ธิดา
ถาวรเศรษฐ :
นายกฯ ไม่ลาออก แล้วคณะกรรมการปรองดองจะเป็นทางออกได้ไหม?
เมื่อวันที่
3 พ.ย. 63 ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้แพร่ภาพการไลฟ์สด ของ อ.ธิดา
พร้อมกับ Youtube
Live ที่ช่อง UDD news Thailand โดยสืบเนื่องจากการที่
อ.ธิดา ได้ไปเยี่ยมให้กำลังใจและสนทนากับ “เต้น – ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ”
ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
สำหรับประเด็นที่
อ.ธิดา จะสนทนากับท่านผู้ชมในวันนี้คือ
นายกฯ ไม่ลาออก...แล้ว “คณะกรรมการปรองดอง” จะเป็นทางออกได้ไหม?
อ.ธิดากล่าวว่า
อาจารย์ได้เล่าข่าวให้คุณณัฐวุฒิฟังว่ามีโครงการ “คณะกรรมการปรองดอง” ที่นำเสนอโดยรัฐสภา
และประธานรัฐสภาได้เอ่ยปากมาว่าจะมี “คณะกรรมการปรองดอง” เช่น อดีตนายกรัฐมนตรี
ได้แก่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ, นายอานันท์ ปันยารชุน, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
และน่าจะมีอดีตประธานรัฐสภา เป็นต้น ร่วมกับฝ่ายต่าง ๆ
ในทัศนะของคุณณัฐวุฒิก็บอกว่า
วิธีตั้งคณะกรรมการปรองดองแบบนี้เหมือนกับงาน “ทอดกฐิน” คือประเทศไทยประมาณว่ามีรัฐประหาร
มีการเขียนรัฐธรรมนูญ มีความขัดแย้ง พอม็อบรุนแรง มีการปราบปราม แล้วก็ตั้ง “คณะกรรมการปรองดอง”
มันก็เหมือนงานทอดกฐิน ตั้งมาแล้วก็จบไป และเอกสารรายงานของ “คณะกรรมการปรองดอง”
ถ้าเอามากองมันคงท่วมสูงกว่าความสูงของเยาวชนที่มาประท้วงรัฐบาลในเวลานี้ด้วยซ้ำ
อ.ธิดากล่าวต่อไปว่า
นี่ก็เป็นทัศนะของคุณณัฐวุฒิที่มีความเห็น ก็มีนัยยะว่า “คณะกรรมการปรองดอง”
ไม่สามารถเป็นทางออกของประเทศได้
สำหรับดิฉันมองว่า การเกิดความขัดแย้ง และการแก้ความขัดแย้งโดยการทำ “รัฐประหาร” หรือ การแก้ความขัดแย้งโดยตั้ง “คณะกรรมการปรองดอง” หรือ การแก้ความขัดแย้งโดยมีการ “ปราบปราม” แล้วตั้ง “คณะกรรมการปรองดอง” มันไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหาของประเทศแน่นอน!
เริ่มด้วยเหตุผลที่ทำไมนายกฯ ต้องลาออก?
อ.ธิดากล่าวว่า
การที่ต้องให้นายกฯ ลาออก
จะเป็นประตูทางออกเริ่มต้นของการปรองดองและการเดินหน้าแก้ปัญหาประเทศได้
แล้วทำไมต้องให้นายกฯ
ลาออกล่ะ?
อ.ธิดากล่าวว่า
คืออยู่ ๆ คุณก็มาตั้งคณะกรรมการปรองดอง ซึ่งก็เหมือนงานทอดกฐิน
ก็คือทำไปแล้วก็ไม่เคยมีผลอะไร
แต่มันเป็นการซื้อเวลา ทำให้ภาพลักษณ์ดูดีว่าฝ่ายที่มีอำนาจอยู่พยายามจะแก้ปัญหาแล้วนะ พยายามจะฟังแล้วนะ พยายามจะให้มีตัวแทนของฝ่ายต่าง ๆ มาพูดคุยแล้วนะ แต่บทเรียนที่ผ่านมามันแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย!
สำหรับดิฉันที่เยาวชนเสนอให้นายกฯ
ลาออก เพราะว่าอันนี้ง่ายที่สุด ไม่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ แต่นายกฯ
ก็บอกมาแล้วว่าไม่ออก ผมไม่ผิดอะไร ดิฉันไม่ใช่กลุ่มเยาวชน
แต่ดิฉันคิดว่าเข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องให้นายกฯ ลาออก เพราะนายกฯ ก็คือตัวแทนของปัญหาทั้งปวงในปัจจุบันนี้ที่ยังมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ
คุณทำรัฐประหาร
คุณล้มอำนาจประชาชน
คุณล้มนายกฯ
ที่มาจากการเลือกตั้ง
แล้วคุณก็สืบทอดอำนาจ
แล้วคุณก็ทำประชามติแบบประมาณว่าใช้อำนาจรัฐและอำนาจแบบต่าง
ๆ เพื่อทำให้ได้ผลสัมฤทธิ์
เขียนรัฐธรรมนูญที่แย่ที่สุด
ดังนั้น
การที่ให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออก มันก็เป็นสัญลักษณ์ของการเปิดทางออกใหม่
เพราะคุณประยุทธ์เป็นคนทำรัฐประหาร เป็นผู้สืบทอดอำนาจ เป็นผู้กุมอำนาจปัจจุบัน ไม่ใช่คุณประยุทธ์คนเดียวด้วยนะ
ไม่ใช่เอาคุณประยุทธ์ออกแล้วเอาคุณประวิตรมาเป็นนายกฯ นะ ถ้าเอาชุด 3ป ออกไป
เหลือแต่นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนจริง ๆ
อันนั้นมันจะเป็นการนับหนึ่งของทางออกของประเทศ ในความคิดของดิฉันก็คิดว่าดิฉันเข้าใจว่าเด็ก
ๆ เยาวชนเขาต้องการเอาคนและคณะที่เป็นสัญลักษณ์หรือเป็นตัวแทนของการยึดอำนาจประชาชนและยังครองอำนาจอยู่ออกไปจากกระดานก่อน!
นี่ยังไม่ได้พูดถึงการไปเช็คบิลลงโทษอะไร
คือคุณออกไปก่อน มันจึงจะเป็นทางออกของประเทศได้! ทีนี้คุณประยุทธ์เข้าใจหรือยังว่าทำไมคุณต้องออกไป
คุณบอกว่า
“ผมไม่ได้คอร์รัปชั่น ทำไมผมต้องลาออก ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมเป็นนายกฯ ที่แสนดี”
อ.ธิดากล่าวว่า
คุณไม่รู้ตัวว่าคุณได้ทำกว่า 7 ปีมาแล้ว นอกจากไม่รักษาสัญญา
คุณได้ทำการยึดอำนาจประชาชน นั่นคืออาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดทางการเมือง
แล้วมีการเล่นละครต่อมาเรื่อย ๆ เป็นลำดับ
เมื่อคุณประยุทธ์ไม่ออก
คำถามคือแล้วจะเริ่มต้นหาทางออกของประเทศได้ยังไง?
เพราะว่าเมื่อคุณประยุทธ์และคณะที่ยึดอำนาจออกไป มันก็เป็นการเปิดประตูแล้วใช้ตัวแทนของประชาชนมาคุยกันได้ แต่ถ้าคุณประยุทธ์ไม่ออก คุณจะตั้ง “คณะกรรมการปรองดอง” กี่คณะ คุณจะเปิดรัฐสภาคุยกันอย่างไรก็ตาม มันแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะประตูแรกมันปิด! คุณจะเดินต่อไปยังไง? คุณก็ยืนอยู่หน้าประตูนั่นแหละ
ประตูทางออกของประเทศจะต้องเปิดได้ด้วย "ผู้ยึดอำนาจไปจากประชาชนและยังครองอำนาจอยู่ต้องออกไป" มันถึงจะมี 2-3-4 นั่นเป็นอันที่ 1
ความจริงคุณอานันท์ก็พูดนะว่าได้ทำมาแล้ว
7 ปี มันก็ใช้ภาษาว่า “ติดกระดุมเม็ดแรกผิด” แล้วมันก็ผิดมาตลอดนั่นแหละ
คือสิ่งที่คุณคิดว่าถูก คุณเป็นฮีโร่ จริง ๆ มันไม่ใช่! เพราะไม่มีอาชญากรรมอะไรร้ายแรงที่สุดสำหรับประเทศเท่ากับการที่ยึดอำนาจจากประชาชน
แต่ในมุมมองของท่านกลายเป็นว่าท่านประกอบกรรมดีที่สุด
นี่คือมุมมองของคนสองส่วน
มุมมองของพวกสุดโต่ง จารีตนิยม อำนาจนิยม ก็ถือว่าการทำรัฐประหารคือการแก้ปัญหา
แต่มุมมองของฝ่ายประชาธิปไตยถือว่าการยึดอำนาจมันเป็นอาชญากรรมอย่างร้ายแรง
และนั่นคือสาเหตุของปัญหา เพราะว่าถ้าประเทศไทยไม่มีการทำรัฐประหาร
ให้มีการเลือกตั้ง มีนายกฯ และมีกระบวนการออกไป ก็จะไม่มีคนมาเรียกร้อง มาประท้วงเรื่องการเมืองอีกต่อไป
ต้นเหตุของปัญหาทั้งปวงคือการทำรัฐประหาร แล้วตุลาการรับรองการทำรัฐประหาร ทำให้การสืบทอดอำนาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นจึงต้องตัดตรงนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อนายกฯ ที่เป็นผู้สืบทอดอำนาจที่ครองอำนาจปัจจุบัน ปฏิเสธว่าไม่มีความผิด นั่นก็คือยังยืนกระต่ายขาเดียวในซีกข้างที่ว่ายึดอำนาจประชาชนเป็นเรื่องถูก ประชาชนมาเรียกร้องอำนาจเป็นสิ่งผิดในขณะนี้นะ เหมือนที่คุณไพบูลย์ นิติตะวัน บอกว่าจะให้ไปทำประชามติห้ามชุมนุม คำถามว่าเวลารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน พวกคุณบอกว่าการชุมนุมถูก แต่พอคุณทำการยึดอำนาจจากประชาชนไป คุณทำรัฐประหาร ประชาชนมาเรียกร้อง กลายเป็นการชุมนุมผิด!!!
ดังนั้นแปลว่ายังยืนกระต่ายขาเดียว ถามว่าแล้วประเทศมันจะมีทางออกได้อย่างไร? ตกลงคุณจะอยู่ในระบอบไหน? คุณบอกมาตรง ๆ เลยให้ชัด ที่จริงการที่คุณสนับสนุนรัฐประหาร มันก็ชัด แต่ควรจะออกจากปากเพื่อให้จิตสำนึกจะได้รู้ว่าพวกคุณแท้จริงแล้วคุณไม่เอาระบอบประชาธิปไตย แต่คุณเอาระบอบอื่น คุณบอกมาให้ชัด อย่ามาทำประชาธิปไตยปลอม ๆ อย่ามาพูดมั่ว ๆ ว่าการชุมนุมเป็นการทำเรื่องร้ายกับประเทศ ในขณะที่ผู้ชุมนุมมองว่าการครองอำนาจจากการทำรัฐประหาร นี่คือความผิด
เพราะฉะนั้น
การที่นายกฯ ไม่ออก การตั้ง “คณะกรรมการปรองดอง” มันก็สามารถอธิบายได้แล้วว่ามันจะเป็นทางออกประเทศได้อย่างไร
ถ้าแต่ละฝ่ายยังยืนยันว่าตัวเองถูก
ถ้ายืนยันว่าตัวเองถูกก็บอกมาให้ชัด
ๆ เพราะฝ่ายที่ไม่เอารัฐประหารเขาบอกตรง ๆ ว่าเขาต้องการระบอบประชาธิปไตย
ถ้าพูดแบบ
นปช. ในอดีตที่ผ่านมา “ต้องการระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนไทยอย่างแท้จริง”
แต่ถ้าพูดแบบประชาชนปลดแอกก็บอกว่า
“ต้องการระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ”
ประการแรก
ทางออกของประเทศก็คือผู้ครองอำนาจของการทำรัฐประหาร ถ้ายอมออกแต่โดยดี
อันนี้เป็นทางออกแน่นอน เป็นประตูใหญ่ แต่เมื่อไม่ออก แล้วตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมา
ทุกท่านลองคิดดูว่าผู้ทำรัฐประหาร ผู้สืบทอดอำนาจ ผู้ครองอำนาจยังอยู่
ผลพวงการทำรัฐประหารไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ, กฎหมายต่าง ๆ, คำสั่งระเบียบต่าง ๆ
ที่ออกมาหลังทำรัฐประหารก็ยังอยู่จนถึงปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันนี้สามารถที่จะออกกฎหมายตามแนวคิดของตัวเอง
ตามระบอบในความคิดของตัวเองออกมาแล้วถือว่าชอบธรรม
แต่ในฝ่ายที่ต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยเขาก็ต้องการลบผลพวงการทำรัฐประหาร
ดังนั้นนอกจากผู้ครองอำนาจที่มาจากการทำรัฐประหารและสืบทอดอำนาจโดยกลไกรัฐหนุนช่วย
ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการรับรองโดยระบบยุติธรรมต่าง ๆ ต้องยุติแล้ว
ผลพวงรัฐประหารมันจึงเป็นเรื่องต่อมา นั่นก็คือกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่าง ๆ
ดิฉันคิดตามสิ่งที่นักศึกษาเยาวชนเขาเรียกร้องเพื่อประกอบเหตุผลว่าทำไมนายกฯ
ต้องออก เพราะนั่นเป็นประตูสำคัญของผู้ครองอำนาจและจะเป็นอุปสรรคขัดขวางในการที่จะมีการขจัดผลพวงการทำรัฐประหาร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่าง ๆ เพราะรัฐธรรมนูญก็คือผลพวงหลักของการทำรัฐประหาร
คือไม่ใช่แต่คุณมีอำนาจแล้วแก้ปัญหาประเทศไม่ได้
แต่คุณได้สร้างกติกาตามแบบที่คุณคิด และกติกานี้มันเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งในการที่ประเทศนี้จะเดินไปสู่ระบอบประชาธิปไตย
ดังนั้นคณะบุคคลหนึ่งและกติกาต่าง
ๆ หนึ่ง ก็เป็นสิ่งที่ผู้ชุมนุมเขาต้องการหาทางออกประเทศ นั่นก็คือคณะบุคคลยึดอำนาจต้องลงจากอำนาจและไม่เป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาผลพวงรัฐประหาร
นั่นก็คือปัญหาของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ในข้อ
3 การปฏิรูปสถาบันในความเข้าใจของดิฉัน คือฝ่ายต่าง ๆ และผู้เฒ่าต่าง ๆ ควรสนใจศึกษาในสิ่งที่เยาวชนนำเสนอ
ศึกษาให้ลึกซึ้งก่อนที่จะมีการเจรจากัน
เพราะสิ่งที่เยาวชนเสนอดิฉันเข้าใจว่าเขาผ่านการศึกษามาพอสมควรจึงมีข้อเสนอเหล่านี้
ทั้ง 3 ข้อ และ 10 ข้อ ของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม
ไปอ่านให้ดี
ไปดูให้ดี เพราะในข้อที่ 3 ซึ่งหลายคน Sensitive และมีปัญหามาก
ถ้ามองด้านบวกอย่างที่ดิฉันเคยพูดอยู่เสมอและเยาวชนก็พูดอยู่เสมอว่า
อันนี้เป็นความปรารถนาดีที่จะให้สถาบันกษัตริย์สามารถปรับให้ไปกับโลกาภิวัตน์
ให้ไปกับโลกยุคใหม่ และสามารถไปกันได้กับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
เดิมเขาใช้คำว่า “ในฝัน”
ถ้าหากว่ามีการพูดกันมากในทางร้ายมากก็จะทำให้เรื่องยิ่งแก้ยากขึ้น
แต่ถ้ามองด้านบวกและนำข้อเสนอเหล่านี้มาดูว่าบนความหวังดีนี้จะมีการทำอย่างไรบ้าง
ดิฉันคิดว่าประเด็นที่เขาเสนอทั้งหมดนี้ควรจะใช้ด้านบวกแล้วมาศึกษาในรายละเอียด
แต่นั่นก็แปลว่า นายกฯ และคณะทำรัฐประหารต้องออกไปก่อน ประตูที่สองของการแก้ปัญหาโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการพูดคุยกันมันถึงจะเป็นไปได้
ถ้านายกฯ ไม่ออก อุปสรรคใหญ่ของผู้ครองอำนาจยังดำรงอยู่เหมือนเดิมทั้งหมด
แล้วมันจะมีทางออกได้อย่างไร เรื่องมันก็จะต้องวิกฤตรุนแรง
นี่ดิฉันพูดด้วยน้ำใสใจจริงว่า
ถ้าจะแก้ทางออกประเทศก็คือรับฟังแล้วก็คิดด้านบวก และศึกษาอย่างจริงจังด้วยองค์ความรู้
ไม่ใช่ด้วยอคติและอารมณ์ ว่าในสิ่งที่นักศึกษาเสนอนั้นบนพื้นฐานองค์ความรู้แบบไหน
บนความปรารถนาดีต่อประเทศร่วมกันเราจะทำอย่างไรถึงจะดีที่สุด แต่ตัวอุปสรรคขัดขวางด้านหลักก็คือ
“นายกฯ กับคณะ” ต้องออกไปก่อน
การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สร้างขึ้นมาด้วยความเข้าใจว่าสามารถกดฝ่ายที่ต้องการระบอบประชาธิปไตยได้ มันเป็นรัฐธรรมนูญจารีตนิยม อำนาจนิยม ที่แย่ที่สุดตั้งแต่ตั้งประเทศไทยมา ด้วยความหลงผิดว่าได้รับชัยชนะจากการล้มนายทุนสามานย์ หรือจัดการปราบปรามแกนนำนปช.และคนเสื้อแดงทั้งหมด ต่อไปนี้ฉลุยเลย ฉันต้องการประเทศแบบไหนก็เขียนรัฐธรรมนูญแบบนั้นโดยไม่ได้อายประชาชน ไม่อายฟ้าดิน ตอนนี้อายเด็กไหม? ที่เด็กมาเสนอนี้ เขาบอกว่าเขาต้องการให้ประเทศเดินไปในทางที่ดี
คุณบอกว่าเด็กหยาบคาย
แต่เวลาม็อบของฝ่ายจารีตนิยม ขนาดจบแพทย์ หรือจบไม่รู้กี่ปริญญา ที่ออกมาด่านายกฯ (ผู้หญิง)
ที่มาจากการเลือกตั้ง ด่าอย่างหยาบคาย คุณด่าแม้กระทั่งคนในราชวงศ์ ยกตัวอย่างเช่น
ทูลกระหม่อมฯ ถามว่าคำหยาบคายเหล่านั้นคุณคิดบ้างไหม? ตอนนี้เด็กพูด
มันอาจจะเป็นภาษาไพร่ก็ได้ หรืออาจจะมีอะไรที่คุณมองว่ามันไม่เหมาะสม
ดิฉันก็เข้าใจได้
แต่ว่า “ทิ้งกาก เอาแก่น” ดูว่าเป้าหมายเขาต้องการอะไร ต้องการทางออกประเทศไทย ต้องการสถาบันไม่ให้ถูกใช้มาเป็นเครื่องมือของฝ่ายที่ต้องการครองอำนาจอยู่ แล้วเอาวัฒนธรรม เอาเรื่องราวของสถาบันมาเป็นอะไรที่ “โหน” คือปกป้องอำนาจของตัวเอง
คุณปกป้องสถาบันหรือปกป้องอำนาจของตัวเอง?
คำถามว่า กลุ่มเด็กเยาวชนเขาไม่ได้ต้องการอำนาจที่จะสถาปนาเป็น "ผู้ปกครอง" นะ
นี่ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งระหว่าง “ผู้ปกครอง” กับ “ผู้ปกครอง”
ไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่าง
“พรรคการเมือง” กับ “พรรคการเมือง”
เป็นความขัดแย้งระหว่าง
“ผู้ปกครอง” กับ “ประชาชน”
และเป็น “ประชาชน” ที่จะมีอำนาจเต็มในอนาคต เพราะเขาเป็น "เยาวชน"
ดังนั้นที่ดิฉันพูดทางออกของประเทศก็เพื่อให้เข้าใจว่า
ทำไมคุณประยุทธ์ต้องออกไป? เพราะคุณคือประตูหลัก
คุณเป็นตัวปัญหาในการเป็นอุปสรรคของการเดินทางไปในระบอบประชาธิปไตย
แต่คนที่ไม่ต้องการเดินทางไปในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
คนเหล่านี้นี่แหละจะไม่ยอมเปิดประตูและไม่ต้องการเดินทางไปด้วย
ฉะนั้น ตอบให้ได้จริง ๆ ว่าคุณต้องการระบอบไหน ถ้าคุณไม่ต้องการระบอบประชาธิปไตย คุณบอกมาตรง ๆ ให้สง่างามแบบที่เด็กเขาบอกว่า เขาต้องการระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญและอยู่ยืนยงสถาพรไม่ให้ใครใช้เป็นเครื่องมือเพื่อปกป้องอำนาจของตัวเองอีกต่อไป บอกมาตรง ๆ ซิคะ ถ้ามิฉะนั้นไม่มีทางออกประเทศไทยค่ะ อ.ธิดากล่าวในที่สุด.