏิเสธแล้วก็คว่ำการประชุมเมื่อวันที่
13 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา แสดงว่าเขาไม่มีความปรารถนา
ไม่มีความตั้งใจในการที่จะทำเลย ส่วน “แดง” ก็เหมือนกัน คุณเป็นรัฐบาลตั้งแต่ 2566
คุณดันผ่าไปตั้งคณะกรรมการศึกษาเพื่อที่จะจัดทำประชามติในการที่จะยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
แต่ความจริงก็คือคุณเสียเวลาตั้งแต่ 13 กันยายน มาจนถึง 13 กุมภาพันธ์ 2568 ฟรี ๆ
เลย
ได้เพียงแค่ประโยคเดียวซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เวลาตั้งปีครึ่งในการที่จะไปหาประโยค
ก็คือว่าได้ประโยคที่จะมาถามประชาชนว่าประชาชนเห็นด้วยไหมที่จะให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
โดยไม่เกี่ยวข้องกับหมวด 1, หมวด 2 แค่นั้น แล้วไม่มี สสร. ด้วย
ซึ่งอันนี้เป็นการที่ไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาประชาคมที่คุณให้ไว้กับประชาชน
เพราะฉะนั้น
“ส้ม” ลำบากมาก เลือกอะไรก็เสร็จทั้งนั้น แต่ถ้ามองเจตนาดีของเขานะ เขาต้องการที่จะให้มทีการยุบสภา
แต่เขาทำไม่ได้ ต้องมีรัฐบาลขึ้นมาก่อน แล้วก็เลยกำหนดเวลา 4 เดือน
ซึ่งก็มีคนกังขามากว่า 4 เดือน สมมุติว่าสองส่วนนะ ทั้ง “แดง” ทั้ง “น้ำเงิน”
จริงใจนะ 4 เดือนก็อาจจะลำบาก แต่จริง ๆ แล้วสำหรับผมประเมินว่า ทั้ง “แดง” ทั้ง “น้ำเงิน”
ไม่จริงใจในการที่จะให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย สสร. ครับ
ถ้าชั่งน้ำหนักของข้อเสีย
“น้ำเงิน” จะมีข้อเสียมากกว่า “แดง” ถ้ามองอย่างนี้นะ
[ถ้าน้ำเงินมีอำนาจเต็ม]
คำถาม : อันตรายของการที่สมมุติว่าขั้วน้ำเงินได้มีอำนาจเต็มรูปแบบ
เกิดอะไรขึ้นได้บ้างในทางการเมืองไทย
หนึ่งก็คือ
สิ่งที่สัญญาไว้ก็จะไม่ทำ เขาจะทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ตัวเอง
ก็คือทำเพื่อที่จะให้ตัวเองมีอำนาจยาวนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่า “แดง”
หรือ “น้ำเงิน” ถ้าสมมุติ “ส้ม” เทให้ ไม่ว่า “แดง” หรือ “น้ำเงิน” ได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล
เขาก็จะหาวิธีการในการที่จะอยู่ให้ยาวที่สุด ฉะนั้นที่ “ส้ม”
บอกว่าจะใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจในการที่จะล้มพวกที่ไม่รักษาคำมั่นสัญญา
ผมไม่เชื่อเลยว่า “ส้ม” จะทำสำเร็จ เพราะว่ากลอุบายทางการเมืองและข้ออ้างทางการเมืองมีสารพัดเยอะแยะไปทั้งหมด
ข้อที่หนึ่งก็คือว่าตั้งรัฐบาลแล้วเขาก็จะอยู่ยาว ผมเชื่อของผมเองนะ
เขาจะไม่รักษาคำมั่นสัญญาสักอย่างเลย แล้ว “ส้ม”
ก็ไม่สามารถที่จะดำเนินการลงโทษอะไรเขาได้ สำหรับผมตอนนี้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนทันทีเลย
โดยไม่ต้องไปดำเนินการเรื่องอื่น
คำถาม : สมมุติว่า “น้ำเงิน” ขึ้นมา
แล้วเบ็ดเสร็จทุกอย่างเลย สว.ก็มี อำนาจบริหารก็มี สว.ก็แต่งตั้งองค์กรอิสระได้อีก
ใครจะยื่นเรื่องอะไร นักร้องมีกี่ร้อยคนก็น่าจะเอาผิดยาก ตรงนี้อันตรายไหมครับ?
ก็อย่างที่ผมเรียนเมื่อสักครู่นี้นะ
คือ สว. มีอำนาจโดยการกำหนดของรัฐธรรมนูญ คสช.
ในการแต่งตั้งองค์กรอิสระสารพัดองค์กรเลย
และองค์กรอิสระสารพัดองค์กรนี้มีอำนาจมากกว่า สส.
ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั่วทั้งประเทศ ยกตัวอย่างเช่น ศาลรัฐธรรมนูญ
รวมทั้งยังมีเรื่องปฏิรูปการเมือง (ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี)
เรื่องจริยธรรมของนักการเมืองที่ร่างโดยศาลรัฐธรรมนูญ ฉะนั้น “น้ำเงิน”
จะคุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเลย ดังที่ทางคณะ คสช. เขาประสงค์ที่อยากจะให้ทางกลุ่มอำนาจนิยมคุมอำนาจเด็ดขาดในรัฐธรรมนูญฉบับปี
2560 ฉะนั้นนี่อันตรายมาก พอเขามีอำนาจเด็ดขาดโอกาสที่คดีความต่าง ๆ
มันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะวิธีการดำเนินคดีมันมีเยอะแยะ
ตั้งแต่การประมวลหลักฐาน จากเจ้าหน้าที่ไปทำ พยานหลักฐานอะไรต่าง ๆ
มีโอกาสที่จะเนรมิตอะไรก็ได้ เพราะฉะนั้น น่ากลัวครับ!
คำถาม : ถ้าเรามองการเมืองไทยแบบที่มีอำมาตย์
มีอนุรักษ์นิยม มีอำนาจนิยม มีเบื้องหลัง มีมือที่มองไม่เห็น ณ
นาทีนี้เขาต้องเลือก “น้ำเงิน” ถูกมั้ยครับ? ตัวอำนาจนิยม คุณหมอประเมินอย่างไร
คือผมประเมินจากการสืบทอดอำนาจของคณะคสช.
เขาฉลาดมากในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 เพราะเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากในการที่ทำให้เขาคงอำนาจอยู่อย่างยาวนาน
ในที่สุดก็ปรากฏชัดเลยว่าขณะนี้มาแสดงออกที่ “น้ำเงิน” แน่นอนว่าฝั่งอนุรักษ์นิยม
หรือฝั่งอำนาจนิยม เขาคงประสงค์ที่อยากจะให้โครงสร้างทางอำนาจของเขาสัมฤทธิ์ผลจากการยึดอำนาจ
และจากการที่ออกรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 สืบทอดยืนยาวต่อไปอีกยาวนาน ถ้าหาก “ส้ม”
เทให้กับ “น้ำเงิน” แล้ว “น้ำเงิน” ขึ้นมามีอำนาจ
โอกาสจะลำบากมากในการที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่แข็งแรง
คำถาม : ถ้าจะบอกว่า “น้ำเงิน”
เป็นทายาทของกลุ่มเครือข่ายเก่า มองอย่างนั้นได้มั้ย?
ดูบุคลากรที่ไหลเทลงมาที่
“น้ำเงิน” และรวมทั้งดูจากบทบาทของ “น้ำเงิน” จริง ๆ ถ้าถอยหลังไป ไม่เพียงแต่ “สว.น้ำเงิน”
ยังมี “เชิ๊ตน้ำเงิน” ที่ไปล้มการประชุมอาเชียนที่พัทยา สำหรับผมถือว่า “เชิ๊ตน้ำเงิน”
นี่แหละเป็นเหตุ เพราะว่า “เชิ๊ตน้ำเงิน” ไปรุมทำร้ายคนเสื้อแดง ใช้ความรุนแรงและใช้ปืนด้วยนะ
จนคนเสื้อแดงจำเป็นต้องถอยหลังกลับเข้าไป เพราะฉะนั้น
ผมอยากจะให้พี่น้องประชาชนทั้งหลายอย่าลืมว่า “น้ำเงิน” เพิ่งมี สว. ในวันนี้ มันมี
“เชิ๊ตน้ำเงิน” ตั้งแต่ปี 2551-2552-2553 แล้ว มันชัดเจนว่า “น้ำเงิน”
กับทางฝ่ายอำนาจนิยมเขาจับมือกันอย่างเหนียวแน่น ถ้าย้อนกลับไปอีกทีนะ
รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เขาไปคุยกันในค่ายทหาร
โดยมีปัจจัยสำคัญก็คือมีพรรคภูมิใจไทยเกิดขึ้นไปร่วมกับพรรคอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
คือพรรคประชาธิปัตย์ ฉะนั้น “น้ำเงิน” เขาเหนียวแน่น หรือจับมือใกล้ชิด
หรืออาจจะกล่าวได้ว่า (ผมเดานะ เพราะผมไม่มีหลักฐานเลย)
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับฝ่ายอำนาจนิยม
คำถาม : ช่วงที่คุณหมอได้ต่อสู้ตอนปี
2552-2553 นอกจากเรื่องที่พัทยาแล้ว กลไก “น้ำเงิน” เข้ามาเกี่ยวข้องอะไรอีกมั้ย?
ที่สำคัญที่สุดก็คือเขาตั้งใจจะฉีกออกมาจากพรรคพลังประชาชน
โดยตั้งใจจะให้พรรคพลังประชาชนอ่อนลง ตั้งใจก่อให้เกิดทางเลือกอีกทางหนึ่ง
ก็คือไปร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อที่จะดึงเอาอำนาจมาสู่ขั้วนี้
ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์นั้นพี่น้องประชาชนก็คงเห็นแล้วนะว่าเขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับฝั่งอำนาจนิยม
หรือทางฝั่งขวา “น้ำเงิน” มีบทบาทตั้งแต่ตอนนั้นแล้วครับ ในการที่จะไปสร้างอำนาจ
ต่อรองอำนาจ ในการที่จะคานกับฝั่งประชาธิปไตย
ตอนนั้นพรรคพลังประชาชนก็ยังเป็นฝั่งประชาธิปไตยอยู่เต็มที่เลย แต่วันนี้เพื่อไทยเขาข้ามขั้วตระบัดสัตย์ไปร่วมกับทางฝ่ายพรรคที่สืบเนื่องมาจากคสช.
มันก็เลยกลายเป็นตอนนี้มันไม่ได้มี “สามก๊ก” นะ มีแค่ 2 ฟากแค่นั้นเอง คือฟากอำนาจนิยมพวกขวาจัด
หรือพวกทหารนิยม หรือเผด็จการ กับฝั่งเสรีประชาธิปไตย ใครที่ยืนคร่อมจะถูกสถานการณ์ที่เป็นจริงฉีกร่างเอง
เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะยืนคร่อมทั้งสองฝ่าย
วันนี้สำหรับผม
เพื่อไทยเขาข้ามขั้วไปเรียบร้อยแล้ว เขาอยู่อีกฝั่งหนึ่ง คุณจะไปบอกว่ามีสามก๊ก
มันไม่ได้ มันมีสองฝั่งเท่านั้นเอง เพียงแต่ฝั่งโน้นมันกำลังทุบตีกันอย่างอุตลุดเพื่อแย่งอำนาจกันเท่านั้นเอง
นี่ก็เป็นแก่นแท้ของพรรคการเมือง/นักการเมือง และเป็นแก่นแท้ของคน
คือต้องแย่งอำนาจ อำนาจต้องเป็นของข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
[เพื่อไทยจะกลับมา?]
คำถาม : พรรคเพื่อไทยยังกลับมาให้คนศรัทธาได้อีกมั้ย?
ยากมั้ยการบ้าน
ผมว่ายากแล้ว
เพราะว่าเขามีโอกาส 2 ปี แต่เขาไม่ทำ อย่างเช่น การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยให้ประชาชนมีการเลือก
สสร. ที่จริงการจะมาอ้างว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสิน 2 ครั้ง หรือ 3 ครั้ง มีสิทธิ์อ้างได้
แต่จริง ๆ ถ้าความจำผมไม่ผิดนะ ศาลรัฐธรรมนูญท่านได้ชี้แล้วนะว่าประชามติ 2 ครั้ง
คุณก็ลงไปเลยซิครับ คือเข้ามาเดือนพฤษภาคม 2566 เลือกตั้งใช่มั้ย
แล้วจัดตั้งรัฐบาลได้ดูเหมือนจะเป็นเดือนสิงหาคม 2566 คุณก็จัดทำประชามติเลย
ให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศลงความเห็นว่าเห็นด้วยมั้ยที่จะให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย
สสร. จากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ก็ลงมือไปเลยตั้งแต่เดือนสิงหาคม
2566 ประมาณมกราคมก็เลือก สสร. ได้แล้ว มาวันนี้เราก็คงได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้แล้ว
แต่เพื่อไทยเขาไม่ทำ
อย่างเรื่อง
112 เขาบอกว่าจะคุยกัน คุณชัยเกษม นิติสิริ เขาพูดนะว่ามาคุยกันได้ ไม่รู้เป็นประเด็นนี้หรือเปล่านะทำให้ทางเพื่อไทยเขาอาจจะมีความรู้สึกหมองหมางกับคุณชัยเกษมหรือเปล่า
ผมไม่รู้นะ เพราะผมไม่ได้อยู่กับเพื่อไทยและไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว ฉะนั้น
112 เขาก็ไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ และข้อต่อมาคือคำมั่นสัญญาในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็ล้มเหลวทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลวอลเล็ต แล้วตอนหลังจะพยายามคิดเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ขึ้นมาเพื่อที่จะแก้ปัญหาดิจิทัลวอลเล็ตก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็เสียหาย และที่บอกว่าเจรจาภาษีทรัมป์ 19%
ไม่ใช่ฝีมือคุณครับ
ต้องบอกว่าเป็นฝีมือของทรัมป์ต่างหากในการที่บังคับให้สองประเทศมาคุยกัน
ถ้าคุณไม่คุยกันผมไม่ให้คุณ กัมพูชาก็ 49 ของเราก็ 36
ความที่ทรัมป์มาบังคับก็เลยทำให้กัมพูชากับไทยจำเป็นต้องมาคุยกันที่มาเลเซียจึงได้มาซึ่ง
19 นี่ไง
แล้วจากการบริหารแผ่นดินมา
2 ปี ผมยังไม่เห็นเลยนะว่าประสบความสำเร็จอะไร แต่เห็นด้านความล้มเหลวมากกว่า
นอกจากทางการเมืองแล้วก็ยังทางเศรษฐกิจด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วผมคิดว่าคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยแทนที่จะกลับคืนมาคงจะลำบาก
แล้ววันนี้เห็นชัด ๆ เลย ทันทีพอฝ่าย “น้ำเงิน” ดูท่าทางว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้
มีคนในพรรคเพื่อไทยไหลออกมา ผมไม่ได้เชื่อนะ แต่ผมก็ฟังจากข่าวว่าจะมีจำนวนเป็นสิบ
ๆ อาจจะ 30 หรือ 50 หรืออะไรก็ไม่รู้
แค่นี้เองก็เห็นชัดแล้วว่าพรรคเพื่อไทยก็สั่นสะเทือนอย่างหนักหน่วงแล้ว
พอถึงวันเลือกตั้งจริงผมก็คิดว่าอาจจะมีอีกจำนวนหนึ่งที่ไหลออกอีก
ฉะนั้นพรรคเพื่อไทยก็อาจจะขาด สส. ที่เป็นตัวเต็ง หรือที่เป็นพลังดึงดูดไปเยอะ
ขณะเดียวกันตัวเพื่อไทยเอง
แรงดึงดูดทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ มันไม่มีแล้วครับ ผมดูแล้วเพื่อไทยอนาคตข้างหน้าผมว่าริบหรี่ครับ
คำถาม : จะถูกย่อไซส์มั้ยอนาคตจากพรรคขนาดใหญ่จะเหลือขนาดกลาง
แล้วก็จะเหมือนประชาธิปัตย์โมเดลที่จากเคยใหญ่
มีความเป็นไปได้
แล้วดูจากการตัดสินใจครั้งนี้ ผมจึงอยากจะเตือน “ส้ม” ว่า สมมุติถ้าคุณตัดสินใจเอา
“น้ำเงิน”
อย่าลืมนะครับว่าเรื่องสว.สีน้ำเงินที่มีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องกับพรรคน้ำเงิน
มันจะเปรอะเปื้อนตัวพวกคุณด้วยนะ เปรอะเปื้อนพรรคส้มด้วย แล้วคุณต้องไปรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วยนะ
แล้วความรับผิดชอบตัวนี้มันจะยาวไกลไม่มีวันสิ้นสุดเลยนะ เพราะฉะนั้นคิดให้ดี!!!
คือประชาชนเขาจะบอก
เอ้ย...วันนั้นคุณก็รู้อยู่แล้วนะว่าน้ำเงินเขามีส่วนพัวพันกับสว.สีน้ำเงิน
แล้วทำไมคุณยังตั้งใจที่จะไปเทคะแนนให้เขาเพื่อให้เขาจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาได้
เวลาที่เขาจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมา ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
แต่ผมวิเคราะห์ของผมเองว่าเขาจะอยู่ยาวเกิน 4 เดือน
เพราะมันมีเหตุผลมากมายในการที่จะอธิบาย
ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณต้องรับผิดชอบความเสียหายที่น้ำเงินเขาก่อขึ้น
ตัวคุณเองก็จะลำบากด้วยเพราะว่ามันจะแปดเปื้อนตัวคุณเองซึ่งจะลบไม่หายด้วย
[เลือกตั้งคือทางออก]
คำถาม : ทางออกระยะยาวที่ไม่ต้องไปพึ่งพาอำนาจนอกระบบ
ให้ประชาธิปไตยมันเดินไปได้สำหรับประเทศไทย เป็นอย่างไร?
คือผมคิดว่าให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด
อย่างที่ผมบอก เพราะไม่ว่า “แดง” ก็ดี “น้ำเงิน” ก็ดีขึ้นมาเป็นรัฐบาลขณะนี้นะ
ความสง่าผ่าเผย ความสามารถ ประสิทธิภาพอะไรต่าง ๆ มันเสื่อมทรุดไปหมดแล้ว
ควรจะยุบสภาเลย แล้วยุบสภาผมเสนอให้พรรคการเมืองทุกพรรคลองพิจารณาดูว่า ให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
โดยที่พรรคการเมืองสามารถที่จะนำเสนอได้เลย เช่นควรจะมีองค์กรอิสระมั้ย?
ถ้ามีองค์กรอิสระ ควรจะเกี่ยวข้องกับประชาชนมั้ย? ผูกพันกับประชาชนมั้ย? ประชาชนตรวจสอบองค์กรอิสระได้มั้ย?
และศาลรัฐธรรมนูญควรจะวิพากษ์วิจารณ์ได้มั้ย? อะไรอย่างนี้เป็นต้น
หรือศาลรัฐธรรมนูญควรจะเกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง และจะอย่างไร?
ที่สำคัญขณะนี้ก็คือองค์กรอิสระที่มีบทบาท
และข้อต่อมาคือ สว. ควรจะมีมั้ย? ถ้ามี สว. จะมีอำนาจมากมายขนาดนี้มั้ย?
แล้วจะตรวจสอบ สว. อย่างไร? ควรจะมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรงมั้ย?
หรือว่าควรจะมาจากการซาวเสียงของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
เพราะว่าสภาผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของพี่น้องประชาชน ถ้าหากว่าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเขาซาวเสียงเพื่อเลือก
สว. ก็อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นการมาจากประชาชนโดยอ้อม อย่างนี้เป็นต้น ฉะนั้น
ไปแก้รัฐธรรมนูญเถอะครับ เพราะว่าบ้านเมืองที่ลำบากเดินหน้าไปไม่ได้ขนาดนี้
เพราะว่าโครงสร้างที่ทางทหารเผด็จการก็คือ คสช.
เขาตั้งใจจะก่อให้เกิดขึ้นในสังคมไทยมันสัมฤทธิ์ผล แล้วมันมั่นคง และกำลังขยายตัวไปอย่างรวดเร็วใหญ่โต
ฉะนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องถอดรื้อโครงสร้าง
โดยการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเต็มที่
และเป็นประโยชน์ต่อประชาธิปไตยเต็มที่ อย่างนี้ประเทศจะเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
และจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ด้วยครับ ปัญหาการเมือง การศึกษา สังคม วัฒนธรรม
จะแก้ได้หมดเลยครับ
คำถาม : เราพูดถึงฉากทัศน์การยุบสภา
เราพูดถึงชัยเกษม เราพูดถึงอนุทินไปแล้ว มีอีกฉากทัศน์หนึ่งคือฉาก “ลุงตู่”
คุณหมอประเมินอย่างไร?
ผมว่าโอกาสจะเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
เพราะว่า “ส้ม” เขาไม่เอาแล้ว สมมุติ 490 – 140 เหลือ 350 ฉะนั้นถ้าคุณจะเอาลุงตู่กลับมานะ
คุณต้องเอา 350 เป็นพวกเดียวกันทั้งหมด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะว่า “แดง” ก็ไม่เอา “น้ำเงิน”
ส่วน “น้ำเงิน” ก็ไม่เอา “แดง” ยกเว้นเขาจะเปลี่ยนใจไปจับมือกันได้ มีกรณีเดียวคือ
“น้ำเงิน” กับ “แดง” จับมือกันได้ ลุงตู่จึงจะกลับมาได้
ซึ่งโอกาสที่มันจะเกิดขึ้นเป็นไปได้ยากมาก
คำถามปิดท้าย : คุณหมอมีความหวังต่อประชาธิปไตยในบ้านเมืองนี้อย่างไร?
มีครับ
เพราะว่าจริง ๆ ถ้าเรามองดูความระส่ำระสาย หรือความปั่นป่วน
ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้นะ ผมว่าอย่าไปรำคาญ อย่าไปหงุดหงิด
เพราะว่าความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นมันให้การศึกษากับประชาชน
ประชาชนจะได้เห็นว่านี่ไง!
ฝั่งเดียวกันยังแยกกัน แตกกัน เพื่อจะแย่งอำนาจกันได้ แล้ว “แดง”
กับ “น้ำเงิน” ก็ใช่ว่าจะดีวิเศษเลิศลอย มีบาดแผลเต็มตัวเหวอะหวะไปทั้งหมด “ส้ม”
เองก็อยู่ในฐานะที่ทำอะไรไม่ได้ ทั้งนี้เพราะว่ารัฐธรรมนูญ 2560 มันกันไว้เลย
ในรัฐธรรมนูญ 2560 เท่ากับประกาศชัดเจนเลยนะไม่เอา “ส้ม”
เพราะฉะนั้น
ประชาชนจะได้เรียนรู้ ได้มีความตื่นตัวทางการเมืองเกิดขึ้น เขาได้เรียนรู้เลยว่าปัญหาสำคัญอยู่ที่รัฐธรรมนูญ
ผมเชื่อว่าขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่ตกผลึกแล้วว่าควรจะต้องมีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยการเลือก
สสร. ซึ่งถ้าตกผลึกเรื่องนี้จริง ๆ นะ ประชามติมันก็จะฉลุย แล้วจะได้ สสร.
ที่มีคุณภาพดี เพราะเรียนรู้ปัญหาทางการเมืองทั้งหมดแล้ว
และจะได้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิไตยและทำให้ประชาธิปไตยแข็งแรงขึ้นได้
ฉะนั้น ผมมองด้านบวกครับ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #พรรคเพื่อไทย #พรรคภูมิใจไทย #ยุบสภา #โหวตนายก