วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2563

ธิดา ถาวรเศรษฐ : "โง่และขี้เกียจ" ยังไม่ค่อยกระทบกระเทือนองค์กรเท่า "โง่แล้วขยัน"


ยูดีดีนิวส์ : 10 ม.ค. 63 บทความล่าสุดของ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ในเฟสบุ๊คแฟนเพจได้ได้กล่าวถึงการภาษิตหรือข้อความ "โง่แล้วขยัน" ความว่า

ภาษิตหรือข้อความ “โง่แล้วขยัน” ที่ได้กล่าวไว้สำหรับประเมินคนทำงานในบริษัทหรือองค์กรใดก็ตามว่า มีคนอยู่ 4 แบบ

แบบที่ 1 ฉลาดและขยัน คนอย่างนี้ต้องเอาไว้องค์กรจะเจริญ ยกเว้นเจ้าของบริษัทหรือองค์กรโง่กว่า ก็จะไม่เอาไว้ใช้ เพราะทำให้หัวหน้าดูโง่ โดยทั่วไปคนแบบนี้จะอยู่รับราชการประเทศไทยไม่ได้ (ทั้งเจ้านายและลูกน้องจะหาเรื่องให้กระเด็น)

แบบที่ 2 ฉลาดแต่ขี้เกียจ เหมาะเป็นกุนซือ เป็นที่ปรึกษา ไม่เหมาะเป็นผู้ปฏิบัติงาน

แบบที่ 3 โง่และขี้เกียจ เหมือนคนรกองค์กรและเห็นเป็นหัวคนเดินไปมาเท่านั้น บริษัท ห้าง ร้าน และองค์กรทันสมัยก็จะไม่เอาไว้ แต่องค์กรข้าราชการก็จะเห็นคนแบบนี้ได้ทั่วไป

แบบที่ 4 โง่แล้วขยัน แบบนี้อันตรายต่อบริษัท ห้าง ร้าน และองค์กร สุด ๆ เอาไว้ไม่ได้เลย แต่ถ้าเจ้านายบริษัทใด องค์กรใดเป็นแบบนี้เสียเอง บริษัทนั้น องค์กรนั้นก็พังแน่นอน เพราะโง่และขี้เกียจ ยังไม่ค่อยกระทบกระเทือนองค์กรเท่า โง่แล้วขยัน

ปัญหาคือ เราจะประเมินรัฐบาลทหารที่ลากมาจาก คสช. ถึงบัดนี้ว่าอยู่ในกลุ่มใด จะเป็นแบบที่ 3, แบบที่ 4 ได้หรือไม่ ?  แรงไปไหม ????

ถามว่าทำไมต้องประเมินถึงขั้น “โง่แล้วขยัน” (แบบที่ 4) ก็เพราะท่านพูดของท่านเองทั้งนั้น ยกตัวอย่างใหม่ ๆ ดังเช่น 

ท่านนายกฯ กล่าวว่า นั่งเขียนหนังสือ นั่งคิดทุกวัน แม้เสาร์-อาทิตย์ แล้วเสียเวลาพูด จนสมองหายไปครึ่งหนึ่ง (น่าจะจริง!!!) เลยแนะนำให้แก้ความเค็มของน้ำประปาโดยการเอาไปต้ม 

ด้านโฆษกรัฐบาลซึ่งเป็นถึงศาสตราจารย์ (ไม่ทราบด้านไหน) สมองอาจหายไปส่วนหนึ่ง (น้อยกว่านายกฯ) แนะนำให้ลดเครื่องปรุงลงในการทำกับข้าว! 

ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศ (ขออภัยจริง ๆ ) อาจทำงานหนักจนสมองหายไปมากกว่าครึ่ง ที่ออกมาให้สัมภาษณ์เองเรื่องสหรัฐอเมริกาส่งข่าวก่อนใช้โดรนเป็นอาวุธจัดการนายพลใหญ่ของอิหร่าน สงสัยจะใช้ระบบประสาทส่วนไขสันหลังทำงานอัตโนมัติ ไม่ได้ใช้สมอง

พอ ๆ กับเสืออากาศ 24/7 ที่พูดเหยียดชาติพันธุ์ม้ง กระทบไปถึง ธนาธรแห่งอนาคตใหม่ ที่ดูเหมือนจะเห็นใจม้งเป็นพิเศษ

ท่านนายพลอื่น ๆ ก็ขยันขันแข็ง ออกมาให้สัมภาษณ์ภูมิรู้และทัศนะทางการเมืองและการแก้ปัญหาประเทศชาติ ปัญหาความสามัคคี และโอ้อวดภูมิรู้ หลายเรื่องอาจจริง แต่ไม่ควรพูด เช่น พล.อ.ประวิตร เรื่องเรือล่มที่ภูเก็ต บางเรื่องพูดออกมาคนก็รู้ว่า “สมองหายไป”

ท่านนายพลและรัฐบาลทหารปัจจุบันนี้อาจคิดว่าตนเองเก่ง, ดี, ฉลาดและมีอำนาจอยู่ในมือ จึงประมาท จะพูดอะไรก็ได้โดยไม่ต้องใช้สมองคิด ไม่ต้องมีข้อมูล ไม่ต้องมีองค์ความรู้ในเรื่องที่จะพูดจะทำนั้น ๆ ยังไง ๆ ประชาชนและลูกน้องก็เป็นของตาย ต้องเชื่อและปฏิบัติตามอยู่แล้ว

เฉพาะหน้านี้ รัฐมนตรีต่างประเทศคงถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด (ไม่มีทางที่ใครในแผ่นดินนี้และในโลกจะเห็นว่าท่านทำถูกได้)

ก็ขึ้นอยู่กับว่านายเป็นคนประเภทใดจึงจะจัดการหรือไม่จัดการ ถ้าเป็นคนประเภทเดียวกันก็โอเค อยู่กันอย่างนี้แหละ

แล้วนายตัวจริงล่ะ คือ ประชาชนไทยจะกล้าทำอะไรไหม ???

ธิดา ถาวรเศรษฐ
10 ม.ค. 62