ยูดีดีนิวส์ : 16 ม.ค. 63 อ.ธิดากล่าวในการทำเฟสบุ๊คไลฟ์ว่า เพื่อเป็นการต่อเนื่องในเรื่องของปรากฏการณ์ของ "กลุ่มไล่ลุง" กับ "กลุ่มเชียร์ลุง" วันนี้ อ.ธิดา จะกล่าวถึงเพียงกลุ่ม "กองเชียร์ลุง" เป็นการเฉพาะ ในประเด็น
แพทย์ผู้นำมวลชนจารีตนิยม "กองเชียร์ลุง"
อ.ธิดากล่าวว่า การเกิดกองเชียร์ลุงเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ของกลุ่มมวลชนจารีตนิยมต่อกลุ่มประชาชนที่ต้องการแสดงออกถึงความไม่พึงพอใจปัญหาของกลุ่มจารีตนิยม อำนาจนิยม กระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย หมายถึงระบบและระบอบที่เป็นอยู่ทั้งหมด ซึ่งเขาขนานนามทั้งหมดว่าเป็น "ระบอบลุง"
สิ่งที่มีค่าควรแก่การพูดถึงก็คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นกำลังแสดงให้เห็นถึงความไม่เปลี่ยนแปลงของความบ้าคลั่งของกลุ่มมวลชนจารีตนิยมที่เราพูดไปแล้ว ซึ่งเคยเกิดขึ้นตั้งแต่ 2519 ถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะ 10 ปีหลัง
แน่นอนตัวละครของฝั่งจารีตนิยมเหรือฝั่งเสรีนิยมอาจจะเปลี่ยน แต่ธาตุแท้ของจารีตนิยม อำนาจนิยม และความคลั่ง การแสดงออกอย่างรุนแรงยังเหมือนเดิม เราจึงสนใจ เพราะไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์นั้นซ้ำรอย อ.ธิดากล่าว
ในฝั่งเสรีนิยมซึ่งจัดการ #วิ่งไล่ลุง มีลักษณะแปลกใหม่ มีการใช้การวิ่งเพื่อสุขภาพ แต่ในส่วนของมวลชนจารีตนิยมก็ยังแสดงออกใกล้เคียงกับเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 มีการขนานนามเช่น ส้มเน่า ควายแดง การใช้ไม้ทุบตี ฯลฯ
เนื่องจากผู้นำที่ปรากฎเป็น "กองเชียร์ลุง" คนหนึ่งที่ตอนนี้ทุกคนก็ทราบคือนายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา
นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ในงาน "เดินเชียร์ลุง" ภาพจากไทยรัฐ |
คุณหมอเหรียญทองแสดงตัวในบทบาทของผู้นำมวลชนจารีตนิยมที่ไม่ต้องมีตัวแทนเลย เตะส้มเอง ตีส้มเอง ไม่ธรรมดา เป็นแพทย์ที่มีฐานะเป็นกรรมการผู้จัดการและเป็นผู้อำนวยการ รพ.มงกุฎวัฒนะ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดกลางที่อยู่ในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคและหลักประกันสังคมในย่านหลักสี่ แจ้งวัฒนะ
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ ส.ส.เพื่อไทย ออกมาแสดงความคิดเห็น แล้วก็มีการท้าว่าถ้ามีปัญหาจริงก็ให้ถอนตัวจากโครงการ 30 บาทและประกันสังคมเสีย มีการตอบโต้กันมากมาย และสิ่งที่หมอเหรียญทองเรียกก็คือ "ควายแดง" และ "ส้มเน่า"
สิ่งที่หมอเหรียญทองพูดในตอนหลังมันก็เหมือนคำแก้ตัวที่มีลักษณะก้าวร้าว แก้ตัวว่าไม่ได้ไล่ผู้มารักษา แต่สิ่งที่ได้บอกไว้ก็คือบุคลากรการแพทย์ในโรงพยาบาลนั้นจะอยู่ในอุดมการณ์ที่แตกต่างกันไม่ได้
ในทัศนะดิฉัน มันมากเกินกว่าที่แพทย์ทั่วไปจะทำ แน่นอนแพทย์มีสิทธิที่จะมีความคิดทางการเมืองแตกต่างกัน แต่ขณะนี้คุณหมอเหรียญทองทั้งได้แสดงบุคลิกของการก้าวร้าวตอบโต้รุนแรง และได้เขียนโพสต์รุนแรงมากมาย
ล่าสุดนี่ท้าทายสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกันสังคม แพทยสภา กระทรวงสาธารณสุข ได้โปรดส่งผู้สังเกตุการณ์อย่างลับ ๆ เพื่อตรวจสอบว่า รพ.มงกุฎวัฒนะมีการปฏิเสธการรักษา เลือกปฏิบัติหรือไม่? ดิฉันคิดว่าคุณรับตรง ๆ ซิ ก็คุณประกาศอย่างโจ่งแจ้งด้วยตัวคุณเอง บอกว่าคุณไม่ต้องการต้อนรับ แล้วก็ให้ถอนออกไป
ขณะนี้ดิฉันมองว่าเป็นการแก้ตัวนะว่าจริง ๆ แล้วผมไม่ได้ทำหรอก ที่เขียนว่าไปตรวจสอบดูซิ ดูว่าผมได้ผลักไสไล่ส่งผู้ป่วยส้มเน่าควายแดงที่มีความคิดต่างทางการเมืองกับผมหรือไม่
อ.ธิดา กล่าวว่า ไม่มีใครเขาไปบอกคุณหรอกว่า "ดิฉันเป็นส้มเน่า" หรือว่า "ผมเป็นควายแดง" เมื่อเดินเข้าไปใน รพ.มงกุฎวัฒนะ ยกเว้นแต่ว่าหน้าแบบ อ.ธิดา, คุณจตุพร, คุณณัฐวุฒิ คือหน้ามันบอกฉายา แต่ประชาชนทั่วไปเขาไม่ได้มีป้ายอยู่ที่หน้า ดังนั้นที่บอกว่าจะมีการปฏิเสธไม่ต้อนรับ "ไม่จริง" เพราะฉะนั้นดิฉันถือว่านี่เป็นการแก้ตัว! เอาเข้าจริง พอเขาท้าทาย แล้วหมอตอบรับคำท้า อ.ธิดากล่าวว่าตอบรับคำท้านี่ไม่เข้าท่า คือ กล้าทำ กล้าพูด ก็ต้องกล้ายอมรับด้วย คุณประกาศไปให้ชัดเจนเลย ถ้าเขามีทางเลือกประชาชน (ที่มีความคิดต่างกับคุณหมอ) ก็คงกลัวไม่มีใครอยากจะไปอยู่ รพ. นี้
คุณหมอสลักธรรมเขาเขียนบอกว่าในลักษณะ "ไม่ใช่มืออาชีพ" แต่ในทัศนะของดิฉันบอกได้เลยว่ามันยิ่งกว่านั้น จริง ๆ แล้ว "หมอ" ทำอย่างนี้ไม่ได้ มันผิดจริยธรรม และคุณไม่ควรจะอยู่ในอาชีพ "หมอ" ดิฉันไม่รู้ว่าขณะนี้โรงเรียนแพทย์เขาพูดถึง "ฮิปโปเครตีส" หรือเปล่า ดิฉันเรียนทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศึกษาเรื่องประวัติทางการแพทย์ แต่ก็รู้สึกสิ่งหนึ่งซึ่งมันเกี่ยวข้องกัน เขาเรียกว่า The Hippocretic Oath หรือแปลเป็นไทยก็คือ สัตย์ปฏิญาณของแพทย์ เป็นกรีกโบราณ มีลักษณะพยายามทำเป็นการแพทย์สมัยใหม่
"ฮิปโปเครตีส" อักษรกรีก (จำลองขึ้นใหม่) |
คือเขามองว่าอาชีพ "แพทย์" มันไม่ใช่อาชีพธรรมดา แต่มันเกี่ยวข้องกับชีวิต สามารถทำให้คนเป็นหรือตายได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีมาตรฐานทางจริยธรรม ปกติเขาต้องศึกษา และคุณหมอเกษม วัฒนชัย ก็ได้มาแปลคำปฏิญาณนี้ พูดจริง ๆ ว่าคนที่เรียนแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์จะต้องรู้จักคำปฏิญาณของอาชีพแพทย์ซึ่งมาจาก "ฮิปโปเครตีส" ยกตัวอย่างเช่น
ข้าฯ ขอมอบความเคารพบูชาและความกตัญญูแก่ครูของข้า
ข้าฯ จะปฏิบัติวิชาชีพของข้าฯ ด้วยมโนธรรมและด้วยศักดิ์ศรี
ข้าฯ จะคำนึงถึงสุขภาพของผู้ป่วยเหนือสิ่งอื่นใด
ข้าฯ จะรักษาความลับทั้งปวงที่มอบไว้แก่ข้าฯ
ข้าฯ จะพิทักษ์เกียรติยศ และรักษาประเพณีอันสูงส่งแห่งวิชาชีพแพทย์ เพื่อร่วมวิชาชีพของข้าฯ ก็คือพี่น้องร่วมสายโลหินของข้าฯ
ประโยคนี้สำคัญ
ข้าฯ จะไม่ยอมให้ความแตกต่างทางศาสนา เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ อุดมการณ์ทางการเมือง หรือฐานะทางสังคมมาเป็นเครื่องกีดขวางหน้าที่ที่ข้าฯ พึงมีต่อผู้ป่วย แม้จะอยู่ในภาวะถูกข่มขู่ ข้าฯ ก็จักยึดมั่นในคุณค่าแห่งชีวิตมนุษย์ ตั้งแต่เกิดจนตาย
ข้าฯ จะไม่ใช้ความรู้แห่งวิชาชีพในทางที่ขัดกับกฎแห่งมนุษยธรรม
ข้าฯ ขอให้คำปฏิญาณนี้ด้วยความถ่อมสุภาพด้วยอิสระและด้วยเกียรติยศของข้า
อ.ธิดากล่าวว่า ความจริงจารีตนิยมไทยมันเกิดรุ่นหลังฮิปโปเครตีสนะ (ฮิปโปเครดิสเขียนขึ้นมาก่อนคริสตศักราช แปลว่าเขียนมาเป็นพันปีแล้ว) ถ้าเราจะหมายความว่าพวกอนุรักษ์นิยมจะต้องคิดแบบคุณหมอเหรียญทอง ไม่ใช่นะ!
อนุรักษ์นิยม จารีตนิยม อันนี้เป็นพันปี แล้วเขาบอกเลยว่า คนที่เป็นหมอจะเอาความแตกต่าง เชื้อชาติ ผิวพรรณ อุดมการณ์ทางการเมือง ดังนี้ แม้กระทั่งเชลยศึกหรือศัตรู เขาจะต้องปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน
ไม่ใช่ว่าพวกจารีตนิยมต้องคิดแบบคุณหมอเหรียญทอง
ดิฉันจึงอยากจะถามว่า ไอ้ที่บอกว่าเป็นคนดี มีคุณธรรม มีจริยธรรม ไม่ต้องเอาจริยธรรมเรื่องอื่น ๆ เอาแค่วิชาชีพแพทย์ คุณยังไม่สามารถรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพได้ อย่าว่าแต่จริยธรรม คุณธรรม ของประชาชนทั่วไป
ดิฉันขอพูดไปยังหน่วยงาน
1) แพทยสภา คุณจะอยู่เฉยไม่ได้ แม้ว่าแพทยสภาส่วนข้างมากอาจจะมีความคิดทางการเมืองแบบคุณหมอเหรียญทอง แต่ในฐานะผู้ดำรงรักษาไว้ซึ่งวิชาชีพแพทย์ คุณจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปไม่ได้ เพราะไม่ใช่แต่คนจะมีความเห็นต่อคุณหมอเหรียญทอง เขาจะมีความเห็นต่อแพทยสภาด้วย
2) หน่วยงานผู้บริหาร 30 บาทรักษาทุกโรค คุณจะทำให้ความแตกแยกทางความคิดของประชาชนเกิดการแตกแยก รพ.นี้เป็น รพ.สีเหลือง, สีแดง หรือสีส้ม คุณจะเอาอย่างนั้นหรือ คุณต้องควบคุมและต้องมีการจัดการถ้า รพ.มงกุฎวัฒนะ ต้องการเป็น รพ.สีเหลือง ก็ควรจะเป็นรพ.เอกชนปกติ ไม่ควรจะเป็นรพ.ที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานโดยโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เอาเงินค่าหัว (ภาษีประชาชน) เข้าไปอุดหนุน แม้กระทั่งประกันสังคม
3) หน่วยงานประกันสังคม ก็เช่นเดียวกัน
ถ้าคุณไม่ต้องการให้เกิดคนไข้สีเหลือง, สีแดง, สีส้ม
ถ้าคุณไม่ต้องการให้เกิดหมอหรือรพ.สีเหลือง, สีแดง, สีส้ม
ถ้าคุณไม่ต้องการอย่างนั้น แพทยสภา กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งที่จริงมันก็เอียงมาแล้วตั้งแต่ปลัดที่ได้นกหวีดทองคำมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน วิชาชีพแพทยหนึ่ง ครูหนึ่ง กระบวนการองค์กรทางความยุติธรรมหนึ่ง คุณจะทำให้บุคลากรในองค์กรเหล่านี้เป็นตัวยุยง ชักนำ ทำให้เกิดปัญหาความไม่เท่าเทียมกัน และแบ่งบุคคลออกเป็นสองฝ่าย เหยียดหยามคนที่มีความคิดทางการเมืองแตกต่างกัน แล้วปฏิบัติการอย่างรุนแรงเช่นนี้ ประเทศไทยหายนะแน่ค่ะ!!!
ดิฉันของตรงมายัง แพทยสภา คุณจะคิดอย่างไรก็ตาม คุณอาจจะชอบคุณหมอเหรียญทอง แต่ในฐานะเป็น แพทยสภาประเทศไทย ดิฉันจะบอกให้ว่าเรื่องนี้จะออกไปถึงระดับโลก แล้วคุณจะขายหน้านะว่า แพทยสภาประเทศไทย ไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้มีแพทย์และรพ. ซึ่งมีการดูถูกเหยียดหยามคนที่มีความคิดต่างทางการเมืองและไม่ต้อนรับ
ดิฉันขอเตือนเอาไว้และตรงนี้ดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ ของหมอคนเดียว แต่ว่าเขากล้าเอาวิชาชีพออกมาเดิมพันถึงขนาดนี้ คนที่จะเดินตามรอยแบบนี้ก็จะต้องมีอยู่จำนวนหนึ่ง แล้วมันก็จะเป็นชนวนของความบ้าคลั่งรุนแรงซึ่งอาจจะตามมาก็ได้ ด้วยความรักประเทศไทย ไม่ใช่ตัวดิฉันเองเป็นพวกส้มเน่า ควายแดง ดิฉันอาจจะเป็นก็ได้ แต่ไม่เน่าหรอกค่ะ แล้วควายก็เป็นสีของควาย ไม่มีควายที่ถูกทาสี
ดิฉันบอกได้เลยว่า ความเสียหายมันจะเกิดขึ้นกับวิชาชีพทางการแพทย์อย่างใหญ่หลวง แล้วก็เสียหายในระดับโลก แล้วมันจะชักนำให้คนเห็นดีเห็นงามตามไปด้วย ดิฉันพูดไม่ใช่ในฐานะคนคิดต่างจากคุณหมอเหรียญทอง แต่พูดในฐานะ "คนรักประเทศไทย" ค่ะ อ.ธิดากล่าวในที่สุด