ยูดีดีนิวส์ : 8 ม.ค. 62 เฟสบุ๊คไลฟ์ครั้งแรกของปีนี้ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ มาพบกับทุกท่านในประเด็น : ปัญหาความมั่นคงกับองค์ความรู้ของรัฐบาลทหารไทย!!!
อ.ธิดากล่าวว่า เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของเครือข่ายระบอบอำมาตย์นั้น ไม่ใช่แต่เพียงยึดกุมอำนาจทางกองทัพและอำนาจข้าราชการพลเรือนทั้งปวงที่ไม่ได้ยึดโยงอยู่กับประชาชน มาอยู่ในอำนาจของฝ่ายระบอบอำมาตยาธิปไตยหรือชนชั้นนำจารีตนิยมอย่างเดียว
ประสบการณ์จากการมีรัฐบาลในปี 2544 (รัฐบาลไทยรักไทย) มาจนถึงปัจจุบัน ฝ่ายจารีตนิยมและอำนาจนิยมมองแล้วว่าลำพังแค่นี้ไม่พอ ต้องเข้ามาครอบงำทั้งหมด ลำพังแต่เพียงเป็นผู้คุมกฎ ผู้คุมกำลังกองทัพ ผู้สามารถสั่งการลงโทษ ผู้เขียนกฎหมาย ก็ยังไม่พอ ต้องมาเป็นรัฐบาลด้วย
ดังนั้นในวันนี้ดิฉันจึงพูดลักษณะในฐานะที่เป็นรัฐบาลบริหารที่ต้องรับผิดชอบประเทศ ตั้งแต่ต้นรัฐบาลคสช.มุ่งเน้นประเด็นที่ว่าความมั่นคง โดยเฉพาะคาถาคือ "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน"
"ความมั่นคง" ดูจะโชว์เป็นพระเอก และดูประหนึ่งว่าพวกข้าพเจ้านี่แหละเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญ เก่งกาจเรื่องความมั่นคง เอาความมั่นคงมาก่อน ความมั่งคั่งเอาไว้ทีหลัง แล้วก็ยั่งยืน สุดท้ายดิฉันมองแล้วว่าประชาชนไม่ได้ทั้งมั่นคงและมั่งคั่งอย่างยั่งยืนมากกว่า
ดังนั้นดิฉันตั้งเป็นคำถามแรกเลยว่า "ความมั่นคง" นี้เป็นความมั่นคงของใคร?
หนึ่ง เป็นความมั่นคงของระบอบอำมาตย์
สอง เป็นความมั่นคงของรัฐบาลทหารชุดนี้
สาม เป็นความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน
ในความจริงนั้นมันไม่ควรจะมีหนึ่งและสอง ควรจะมีแต่เฉพาะสามอย่างเดียวเท่านั้น ก็คือ ต้องเป็นความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน แต่ว่าเท่าที่เราได้ตรวจสอบและศึกษามานั้นพบว่า กองทัพ หน่วยงานความมั่นคงนั้น มองความมั่นคงที่มีลักษณะเป็นยุทธศาสตร์ของระบอบอำมาตยาธิปไตย
นั่นก็แปลว่ากระบวนการในการที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการทำลายพลังของฝ่ายก้าวหน้า หน่วยงานความมั่นคงทั้งหลายก็จะเข้ามาร่วมส่วน ไม่ว่าจะเป็นการล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่มองว่าจะเป็นการแย่งชิงอำนาจของชนชั้นนำจารีตนิยมก็ตาม
ดิฉันมองว่าความมั่นคงของประเทศนั้นที่แล้วมาโดยหลักจะอยู่ในข้อหนึ่งนี้ แต่ปัจจุบันเป็นความมั่นคงของรัฐบาลนี้ด้วย ซึ่งเป็นรัฐบาลทหารคสช.ที่มาจากการทำรัฐประหาร ดังนั้นคำว่า "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ดิฉันขอชี้ไปเลยว่า ขณะนี้ในความหมายที่ท่านต้องการนำเสนอนั้นก็คือ
ความมั่นคงของรัฐบาลทหารชุดนี้
ความมั่นคงของรัฐธรรมนูญชุดนี้
ความมั่นคงของชนชั้นนำทางการเมืองชุดนี้ ให้อยู่ได้นาน
เพราะท่านบอกว่า ท่านขยันทำงานมาก แล้วก็ไม่เข้าใจว่าเป็นคนดีขนาดนี้ ทำงานหนักขนาดนี้ ทำไมยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เยอะ
นั่นก็แล้วแต่ท่านจะคิดเอา
แต่สำหรับดิฉัน "ความมั่นคงต้องเป็นความมั่นคงของประเทศ"
ดิฉันค่อนข้างวิตกว่าองค์ความรู้เมื่อคุณเป็นรัฐบาลทหาร เป็นแม่ทัพ นายกอง ดิฉันจะพูดเรื่องเฉพาะหน้านี้ไม่ว่าจะเป็น เสืออากาศ, แม่ทัพบก ที่ออกมาพูดเรื่อง Hybrid war (สงครามลูกผสม) Proxy crisis (สงครามแบบตัวแทน) ฟังดูเหมือนท่านมีความรู้แต่ว่าท่านกำลังพูดถึงความมั่นคงแบบไหน ดิฉันมองแล้ว ทั้งหมดหันมาสนใจความมั่นคงภายใน พูดง่าย ๆ ก็คือ เอาประชาชนที่เห็นต่างเป็นศัตรู
ในทางความเป็นจริง ในฐานะทั้งรัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคง คุณต้องเอาความมั่นคงระหว่างประเทศเป็นหลัก ไม่ใช่มาจับจ้องเอาคนในประเทศเป็นศัตรู เป็นผู้ที่ต้องสู้รบด้วย เหมือนกับการใช้สงครามเต็มรูปแบบ ซึ่งดิฉันบอกว่าแล้วประชาชนที่เห็นต่างกับท่านมีกองทัพอยู่ที่ไหน ทำไมท่านถึงใช้คำว่า war เลย แล้วท่านประเมินประชาชนผู้เห็นต่างเป็นศัตรู อันนี้ก็แปลว่าท่านสนใจแต่เฉพาะความมั่นคงภายใน แล้วงบประมาณที่เอามาใช้ กองทัพไทยก็ต้องเอามาใช้มากกับความมั่นคงภายในเพราะมองประชาชนเป็นศัตรู
ส่วนหนึ่งที่ดิฉันหนักใจก็คือท่านแสดงความสนใจเฉพาะความมั่นคงภายใน แล้วความมั่นคงภายนอกท่านหันไปมองหรือเปล่าว่าเป็นอย่างไร?
ดิฉันหนักใจจริง ๆ คุณเข้าใจอย่างไรคุณถึงซื้อ GT200 เข้ามา คุณเปิดออกมามันก็ไม่มีอะไร แล้วมันแลกด้วยชีวิตทหาร ชีวิตประชาชน ดิฉันไม่โทษว่าท่านคิดถูกหรือผิด เพราะดิฉันสงสัยในองค์ความรู้
GT200 นั้นเป็นเรื่องที่น่าอัปยศที่สุด ท่านอาจจะบอกว่าคนอื่นก็ถูกโกงได้ ท่านไม่เทียบกับคนที่เขาไม่ถูกโกงหรือ มันเหมือนกับว่าคนที่เรียนก็มีคนสอบตกได้ แต่ท่านไม่ได้เทียบกับคนที่เขาสอบได้และได้เกรดสูง ๆ ก็แปลว่าในเรื่ององค์ความรู้ท่านไปเทียบกับพวกที่โหล่หรือเปล่า?
ดิฉันสงสัยในองค์ความรู้ของท่านว่า ปัจจุบันนี้จะทำอย่างไร ท่านไปซื้อเรือดำน้ำจากจีน ซึ่งอีก 6 ปีกว่าจะได้ แล้วดิฉันบอกได้เลยว่าจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตเองยังไม่เคยใช้เรือดำน้ำแบบที่เราสั่งเลย เพราะจีนใช้เรือดำน้ำของรัสเซีย หลังจาก 6 ปีได้เรือดำน้ำมามันก็ไม่เข้ากับยุคสมัยแล้ว
ที่คุณวางยุทธศาสตร์ 20 ปี แต่สายตาสั้นขนาดนี้ ดิฉันบอกได้เลยว่าถ้าเรามองความมั่นคงในระหว่างประเทศ ถ้าท่านอยากจะให้กองทัพไทยทันสมัย ท่านคิดแต่เรื่องเกณฑ์ไพร่พลแบบสมัยโบราณ แต่สมัยใหม่เขาใช้ทหารน้อยที่สุด เขาใช้นักรบที่ไม่มีชีวิต ก็คือโดรน เขาไม่ต้องการให้มีการสูญเสียคน เขาใช้เทคโนโลยี ขณะนี้เทคโนโลยีมันไปไกลมาก บอกตรง ๆ ดิฉันไม่ไว้ใจ เพราะว่าเสืออากาศของเรามัวแต่ไปสนใจว่า "ม้ง" จะได้ที่ดินหรือเปล่า แล้วยังไม่ได้ตระหนักถึงความมั่นคงของประเทศ
ดิฉันบอกตรง ๆ ว่าท่านกำลังสร้างปัญหาให้กับประเทศอย่างมาก เพราะดิฉันไม่เชื่อในองค์ความรู้ของท่าน ยกตัวอย่างง่าย ๆ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ที่เพิ่งพูดออกมา ถามว่าคุณเข้าใจความมั่นคงไหม? คุณคิดเฉพาะตัวคุณหรือรัฐบาลนี้เท่านั้น รู้สึกว่าได้รับความไว้วางใจ เขามาบอกก่อนว่าเขาจะไปยิงที่โน่นที่นี่ มีแต่คนถามว่าเป็นอะไรไปแล้ว คุณมีองค์ความรู้เรื่องความมั่นคงของประเทศมากแค่ไหน หรือคุณคิดว่าคุณอยากจะอวดว่าเขายกย่องคุณ อวดว่าผมนี่แหละเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ติดต่อมาอย่างไว้ใจ ดิฉันทราบมาว่าเขาฝากให้ช่วยดูแลบางสถานที่หรืออย่างไร แล้วท่านเอามาพูด ดิฉันคิดว่ากระทั่งเด็กเล็ก ๆ ก็เข้าใจนะว่าเรื่องไหนควรพูดหรือไม่ควรพูด!
ถ้าเอาหัวใจของปัญหาความมั่นคง แทนที่จะเป็นของประชาชน แต่เป็นความมั่นคงของตัวเอง ก็พูดอะไรก็ได้ที่คิดว่าตัวเองดูดี หนำซ้ำด้วย นายกฯ มาพูดเรื่องต้มน้ำประปาที่มันกร่อยแล้วจะหายเค็ม ดิฉันไม่รู้จะคิดอย่างไรเลย รร.นายร้อยเขาก็สอนวิทยาศาสตร์กันอย่างไร รร.มัธยมก็น่าจะรู้ นี่เป็นความรู้พื้นฐาน ท่านกลับไปบ้านไม่รู้ว่าภรรยาจะทำหน้าอย่างไร?
ทั้งหมดนี้ที่ดิฉันอยากจะบอกก็คือว่า เวลาเราอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ผบ.ทบ., ผบ.ทอ., ผบ.ทร., หรือเป็นนายกรัฐมนตรี คุณต้องใช้องค์ความรู้ และที่สำคัญที่สุดก็คือหัวใจต้องอยู่ที่ประชาชน
ขณะนี้รัฐบาลได้ทำความเสียหายให้กับเศรษฐกิจอย่างมากมายเพราะคิดว่าตัวเองรู้ และทำความเสียหายให้กับความมั่นคงอีกมากมายเพราะคิดว่าตัวเองเก่ง ทำความเสียหายให้กับประเทศชาติทั้งการเมือง ทั้งเศรษฐกิจ และสังคม ด้วยความไม่มีเสถียรภาพ
ดิฉันบอกให้เลยว่า อย่าว่าแต่ประชาชนไทย คนในต่างประเทศเขาก็จะดูหมิ่นเหยียดหยามเอา ท่านระวังคำพูดไว้หน่อย แล้วก็อย่าคิดว่ารัฐบาลนี้เก่งและรู้หมด ในทัศนะดิฉันเห็นว่าควรจะประเมินตัวเองว่า ในขณะที่คุณเป็นแม่ทัพที่มีการมาไล่บี้คนวิ่งไล่ลุง คอยสั่งให้คนไล่จับคนที่มาประท้วง ต่างประเทศนั้นความเจริญก้าวหน้าเทคโนโลยีและการดูแลความมั่นคงเขาไปถึงไหนแล้ว
"ดิฉันมีความกังวลเป็นอย่างยิ่งทั้งเป้าหมายเรื่องความมั่นคง ทั้งวิธีการของการทำงานความมั่นคง ที่สำคัญก็คือองค์ความรู้ของคนที่ทำงานทางความมั่นคง มันไม่ได้ความและไม่เอาไหนเลยค่ะ" อ.ธิดา กล่าวในที่สุด
ประสบการณ์จากการมีรัฐบาลในปี 2544 (รัฐบาลไทยรักไทย) มาจนถึงปัจจุบัน ฝ่ายจารีตนิยมและอำนาจนิยมมองแล้วว่าลำพังแค่นี้ไม่พอ ต้องเข้ามาครอบงำทั้งหมด ลำพังแต่เพียงเป็นผู้คุมกฎ ผู้คุมกำลังกองทัพ ผู้สามารถสั่งการลงโทษ ผู้เขียนกฎหมาย ก็ยังไม่พอ ต้องมาเป็นรัฐบาลด้วย
ดังนั้นในวันนี้ดิฉันจึงพูดลักษณะในฐานะที่เป็นรัฐบาลบริหารที่ต้องรับผิดชอบประเทศ ตั้งแต่ต้นรัฐบาลคสช.มุ่งเน้นประเด็นที่ว่าความมั่นคง โดยเฉพาะคาถาคือ "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน"
"ความมั่นคง" ดูจะโชว์เป็นพระเอก และดูประหนึ่งว่าพวกข้าพเจ้านี่แหละเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญ เก่งกาจเรื่องความมั่นคง เอาความมั่นคงมาก่อน ความมั่งคั่งเอาไว้ทีหลัง แล้วก็ยั่งยืน สุดท้ายดิฉันมองแล้วว่าประชาชนไม่ได้ทั้งมั่นคงและมั่งคั่งอย่างยั่งยืนมากกว่า
ดังนั้นดิฉันตั้งเป็นคำถามแรกเลยว่า "ความมั่นคง" นี้เป็นความมั่นคงของใคร?
หนึ่ง เป็นความมั่นคงของระบอบอำมาตย์
สอง เป็นความมั่นคงของรัฐบาลทหารชุดนี้
สาม เป็นความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน
ในความจริงนั้นมันไม่ควรจะมีหนึ่งและสอง ควรจะมีแต่เฉพาะสามอย่างเดียวเท่านั้น ก็คือ ต้องเป็นความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน แต่ว่าเท่าที่เราได้ตรวจสอบและศึกษามานั้นพบว่า กองทัพ หน่วยงานความมั่นคงนั้น มองความมั่นคงที่มีลักษณะเป็นยุทธศาสตร์ของระบอบอำมาตยาธิปไตย
นั่นก็แปลว่ากระบวนการในการที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการทำลายพลังของฝ่ายก้าวหน้า หน่วยงานความมั่นคงทั้งหลายก็จะเข้ามาร่วมส่วน ไม่ว่าจะเป็นการล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่มองว่าจะเป็นการแย่งชิงอำนาจของชนชั้นนำจารีตนิยมก็ตาม
ดิฉันมองว่าความมั่นคงของประเทศนั้นที่แล้วมาโดยหลักจะอยู่ในข้อหนึ่งนี้ แต่ปัจจุบันเป็นความมั่นคงของรัฐบาลนี้ด้วย ซึ่งเป็นรัฐบาลทหารคสช.ที่มาจากการทำรัฐประหาร ดังนั้นคำว่า "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ดิฉันขอชี้ไปเลยว่า ขณะนี้ในความหมายที่ท่านต้องการนำเสนอนั้นก็คือ
ความมั่นคงของรัฐบาลทหารชุดนี้
ความมั่นคงของรัฐธรรมนูญชุดนี้
ความมั่นคงของชนชั้นนำทางการเมืองชุดนี้ ให้อยู่ได้นาน
เพราะท่านบอกว่า ท่านขยันทำงานมาก แล้วก็ไม่เข้าใจว่าเป็นคนดีขนาดนี้ ทำงานหนักขนาดนี้ ทำไมยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เยอะ
นั่นก็แล้วแต่ท่านจะคิดเอา
แต่สำหรับดิฉัน "ความมั่นคงต้องเป็นความมั่นคงของประเทศ"
ดิฉันค่อนข้างวิตกว่าองค์ความรู้เมื่อคุณเป็นรัฐบาลทหาร เป็นแม่ทัพ นายกอง ดิฉันจะพูดเรื่องเฉพาะหน้านี้ไม่ว่าจะเป็น เสืออากาศ, แม่ทัพบก ที่ออกมาพูดเรื่อง Hybrid war (สงครามลูกผสม) Proxy crisis (สงครามแบบตัวแทน) ฟังดูเหมือนท่านมีความรู้แต่ว่าท่านกำลังพูดถึงความมั่นคงแบบไหน ดิฉันมองแล้ว ทั้งหมดหันมาสนใจความมั่นคงภายใน พูดง่าย ๆ ก็คือ เอาประชาชนที่เห็นต่างเป็นศัตรู
ในทางความเป็นจริง ในฐานะทั้งรัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคง คุณต้องเอาความมั่นคงระหว่างประเทศเป็นหลัก ไม่ใช่มาจับจ้องเอาคนในประเทศเป็นศัตรู เป็นผู้ที่ต้องสู้รบด้วย เหมือนกับการใช้สงครามเต็มรูปแบบ ซึ่งดิฉันบอกว่าแล้วประชาชนที่เห็นต่างกับท่านมีกองทัพอยู่ที่ไหน ทำไมท่านถึงใช้คำว่า war เลย แล้วท่านประเมินประชาชนผู้เห็นต่างเป็นศัตรู อันนี้ก็แปลว่าท่านสนใจแต่เฉพาะความมั่นคงภายใน แล้วงบประมาณที่เอามาใช้ กองทัพไทยก็ต้องเอามาใช้มากกับความมั่นคงภายในเพราะมองประชาชนเป็นศัตรู
ส่วนหนึ่งที่ดิฉันหนักใจก็คือท่านแสดงความสนใจเฉพาะความมั่นคงภายใน แล้วความมั่นคงภายนอกท่านหันไปมองหรือเปล่าว่าเป็นอย่างไร?
ดิฉันหนักใจจริง ๆ คุณเข้าใจอย่างไรคุณถึงซื้อ GT200 เข้ามา คุณเปิดออกมามันก็ไม่มีอะไร แล้วมันแลกด้วยชีวิตทหาร ชีวิตประชาชน ดิฉันไม่โทษว่าท่านคิดถูกหรือผิด เพราะดิฉันสงสัยในองค์ความรู้
GT200 นั้นเป็นเรื่องที่น่าอัปยศที่สุด ท่านอาจจะบอกว่าคนอื่นก็ถูกโกงได้ ท่านไม่เทียบกับคนที่เขาไม่ถูกโกงหรือ มันเหมือนกับว่าคนที่เรียนก็มีคนสอบตกได้ แต่ท่านไม่ได้เทียบกับคนที่เขาสอบได้และได้เกรดสูง ๆ ก็แปลว่าในเรื่ององค์ความรู้ท่านไปเทียบกับพวกที่โหล่หรือเปล่า?
ดิฉันสงสัยในองค์ความรู้ของท่านว่า ปัจจุบันนี้จะทำอย่างไร ท่านไปซื้อเรือดำน้ำจากจีน ซึ่งอีก 6 ปีกว่าจะได้ แล้วดิฉันบอกได้เลยว่าจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตเองยังไม่เคยใช้เรือดำน้ำแบบที่เราสั่งเลย เพราะจีนใช้เรือดำน้ำของรัสเซีย หลังจาก 6 ปีได้เรือดำน้ำมามันก็ไม่เข้ากับยุคสมัยแล้ว
ที่คุณวางยุทธศาสตร์ 20 ปี แต่สายตาสั้นขนาดนี้ ดิฉันบอกได้เลยว่าถ้าเรามองความมั่นคงในระหว่างประเทศ ถ้าท่านอยากจะให้กองทัพไทยทันสมัย ท่านคิดแต่เรื่องเกณฑ์ไพร่พลแบบสมัยโบราณ แต่สมัยใหม่เขาใช้ทหารน้อยที่สุด เขาใช้นักรบที่ไม่มีชีวิต ก็คือโดรน เขาไม่ต้องการให้มีการสูญเสียคน เขาใช้เทคโนโลยี ขณะนี้เทคโนโลยีมันไปไกลมาก บอกตรง ๆ ดิฉันไม่ไว้ใจ เพราะว่าเสืออากาศของเรามัวแต่ไปสนใจว่า "ม้ง" จะได้ที่ดินหรือเปล่า แล้วยังไม่ได้ตระหนักถึงความมั่นคงของประเทศ
ดิฉันบอกตรง ๆ ว่าท่านกำลังสร้างปัญหาให้กับประเทศอย่างมาก เพราะดิฉันไม่เชื่อในองค์ความรู้ของท่าน ยกตัวอย่างง่าย ๆ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ที่เพิ่งพูดออกมา ถามว่าคุณเข้าใจความมั่นคงไหม? คุณคิดเฉพาะตัวคุณหรือรัฐบาลนี้เท่านั้น รู้สึกว่าได้รับความไว้วางใจ เขามาบอกก่อนว่าเขาจะไปยิงที่โน่นที่นี่ มีแต่คนถามว่าเป็นอะไรไปแล้ว คุณมีองค์ความรู้เรื่องความมั่นคงของประเทศมากแค่ไหน หรือคุณคิดว่าคุณอยากจะอวดว่าเขายกย่องคุณ อวดว่าผมนี่แหละเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ติดต่อมาอย่างไว้ใจ ดิฉันทราบมาว่าเขาฝากให้ช่วยดูแลบางสถานที่หรืออย่างไร แล้วท่านเอามาพูด ดิฉันคิดว่ากระทั่งเด็กเล็ก ๆ ก็เข้าใจนะว่าเรื่องไหนควรพูดหรือไม่ควรพูด!
ถ้าเอาหัวใจของปัญหาความมั่นคง แทนที่จะเป็นของประชาชน แต่เป็นความมั่นคงของตัวเอง ก็พูดอะไรก็ได้ที่คิดว่าตัวเองดูดี หนำซ้ำด้วย นายกฯ มาพูดเรื่องต้มน้ำประปาที่มันกร่อยแล้วจะหายเค็ม ดิฉันไม่รู้จะคิดอย่างไรเลย รร.นายร้อยเขาก็สอนวิทยาศาสตร์กันอย่างไร รร.มัธยมก็น่าจะรู้ นี่เป็นความรู้พื้นฐาน ท่านกลับไปบ้านไม่รู้ว่าภรรยาจะทำหน้าอย่างไร?
ทั้งหมดนี้ที่ดิฉันอยากจะบอกก็คือว่า เวลาเราอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ผบ.ทบ., ผบ.ทอ., ผบ.ทร., หรือเป็นนายกรัฐมนตรี คุณต้องใช้องค์ความรู้ และที่สำคัญที่สุดก็คือหัวใจต้องอยู่ที่ประชาชน
ขณะนี้รัฐบาลได้ทำความเสียหายให้กับเศรษฐกิจอย่างมากมายเพราะคิดว่าตัวเองรู้ และทำความเสียหายให้กับความมั่นคงอีกมากมายเพราะคิดว่าตัวเองเก่ง ทำความเสียหายให้กับประเทศชาติทั้งการเมือง ทั้งเศรษฐกิจ และสังคม ด้วยความไม่มีเสถียรภาพ
ดิฉันบอกให้เลยว่า อย่าว่าแต่ประชาชนไทย คนในต่างประเทศเขาก็จะดูหมิ่นเหยียดหยามเอา ท่านระวังคำพูดไว้หน่อย แล้วก็อย่าคิดว่ารัฐบาลนี้เก่งและรู้หมด ในทัศนะดิฉันเห็นว่าควรจะประเมินตัวเองว่า ในขณะที่คุณเป็นแม่ทัพที่มีการมาไล่บี้คนวิ่งไล่ลุง คอยสั่งให้คนไล่จับคนที่มาประท้วง ต่างประเทศนั้นความเจริญก้าวหน้าเทคโนโลยีและการดูแลความมั่นคงเขาไปถึงไหนแล้ว
"ดิฉันมีความกังวลเป็นอย่างยิ่งทั้งเป้าหมายเรื่องความมั่นคง ทั้งวิธีการของการทำงานความมั่นคง ที่สำคัญก็คือองค์ความรู้ของคนที่ทำงานทางความมั่นคง มันไม่ได้ความและไม่เอาไหนเลยค่ะ" อ.ธิดา กล่าวในที่สุด