28
ธ.ค. 61 อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้มาพบกับแฟนเพจทุกท่านเป็นการสนทนาในรูปแบบ Facebook Live โดยเทปนี้เพื่อให้เห็นว่าชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมส่งท้ายปีเก่าปีนี้กันอย่างไร
ซึ่งคนสำคัญในที่นี้ก็คือพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
อ.ธิดากล่าวถึงพาดหัวข่าวของไทยโพสต์คือคำว่า
“ป๋าเตือนบิ๊กตู่เห็นต่างไม่ใช่ศัตรู” ซึ่งอ.ธิดาคิดว่าเป็นการเตือนชนชั้นนำอนุรักษ์นิยม
และอ.ธิดาอยากเตือนไปถึงสื่อหรือประชาชนที่เลือกข้างด้วยว่า “คนที่เห็นต่างนั้นไม่ใช่ศัตรู”
ความเป็นมนุษย์และสิทธิเสรีภาพนั้นสำคัญมากไม่ควรไปก้าวล่วงกัน
ไม่ควรมุ่งร้ายอย่างเป็นศัตรูเพราะนี่ไม่ใช่การต่อสู้หรือสงครามระหว่างชนชาติเช่นการล่าเมืองขึ้นในอดีต
สิ่งที่น่าสนใจกว่าก็คือทำไมพล.อ.เปรม
เพิ่งมาพูดกับ “บิ๊กตู่” ในวันส่งท้ายปีเก่า ทั้ง
ๆ ที่คำพูดนี้ท่านต้องพูดตั้งแต่วันแรกหลังจากทำรัฐประหาร!!! เกือบ
5 ปีแล้ว
ซึ่งวันก่อน
อ.ธิดาได้พูดถึงหม่อมอุ๋ยไปแล้วว่ามันเป็นสัญญาณของฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ไม่พึงพอใจต่อฝ่ายที่ถืออำนาจปัจจุบันจนกระทั่งมีข้อวิพากษ์วิจารณ์มา
8 ข้อ
สิ่งที่หม่อมอุ๋ยเขียนเหมือนเป็นตัวแทนของชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมพลเรือนที่ไม่ได้ร่วมวงอยู่ในคสช.
สำหรับคำพูดของพล.อ.เปรมที่กล่าวกับ
“บิ๊กตู่” และคณะ ที่ตบเท้าเข้าอวยพรและรับพรเนื่องในวันปีใหม่ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์เมื่อวานนี้
(27 ธ.ค.) ข้อสังเกตที่อ.ธิดาได้ถอดรหัสออกมาซึ่งมีข้อน่าสนใจดังนี้
ประการแรก
คำพูดที่ว่า “เราเป็นมิตรกัน” อ.ธิดาตั้งข้อสังเกตรหัสแรกก็คือทหารในอดีต, ทหารในปัจจุบันที่เป็นรัฐบาลและทหารที่กำลังรับราชการอยู่
“เห็นไม่ต่าง...เป็นมิตรกัน” นี่จึงไปได้ราบรื่น เป็นการบอกให้ “บิ๊กตู่”
รู้ว่าที่อยู่ได้ราบรื่นเพราะอดีตนายทหารใหญ่ (ประมาณพล.อ.เปรม) รวมทั้งทหารที่อยู่ในกองทัพไม่มีความเห็นต่างกับ
“บิ๊กตู่” หรือ “บิ๊กป้อม” แปลว่าผู้นำอนุรักษ์นิยมสายทหารเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เป็นเอกภาพ จึงทำให้บ้านเมืองราบรื่น
ประการต่อมาคำพูดที่ว่า
“อย่าเห็นต่างเป็นศัตรู...อาจต้องจำไปใช้ เพราะเคยใช้มาแล้ว”
อ.ธิดาตั้งข้อสังเกตว่า ตรงนี้ “บิ๊กตู่” จะเห็นด้วยและทำได้มั้ย? ซึ่งอ.ธิดากล่าวต่อว่า
นับตั้งแต่ก่อนทำรัฐประหาร ทำรัฐประหาร จนมาถึงเดี๋ยวนี้ “บิ๊กตู่”
ไม่ได้เห็นคนเห็นต่างเป็นมิตร แต่ปฏิบัติการเป็นศัตรูมาโดยตลอด
ไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียนนักศึกษา และพูดเหน็บมาตลอดว่าอย่าไปเลือกคนแบบเก่า
การออกประกาศคำสั่งคสช.ที่มีมาทั้งหมดล้วนแต่เป็นการยืนยันว่า “คนเห็นต่างเป็นศัตรู”
ถ้าจะเอาให้คนเห็นต่างเป็นมิตร
ดิฉันบอกได้เลยในทางปฏิบัติ “ยกเลิกประกาศคำสั่งทั้งหมด” และในทัศนะของอ.ธิดาที่ “ป๋าเปรม”
สอน “บิ๊กตู่” ...อย่าเห็นต่างเป็นศัตรู
ทำไม่ได้หรอก!!! แค่เดินออกมาจากบ้านป๋าก็ยังไม่ได้ปฏิบัติตามที่ป๋าแนะเลย
อ.ธิดาขยายความหมายที่ป๋าเปรมสอนบิ๊กตู่ว่า
เป็นคำพูดที่เขาเรียกว่า WIN
WIN คือคุณประยุทธ์จะได้บริหารประเทศได้อย่างราบรื่น เพราะมีเพียงแต่ทหารเป็นเอกภาพยังไม่พอ
คุณต้องสามารถทำให้ฝ่ายที่เห็นต่างยอมรับคุณได้ วิธีการก็คืออย่าไปมองเขาเป็นศัตรู
ซึ่งพล.อ.เปรมอยู่ในอำนาจมา 8 ปีใช้ได้ผลมาแล้ว อย่าสร้างศัตรูเพิ่ม
ประการที่สาม
คำพูดที่ว่า “บริหารประเทศด้วยความโลดโผน” ในทัศนะอ.ธิดาหมายความว่า สุ่มเสี่ยงต่อความเสียหาย
ใจหายใจคว่ำ
และประการสุดท้าย
พล.อ.ประยุทธ์จะเชื่อคำสอนนี้มั้ย ในทัศนะของอ.ธิดาที่ “บิ๊กตู่”
บอกว่าผมเป็นมิตรกับทุกคน แต่ในทางปฏิบัติไม่ใช่
และการปฏิบัติจะเกิดขึ้นได้ต้องมาจากความเชื่อ เพราะฉะนั้นดิฉันคิดว่า “บิ๊กตู่”
ไม่เชื่อ นอกจากนั้นการที่ยังคงประกาศคำสั่งคสช. การข่มขู่ประชาชนและฝั่งที่มีความคิดเห็นต่าง
แสดงให้เห็นว่าไม่เชื่อ เมื่อไม่เชื่อการปฏิบัติก็จะไม่เกิดขึ้น!!!
อ.ธิดากล่าวสรุปว่า
ด้วยน้ำใสใจจริงพล.อ.ประยุทธ์ก็คงเชื่อว่าท่านมีวิธีของท่านเอง
ไม่จำเป็นต้องเอาแบบป๋าเปรม เพราะเวลาของป๋าเปรมตอนนั้นยังไม่มีดร.ทักษิณ ชินวัตร
หรือไทยรักไทย จะเอาวิธีแบบป๋าเปรมมาใช้ในตอนนี้ไม่ได้!
นี่ก็คือส่งท้ายปีเก่าที่ยืนยันให้เห็นว่ากระทั่งในฝ่ายอนุรักษ์นิยมอำนาจนิยมด้วยกัน
(ในระดับสูง) ก็ต้องออกมาเตือน แต่ก็คงไม่ฟังหรอกค่ะ เพราะวางแผนเอาไว้แบบนี้
แล้วก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลง ก็คือต้องมีอำนาจต่อ
ต้องจัดการพรรคการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์ลงไปให้ได้ ไม่ให้หวนกลับมา ไม่ให้เสียของอีกต่อไป