ยูดีดีนิวส์ : 10 ม.ค. 63 บทความล่าสุดของ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ในเฟสบุ๊คแฟนเพจได้ได้กล่าวถึงการภาษิตหรือข้อความ "โง่แล้วขยัน" ความว่า
ภาษิตหรือข้อความ
“โง่แล้วขยัน” ที่ได้กล่าวไว้สำหรับประเมินคนทำงานในบริษัทหรือองค์กรใดก็ตามว่า
มีคนอยู่ 4 แบบ
แบบที่
1 ฉลาดและขยัน คนอย่างนี้ต้องเอาไว้องค์กรจะเจริญ ยกเว้นเจ้าของบริษัทหรือองค์กรโง่กว่า
ก็จะไม่เอาไว้ใช้ เพราะทำให้หัวหน้าดูโง่
โดยทั่วไปคนแบบนี้จะอยู่รับราชการประเทศไทยไม่ได้
(ทั้งเจ้านายและลูกน้องจะหาเรื่องให้กระเด็น)
แบบที่
2 ฉลาดแต่ขี้เกียจ เหมาะเป็นกุนซือ เป็นที่ปรึกษา ไม่เหมาะเป็นผู้ปฏิบัติงาน
แบบที่
3 โง่และขี้เกียจ เหมือนคนรกองค์กรและเห็นเป็นหัวคนเดินไปมาเท่านั้น บริษัท ห้าง
ร้าน และองค์กรทันสมัยก็จะไม่เอาไว้ แต่องค์กรข้าราชการก็จะเห็นคนแบบนี้ได้ทั่วไป
แบบที่
4 โง่แล้วขยัน แบบนี้อันตรายต่อบริษัท ห้าง ร้าน และองค์กร สุด ๆ เอาไว้ไม่ได้เลย
แต่ถ้าเจ้านายบริษัทใด องค์กรใดเป็นแบบนี้เสียเอง บริษัทนั้น
องค์กรนั้นก็พังแน่นอน เพราะโง่และขี้เกียจ ยังไม่ค่อยกระทบกระเทือนองค์กรเท่า
โง่แล้วขยัน
ปัญหาคือ
เราจะประเมินรัฐบาลทหารที่ลากมาจาก คสช. ถึงบัดนี้ว่าอยู่ในกลุ่มใด จะเป็นแบบที่
3, แบบที่ 4 ได้หรือไม่ ? แรงไปไหม ????
ถามว่าทำไมต้องประเมินถึงขั้น
“โง่แล้วขยัน” (แบบที่ 4) ก็เพราะท่านพูดของท่านเองทั้งนั้น ยกตัวอย่างใหม่ ๆ
ดังเช่น
ท่านนายกฯ กล่าวว่า นั่งเขียนหนังสือ นั่งคิดทุกวัน แม้เสาร์-อาทิตย์
แล้วเสียเวลาพูด จนสมองหายไปครึ่งหนึ่ง (น่าจะจริง!!!)
เลยแนะนำให้แก้ความเค็มของน้ำประปาโดยการเอาไปต้ม
ด้านโฆษกรัฐบาลซึ่งเป็นถึงศาสตราจารย์ (ไม่ทราบด้านไหน) สมองอาจหายไปส่วนหนึ่ง
(น้อยกว่านายกฯ) แนะนำให้ลดเครื่องปรุงลงในการทำกับข้าว!
ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศ
(ขออภัยจริง ๆ ) อาจทำงานหนักจนสมองหายไปมากกว่าครึ่ง
ที่ออกมาให้สัมภาษณ์เองเรื่องสหรัฐอเมริกาส่งข่าวก่อนใช้โดรนเป็นอาวุธจัดการนายพลใหญ่ของอิหร่าน
สงสัยจะใช้ระบบประสาทส่วนไขสันหลังทำงานอัตโนมัติ ไม่ได้ใช้สมอง
พอ
ๆ กับเสืออากาศ 24/7 ที่พูดเหยียดชาติพันธุ์ม้ง กระทบไปถึง ‘ธนาธร’
แห่งอนาคตใหม่ ที่ดูเหมือนจะเห็นใจม้งเป็นพิเศษ
ท่านนายพลอื่น
ๆ ก็ขยันขันแข็ง ออกมาให้สัมภาษณ์ภูมิรู้และทัศนะทางการเมืองและการแก้ปัญหาประเทศชาติ
ปัญหาความสามัคคี และโอ้อวดภูมิรู้ หลายเรื่องอาจจริง แต่ไม่ควรพูด เช่น
พล.อ.ประวิตร เรื่องเรือล่มที่ภูเก็ต บางเรื่องพูดออกมาคนก็รู้ว่า “สมองหายไป”
ท่านนายพลและรัฐบาลทหารปัจจุบันนี้อาจคิดว่าตนเองเก่ง,
ดี, ฉลาดและมีอำนาจอยู่ในมือ จึงประมาท จะพูดอะไรก็ได้โดยไม่ต้องใช้สมองคิด
ไม่ต้องมีข้อมูล ไม่ต้องมีองค์ความรู้ในเรื่องที่จะพูดจะทำนั้น ๆ ยังไง ๆ
ประชาชนและลูกน้องก็เป็นของตาย ต้องเชื่อและปฏิบัติตามอยู่แล้ว
เฉพาะหน้านี้
รัฐมนตรีต่างประเทศคงถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด (ไม่มีทางที่ใครในแผ่นดินนี้และในโลกจะเห็นว่าท่านทำถูกได้)
ก็ขึ้นอยู่กับว่านายเป็นคนประเภทใดจึงจะจัดการหรือไม่จัดการ
ถ้าเป็นคนประเภทเดียวกันก็โอเค อยู่กันอย่างนี้แหละ
แล้วนายตัวจริงล่ะ
คือ ประชาชนไทยจะกล้าทำอะไรไหม ???
ธิดา
ถาวรเศรษฐ
10
ม.ค. 62