วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

“บิ๊กคลีนนิ่งเดย์” อีกหนึ่งวันที่เจ็บปวดของฝ่ายประชาธิปไตย ที่หลักฐานการฆ่าประชาชนกลางเมืองถูกทำลายจนหมดสิ้น

 




“บิ๊กคลีนนิ่งเดย์” อีกหนึ่งวันที่เจ็บปวดของฝ่ายประชาธิปไตย ที่หลักฐานการฆ่าประชาชนกลางเมืองถูกทำลายจนหมดสิ้น

 

หลังการสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในยุทธการกระชับวงล้อมพื้นที่ราชประสงค์ของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้จบลงในวันที่ 19 พ.ค. 53 โดยมีประชาชนเสียชีวิตร่วมร้อย บาดเจ็บนับพันราย อันเป็นผลจากปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งอยู่ในการควบคุมของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้อำนวยการ

 

ต่อมา ศอฉ. ได้ส่งมอบพื้นที่การชุมนุมให้กับกรุงเทพมหานครเพื่อดำเนินการทำความสะอาดและปรับปรุงพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย และในวันที่ 23 พ.ค. 53 ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัทธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ในขณะนั้น) ได้นำเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรุงเทพมหานครและประชาชนจิตอาสากว่า 3,000 คนร่วมกันระดมเข้าฉีดน้ำล้างทำความสะอาดถนน ทางเท้า ทาสีทับบริเวณเสา สะพาน สถานที่และถนนสายต่าง ๆ ทุกพื้นที่การชุมนุมและที่มีการฆ่าประชาชนในเหตุการณ์พฤษภา 53

 

ที่เฟซบุ๊ก Weng Tojirakarn ได้เคยโพสต์ถึง “บิ๊กคลีนนิ่งเดย์” เมื่อ 23 พ.ค. 63 โดยคุณหมอเหวงได้ให้ความเห็นเอาไว้ว่า

 

“บิ๊กคลีนนิ่งเดย์” คือวันจงใจทำลายหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ของการฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางเมืองเมื่อพฤษภา 53 ไปจนหมดสิ้น

 

ทุกคนที่ไม่ได้เรียนกฎหมาย ไม่ได้เรียนตำรวจ ไม่ได้เกี่ยวข้องทางด้านนิติศาสตร์เลยแม้แต่น้อย ก็พอจะรู้ว่าในคดีอาชญากรรมทุก ๆ คดี หลักฐานเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่จะนำอาชญากรมาดำเนินคดี

 

ดังนั้นอาชญากรที่มีสติปัญญาไหวพริบในการก่ออาชญากรรมทุกคนล้วนทำลายหลักฐานของการก่ออาชญากรรมของตนให้ไม่เหลือหลอเพื่อที่ตนเองจะได้พ้นเงื้อมมือกฎหมายลอยนวลภายหลังการก่ออาชญากรรมไปได้เพื่อไปก่ออาชญากรรมครั้งต่อ ๆ ไป

 

“การฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางเมืองเมื่อพฤษภาคม 2553” น่าจะเริ่มลงมือภายหลังจาก “เล็งยิงกบาลเสธ.แดง พล.ต.แห่งกองทัพบก โดยการดำเนินไปตามแผนอำมหิตของศอฉ.” เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2553

 

ซึ่งใน “เสนาธิปัตย์” วารสารกรมยุทธศึกษาทหารบกได้เขียนไว้ชัดเจนว่า ต้องกำจัด “เสธ.แดง” ภายหลังกำจัดฝ่ายนำทางการเมืองคือ วีระ มุสิกพงศ์ ได้แล้ว

 

ฝ่ายศอฉ.ถือว่า “เสธ.แดง” เป็นฝ่ายนำทางการทหาร

ซึ่งเป็นเรื่องโกหก เพราะคนเสื้อแดงนปช.ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ ไม่ได้ต่อสู้ด้วยอาวุธ เป็นเพียงการต่อสู้ทางการเมืองล้วน ๆ

 

จึงเริ่มมีการเล็งยิงประชาชนกระจายเป็นบริเวณกว้าง ตั้งแต่สนามมวยลุมพินี (เดิม)  ที่ถนนพระราม4 แถวบ่อนไก่ แถวสี่แยกสวนลุมพินี ตัดถนนสาธร แถวถนนสีลม แถวถนนราชปรารภ แถวประตูน้ำ แถวสามเหลี่ยมดินแดง แถวอนุสาวรีย์ชัย แถวถนนสีลม แถวถนนสุขุมวิทพุ่งตรงไปยังเซ็นทรัลชิดลม และบริเวณโดยรอบเวทีใหญ่สี่แยกราชประสงค์

 

ดังนั้นฆาตกร ทิ้งร่องรอยไว้จำนวนมาก ถ้าให้ผู้เชี่ยวชาญในการพิสูจน์หลักฐานที่เที่ยงธรรมเข้าไปเก็บหลักฐานทุกชนิด ตั้งแต่ภาพถ่ายไปจนถึงวัตถุต่าง ๆ ที่น่าสงสัย ก็จะสามารถปะติดปะต่อภาพของการ “ฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางเมือง” ได้ไม่ยากและสาวลึกลงไปจนถึงชื่อพลทหาร นายทหาร ผู้บังคับบัญชาการฆ่าทั้งหมดได้

 

ดังนั้นฟากอาชญากรจึงสร้างกระแส “บิ๊กคลีนนิ่ง” ขึ้นมา เพื่อทำลายหลักฐานของการฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางเมืองให้หมดสิ้น หรือให้มากที่สุดจนไม่อาจจะต่อภาพของการ “ฆ่าประชาชนกลางเมือง” ได้

พวกที่เข้าร่วมใน “บิ๊กคลีนนิ่ง” ก็รู้ดีว่า นี่คือการทำลายหลักฐานอย่างเป็นระบบครั้งมโหฬารและเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายความมั่นคงรวมไปถึงฝ่ายรักษาความยุติธรรมทั้งหลายก็รู้ดี แต่ไม่เห็นมีการห้ามปรามหรือ กล่าวถึงแม้สักนิด

 

นี่เป็นการชี้บ่งชัดเจนว่า เป็นการดำเนินการของ “ฝ่ายฆ่าประชาชน” ต้องการสร้างมาตรการที่ทำลายหลักฐานทั้งหมดทำให้ไม่สามารถสาวถึงตัวพวกเขาได้

 

ยิ่งเป็นการยืนยันว่า “การฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางเมืองปี 2553 นั้น” เป็นการกระทำของฝ่ายรัฐ ฝ่ายศอฉ. ฝ่ายรัฐบาลอภิสิทธิ์ นั่นเอง

 

คนที่เข้าร่วมใน “บิ๊กคลีนนิ่ง” ครั้งนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากเครื่องมือ หรือผู้ช่วยสำคัญในการฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางเมือง ทางกฎหมายถือว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมโดยตรงในการกระทำฆาตกรรม

 

#11ปีพฤษภา53 #บิ๊กคลีนนิ่งเดย์

#นปช #คนเสื้อแดง

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์


ประมวลภาพกิจกรรม "บิ๊กคลีนนิ่งเดย์" 

(ขอบคุณทุกเจ้าของภาพ)