“ภูมิธรรม”
เผย รายละเอียดเจรจา “พรรคประชาชน” ตั้งรัฐบาล ฝากไว้ให้คิด แน่ใจ “ภูมิใจไทย”
คุมได้จริงหรือ ยังไม่ตอบ ยุบสภา บอก มีกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ ชี้
ต้องเร่งตั้งรัฐบาล ปล่อยเป็นเป็ดง่อยไม่ได้
วันนี้
(1 กันยายน 2568) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี
กล่าวถึงการพูดคุยกับพรรคประชาชนเมื่อวานนี้ว่า สถานการณ์ปัจจุบัน
ยังอยู่ในจุดที่พรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายจากพรรคร่วมรัฐบาลในการดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล และเมื่อวานนี้ได้พบกับพรรคประชาชน จริง ๆ
แล้วตนเองไม่ต้องเดินทางไป แต่เมื่อมีการถามหา จึงต้องลาการประชุม ก.ตร.ไป ยอมสละ
และได้พูดกับพลตำรวจเอกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.
โดยได้มอบหมายให้ทำหน้าที่ตามกระบวนการของกฎหมาย
ซึ่งคิดว่าอนาคตของประเทศมีความสำคัญ แม้จะมีความกินแหนงแคลงใจ ไม่พอใจกันบ้าง
ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการทำงาน
นายภูมิธรรม
กล่าวว่า เมื่อวานที่ได้เดินทางไปพรรคประชาชนได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นมาก
ก่อนที่จะเข้าไปและหลังจากที่เดินเข้าไปแล้ว ก็รออยู่ไม่มีผู้บริหารรับ
และได้เดินเข้าไปพบ 4-5 คนในห้องประชุม ซึ่งเราไปกับตัวแทนพรรคร่วมหลายคน ซึ่งในการพูดคุย
ตนเองได้ขอบคุณที่ให้โอกาสมานั่งประชุม ซึ่งในฐานะตัวแทนที่ทุกคนได้มอบหมาย
แม้ว่าจะไม่มีหน้าที่ในพรรคเพื่อไทยโดยตรง
แต่ก็ทำหน้าที่ในการปฏิบัติงานแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานของ ครม. และเมื่อมีการถามหา
ก็จึงเดินทางไป ซึ่งการพูดคุยตนเองได้มีการเสนอว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรครับข้อเสนอทั้งหมดของพรรคประชาชน
เป็นเรื่องที่ตรงกัน เพราะว่าวันนี้ประเทศวิกฤต ถึงเวลาที่จะต้องรีเซ็ตการเมืองใหม่
เพราะฉะนั้น การเสนอให้ดำเนินการตามข้อเสนอของพรรคประชาชนเป็นเรื่องที่ดีควรจะทำ
และสิ่งที่พรรคประชาชนได้เสนอถามกลับมา ประเด็นแรกคือ รัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่มีเจตนาอะไร หัวใจสำคัญคือการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ผ่านกลไกของ สสร.
ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วย
นายภูมิธรรม
กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยไม่ได้สนับสนุน
ซึ่งตนเองก็ไม่ได้จิตใจที่จะใช้รัฐธรรมนูญปี 2540
เพื่อประกอบใช้ในระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
หากพรรคประชาชนติดใจเรื่องนี้ก็สามารถถอนออกได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร
เพราะเรายอมรับอยู่แล้วว่าจะร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ส่วนเรื่อง
MOU43 -
44 นายภูมิธรรม กล่าวว่า เห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็น
ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลนี้ หรือรัฐบาลใหม่
ยืนยันไม่มีอะไรติดใจหากจะดำเนินการในเรื่องนี้ และไม่มีประโยชน์อะไรแอบแฝง
จึงเห็นควรแนบไปกับประชามติ ถ้าประชาชนเห็นอย่างไรรัฐบาลใหม่
จะได้ดำเนินการตามนั้นวิกฤตเรื่องนี้จะได้จบลง
ส่วนประเด็นที่ดินเขากระโดง
และคดีฮั้วสว. นายภูมิธรรม กล่าวว่า จริง ๆ เป็นกระบวนการยุติธรรม
จะบอกให้เป็นกระบวนการยุติธรรมก็ได้ และไม่ว่าจะเป็นคดีจากพรรคใด
ทั้งที่ดินอัลไพน์ คิดว่าทำได้ทั้งนั้น เพราะว่าอยู่ในกระบวนการ
ซึ่งทั้งหมดนี้ตนเองไม่ได้ตอบไปยังพรรคประชาชน แต่ตอบว่า
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุด
นายภูมิธรรม
ระบุว่า เห็นแกนนำพรรคประชาชนหลายคนพูดว่า
หัวใจสำคัญของการตัดสินใจเรื่องนี้อยู่ที่การจะดูว่าใครจะอยู่ในความควบคุมได้มากที่สุด
ซึ่งตนเองมองว่าไม่น่าจะเป็นการควบคุม
ว่าอยู่ที่ว่าสิ่งที่เขาเสนอสามารถเป็นไปตามข้อตกลงได้หรือไม่
ดูเหมือนว่าจะสนใจพรรคภูมิใจไทย
แต่ตนเองคิดว่าเรื่องการควบคุมว่ามีเสียงน้อยเสียงมาก หรือจะไปจับมือกับเขา
ตนเองคิดว่าการพิจารณาไม่ใช่เรื่องของการควบคุมได้
เพราะตอนนี้หากพูดกันตามความจริงก็ไม่มีใครสามารถควบคุมใครได้
หากคิดว่าไม่ซื่อตรงแล้วจะตัดสินใจก็ตัดสินใจได้
แต่สิ่งสำคัญคือการที่จะปล่อยให้พรรคภูมิใจไทยมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล
ในเวลาอีก4เดือน ก่อนจะมีการเลือกตั้ง
ขอถามว่าคดีเขากระโดงจะกลับไปเป็นแบบเดิมหรือไม่ ในการตีความของพรรคภูมิใจไทย
เพราะขณะนี้อยู่ในกระบวนการที่จะ นำที่ของหลวงกลับมาในช่วงสิ้นเดือนนี้
เช่นเดียวกับเรื่องการฮั้ว
สว. ที่กำลังเข้าสู่การเปิดประเด็นจับกุม
ซึ่งขณะนี้ติดอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตนเองเชื่อว่า 2
เรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญ
แต่ตนได้บอกไปว่าหากติดใจเรื่องนี้
ก็ไม่เป็นไรแต่ขออย่าให้มีกระบวนการแทรกแซง
และไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรตนก็เคารพการตัดสินใจของพรรคประชาชน แต่เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นหัวใจสำคัญใครจะ
ทำเต็มที่ได้มากกว่ากัน ซึ่งพรรคเพื่อไทยยืนยันในเรื่องนี้มาตลอด
สิ่งที่เคยเป็นปัญหาในเรื่องบางมาตราที่มีความแตกต่างกัน
แต่ในเรื่องการยกมือโหวตตรงกัน คือให้มีการตั้ง สสร. จึงถามว่าใครคือผู้มีบทบาทในการควบคุม สว.
ฝากให้ไปคิด
นายภูมิธรรม
ยังระบุต่อว่า หากให้พรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
จะมีหลักประกันอะไรที่พรรคประชาชน สามารถทำให้เกิดเกิดขึ้น
ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้เข้าไปเป็นรัฐมนตรี เพราะพรรคพรรคภูมิใจไทยสามารถทำได้ง่าย
จะรอให้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนเองบอกว่าไม่ทัน เชื่อว่าจะดำเนินการไปก่อน
เพราะอำนาจในการยุบสภารัฐบาลพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้มีอำนาจในการยื่นเรื่อง
และสิ่งสำคัญขออย่าเบี่ยงประเด็นว่าใครจะได้มากได้น้อย
หรือพรรคภูมิใจไทยมีน้อยกว่า 100 เสียง สามารถควบคุมได้
โดยการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ส่วนพรรคเพื่อไทยยอมรับว่าเคยบาดหมางกัน
แต่เรายืนยันใน ข้อตกลงมาตลอด การที่บอกว่าพรรคเพื่อไทยบิดพริ้ว หรือตระบัดสัตย์ 2 ครั้ง
ที่มีการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล
ล้วนเป็นคนของพรรคเพื่อไทยที่เป็นผู้เสนอชื่อทั้ง 2 ครั้ง
และทุกเสียงของพรรคเพื่อไทยยกมือให้หมด แต่สิ่งที่บอกคือ สว.
จะโหวตให้แต่สุดท้ายไม่เลือก
ส่วนประเด็นสุดท้ายขอเวลา
10 เดือน ซึ่งได้ประกาศไปชัดเจนตั้งแต่แรก
ว่ารอการตัดสินใจของพรรคประชาชนไม่ได้ และวันนี้อยากจะร่วมมือกัน ลืมเรื่องเก่า ๆ
และอยากจะร่วมมือกัน สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ทุกคนยอมรับว่าปล่อยประเทศ ให้พรรค
เพื่อไทย และพรรคประชาชนที่มี 360 เสียงเป็นฝ่ายค้านไม่ได้
ในขณะที่รัฐบาลมีเพียง 143 เสียง ไม่มีประเทศไหนมาเจรจาด้วย
เพราะไม่มีความเชื่อมั่นเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้อยู่ในอำนาจของพรรคประชาชน
ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ
เมื่อถามว่าหากพรรคประชาชนไม่ร่วม
รัฐบาล พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านหรือตัดสินใจยุบสภา นายภูมิธรรม
กล่าวว่า ยังไม่ต้องตัดสินใจว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือยุบสภา
เราเสนอประเด็นให้พรรคประชาชนตัดสินใจ
ถ้าเขาเลือกพรรคภูมิใจไทยก็เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ ส่วนพรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไร
ก็มีกระบวนการตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้วที่จะต้องหาทางออกในหลาย ๆ ทางที่เป็นไปได้
อันนั้นอยู่ที่ดุลยพินิจ ขอให้สถานการณ์ชัด ตอบให้ชัดว่าจะสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย
หรือพรรคเพื่อไทย และมีข้อกังวลอะไรบอกมาให้ชัด
และข้อกังวลนั้นจะหาทางป้องกันอย่างไร
เมื่อถามถึงกระบวนการของพรรคเพื่อไทย
ว่าปลายทางจะไม่เป็นฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เปล่า
ยังไม่มีการตัดสินใจ มีแต่เพียงว่า อยากจะร่วมการตั้งรัฐบาล
โดยให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ แล้วจะดำเนินการตามนั้น บอกแล้วว่านโยบายมีเยอะ
รวมถึงวาระแห่งชาติ คือต้องเปลี่ยนแปลงสภาพการเมืองที่ผิดเพี้ยนแบบนี้
ให้มีการรีเซ็ตใหม่ คือต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ
เมื่อถามอีกว่าในฐานะที่เป็นรัฐบาลเดิม
และยังรักษาการอยู่ คิดว่าการจับขั้วเพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่
ควรจะใช้เวลาเร็วที่สุดเมื่อใด นายภูมิธรรมกล่าวว่า เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
อยากได้เร็วที่สุด เพราะหากปล่อยสภาพแบบนี้ไว้ก็เป็นรัฐบาลเป็ดง่อย ทำอะไรไม่ได้
ตอนนี้ทั้งหมดอยู่ที่พรรคประชาชนตัดสินใจ อยากให้รอบคอบ
เพราะการตัดสินใจครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญ
พรรคประชาชนยังไม่เคยเลือกนายกรัฐมนตรีจากนอกพรรค ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
ถ้าจะประเดิมด้วยพรรคภูมิใจไทย ต้องมีหลักประกันว่าประเทศจะไม่เสียหาย
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะสร้างหลักประกัน
หรือความมั่นใจอะไรให้กับพรรคประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวว่า
เป็นหน้าที่ที่พรรคประชาชนต้องถาม ตนเองก็รอให้สิ่งนั้นเกิด
เมื่อถามว่า
วันนี้พรรคประชาชนจะมีคำตอบที่ชัดเจนมาให้กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายภูมิธรรม
กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะเขาบอกว่ากลไกโครงสร้างเยอะ ต้องถามจากส่วนต่าง ๆ
ตนเองก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่วันนี้ที่มีประชุม และจะมีคำตอบหรือไม่
อาจจะไม่แน่ใจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ไม่เป็นไร ขอให้พรรคประชาชนใช้เวลาเต็มที่
แต่เมื่อเสร็จแล้วให้แจ้งเราด้วย เพื่อให้เราดำเนินการขั้นต่อไป
เมื่อถามว่า
นอกจากพรรคประชาชนแล้วพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังอยู่ด้วยกัน ยังเหมือนเดิมหรือไม่
เพราะอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังไม่ชัดว่าจะไปต่อและการที่มาร่วมแถลงข่าว
อาจเป็นเพียงมารยาททางการเมือง เท่านั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เขาไม่ได้พูดคำนี้
เขาพูดเพียงว่าขณะนี้ เรายังร่วมกันอยู่ ทั้งหมดจะตัดสินใจอย่างไร
ขึ้นกับสถานการณ์ ซึ่งเราเคารพอยู่แล้วทุกพรรคต้องพิจารณาตามสถานการณ์การเมือง
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคเพื่อไทย #พรรคประชาชน #พรรคภูมิใจไทย