อดีตกกต.ฟันธง!!!
ชื่อและโลโก้พรรคต้องมีในบัตรเลือกตั้ง หากพิมพ์ ‘บัตรโหล’
อำนวยความสะดวกกกต.แต่ไม่อำนวยความสะดวกประชาชน ยื่นร้องศาลปกครองได้
‘สดศรี
สัตยธรรม’ อดีตกรรมการการเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์แฟนเพจ ‘ยูดีดีนิวส์ - UDD News’ ถึงกรณีการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งที่ทางสำนักงานกกต.
อยู่ระหว่างตัดสินใจพิมพ์รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งใน 2 รูปแบบ คือ 1)
บัตรที่มีความพร้อมสมบูรณ์ ทั้งหมายเลข ชื่อ และโลโก้พรรค และ 2)
บัตรที่มีเพียงหมายเลขผู้สมัครอย่างเดียว
อดีตกกต.สดศรี
กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีลักษณะพิเศษ คือเรียกว่าจัดสรรปันส่วนผสม
ประชาชนไปกากบาทเบอร์เดียว เลือกทั้งส.ส.แบบเขตและส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
ในกรณีเช่นนี้บัตรลงคะแนนจึงต้องอธิบายได้ทุกอย่างในบัตรเดียว
ถ้าหากบัตรเลือกตั้งมีเฉพาะหมายเลขผู้สมัครโดยไม่มีชื่อและโลโก้พรรคการเมือง
ประชาชนผู้ใช้สิทธิ์จะเกิดความสับสน เนื่องจากมาตรา 48
ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ระบุว่า
ผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่ละเขตจะได้เบอร์โดยที่ไม่ใช่เบอร์เดียวกันทั้งพรรค ดังนั้น
ในพรรคเดียวกันมีหลายเบอร์
ความสับสนของการมีหลายเบอร์
ตามมาตรา 48 จึงเกิดประเด็นเกี่ยวกับบุคคลที่ประชาชนจะเลือก อยู่สังกัดในพรรคใด
เมื่อเป็นเช่นนี้ บัตรเลือกตั้งจึงเป็นเสมือนไกด์ไลน์
ต้องทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจว่ากำลังจะเลือกพรรคการเมืองไหน
ฉะนั้น
เมื่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.
บังคับให้ต้องพิมพ์โดยมีชื่อและโลโก้พรรค
จึงเป็นวิธีการที่ถูกต้องมากกว่าการพิมพ์บัตรตามความสะดวกของกกต. ที่ใช้คำว่า
‘บัตรโหล’ คือ พิมพ์แต่หมายเลขและช่องกากบาท ซึ่งจะทำให้เกิดความสับสน
และการนับคะแนนมีประเด็นปัญหาขึ้นมา
ปัญหาหากไม่มีชื่อพรรค
ไม่มีโลโก้พรรค เวลาขานชื่อผู้ได้รับเลือกในแต่ละเขต ก็จะมีประเด็นว่า
เบอร์นี้อยู่ในสังกัดพรรคอะไร จุดนี้จึงเป็นจุดสำคัญที่ทำให้
กกต.เองจะต้องพิมพ์บัตรเลือกตั้งในลักษณะที่ให้เกิดความชัดเจนต่อประชาชน คือ
ต้องพิมพ์ทั้งโลโก้และพิมพ์ทั้งชื่อพรรคลงไปด้วย
ประเด็นนี้
อาจสร้างความยุ่งยากให้กับกกต. เพราะกกต.จะต้องพิมพ์บัตรถึง 350
แบบ(ตามจำนวนเขตเลือกตั้ง) เกิดความยุ่งยากในการตรวจสอบความถูกต้อง
ในแต่ละเขตที่แจกจ่าย บัตรเลือกตั้งไป
ฉะนั้น
เป็นจุดสำคัญว่า ปัญหาจะเกิดจากความไม่สะดวกของ กกต. อย่างไรก็ตาม
เมื่อรัฐธรรมนูญก็ดี กฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. เขาระบุให้
กกต.ทำแบบนี้ กกต. ก็จำเป็นที่จะต้องทำบัตรเลือกตั้งให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ
สะดวกในการใช้สิทธิในวันเลือกตั้ง คือ จะต้องมีทั้งโลโก้พรรคและชื่อพรรคเป็นสำคัญ
เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนใจการใช้สิทธิครั้งนี้
เมื่อถามถึงกรณีเพื่อไทยเตรียมยื่นศาลปกครองกรณีดังกล่าว
อดีตกกต.สดศรี กล่าวว่า แน่นอนพรรคการเมืองคงจะดำเนินการ อย่างไรก็ตาม
เมื่อกฎหมายเขียนแบบนั้น และกกต.ก็เคยพูดว่า สามารถจะพิมพ์ในลักษณะที่มีโลโก้และชื่อพรรคได้
ทำไมจะต้องทำให้เกิดความวุ่นวายทั้งที่เป็นเรื่องเล็กนิดเดียวเท่านั้นเองในการพิมพ์บัตร
‘กกต.อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังในการพิมพ์บัตรมาก
ไม่ให้ผิดพลาดในการพิมพ์บัตรเพราะเบอร์แตกต่างกันไป กกต.ต้องตรวจสอบความถูกต้อง
ก่อนที่จะแจกจ่ายไปตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆ
เพราะถ้าไม่ถูกต้อง
เคยเกิดกรณีกรรมการประจำหน่วยไม่ได้ประทับตราของกกต.
ศาลเคยพิพากษาว่าการเลือกตั้งในหน่วยนั้น หรือเขตนั้นเป็นโมฆะ เพราะฉะนั้น
ความระมัดระวังในเรื่องการแจกบัตรเลือกตั้ง
ความเรียบร้อยความสมบูรณ์ของบัตรเลือกตั้ง จึงเป็นเรื่องสำคัญ
ปัญหาจะเกิดขึ้นแน่นอน
ถ้ากกต.ยังยืนกรานที่จะใช้บัตรที่ไม่มีทั้งโลโก้พรรค ไม่มีทั้งรายชื่อพรรค
อาจจะมีการร้องศาลเพื่อให้มีการใช้บัตรเลือกตั้งในลักษณะที่สมบูรณ์แบบ’
อดีตกกต.กล่าว
อดีตกกต.ผู้นี้กล่าวด้วยว่า
ถ้าจะแก้มาตรา 48 ตามระบบของสภาก็แก้ยาก เพราะว่าสนช.
จะต้องใช้วิธีการที่รวดเร็วที่สุด คือต้อง 3 วาระรวดในการแก้ไข
ขณะที่มีอีกวิธีที่จะสามารถแก้ได้ เพราะท่านนายกฯ เคยทำมาแล้วคือใช้มาตรา 44
ยกเลิกไป โดยให้แก้ไขว่า ผู้สมัครในพรรคเดียวกันจะได้เบอร์เดียวกันหมด
เพื่อจะไม่เกิดความสับสน คนจะดูว่าพรรคไหนได้เบอร์อะไร ก็จะเลือกเบอร์นั้น
และสะดวกในการพิมพ์บัตรด้วย ฉะนั้น มาตรา 48
ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จึงมีปัญหาแบบนี้
ถ้าไม่ให้เกิดปัญหากับกกต. ในการพิมพ์บัตรลงคะแนน คสช.ก็ต้องใช้มาตรา 44
ยกเลิกแล้วแก้ไขให้แต่ละพรรคใช้เบอร์เดียวทุกเขต
(สัมภาษณ์โดย : ฟ้ารุ่ง ศรีขาว)
(สัมภาษณ์โดย : ฟ้ารุ่ง ศรีขาว)