ยูดีดีนิวส์ : 19 พ.ย. 62 วันนี้ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ มาสนทนาในเฟสบุ๊คแฟนเพจ ประเด็นที่ว่า "สงครามสื่อกับพรรคการเมือง"
อ.ธิดากล่าวว่าปรากฎการณ์ที่เราเห็นในขณะนี้ มีสื่อค่ายใหญ่เป็นที่รู้กันคือเครือเนชั่นกรุ๊ป ซึ่งมีบริษัทในเครือจำนวนหนึ่ง บางสื่อก็อาจจะไม่ใช่การเมืองมากโดยตรง เช่น กรุงเทพธุรกิจ แต่เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป ก็เป็นบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ใหญ่ ซึ่งน่าสนใจว่าผู้บริหารเดิมอันได้แก่กลุ่มของคุณสุทธิชัย หยุ่น ก็ต้องพ้นไป และมีผู้บริหารชุดใหม่เข้ามา แล้วก็มีการซื้อหุ้น ซึ่งในช่วงก่อนหน้านั้นมันก็มีปัญหาของการต่อสู้ภายในว่าใครจะเป็นผู้บริหาร กลายเป็นว่าขณะนี้บทบาทบริหารก็เป็นผู้บริหารชุดใหม่ซึ่งบริหารมาร่วมปีแล้ว
ปรากฎว่าในขณะนี้เราพบว่ามีความขัดแย้ง...ขัดแย้งกับใครบ้าง?
ถ้าเป็นปรากฎการณ์ของพรรคการเมือง ก็ขัดแย้งกับพรรคภูมิใจไทย ที่มีการพยายามจะไปฟ้องร้องในจังหวัดต่าง ๆ หลายจังหวัด จนขนาดนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็ออกมาโพสต์บอกว่า ผมมากับสายเหนียวและโชว์พระที่ห้อยคอให้ดูว่าเขาไม่ธรรมดา และเห็นด้วยกับคุณพรรณิการ์ วานิช อนาคตใหม่ที่กล่าวถึงค่ายเนชั่น
หมายความว่าปรากฎการณ์ที่เห็นอย่างน้อยก็มี 2 พรรค โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่ก็บอกว่าจะมีการไปฟ้องร้อง และทำตัวเลขสถิติว่ามีการพูดถึงอนาคตใหม่ในแต่ละวันอย่างไร
นอกจากนี้ค่ายเนชั่นยังมี สปริงนิวส์ ด้วยที่เป็นบริษัทในเครือ
สื่อเครือเนชั่นอยู่ภายใต้บริษัทแม่คือ บริษัท News Network ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานกรรมการ และนายฉาย บุนนาค สามีของมาดามเดียร์ เป็นประธานกรรมการบริหารของเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป
สื่อในเครื่องก็มี หนังสือพิมพ์ The Nation, กรุงเทพธุรกิจ, คมชัดลึก, สื่อโทรทัศน์และออนไลน์ก็มี Spring News, Nation TV, สำนักข่าวTnews
อ.ธิดากล่าวต่อไปว่า ค่ายเนชั่นก็ไม่ธรรมดา อาศัยพื้นฐานความแข็งแรงตั้งแต่คุณสุทธิชัย หยุน ทำมานานแล้ว มีทั้งภาคภาษาอังกฤษ ภาษาไทย เน้นภาคธุรกิจซึ่งเป็นจุดแข็งด้วย รวมทั้งงานต่างประเทศ
เรียกว่าได้อาศัยพื้นฐานของเนชั่นที่แข็งแรงมายาวนาน นี่คือระบบทุนนิยม เมื่อมีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหม่ เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ นโยบายของสื่อก็เป็นนโยบายตามผู้ถือหุ้นใหญ่ และปรากฎการณ์ที่มีปัญหากับพรรคอนาคตใหม่หรือพรรคภูมิใจไทยอย่างเดียว จริง ๆ รวมรวมทั้งพรรคฝ่ายค้านทั้งหลาย
แต่ในที่นี้เราจะพบว่ามันไม่ได้มีปัญหาการศึกอันใดระหว่างค่ายเนชั่นกับพรรคพลังประชารัฐ และค่อนข้างจะชื่นชม คสช. ดิฉันก็คิดว่าเราพูดจากประสบการณ์ให้ท่านผู้ชมไปดูตามความเป็นจริง และค่ายเหล่านี้ไม่ต้องมาโกรธนะ เพราะคุณกล้าทำก็ต้องกล้ารับ ทั้งหมดที่ทำออกมานั้นก็เปิดเผย
ต้องกล้ายอมรับความจริงว่าเป็นค่ายที่สนับสนุนทหาร
สนับสนุน คสช.
สนับสนุนการทำรัฐประหาร
และโจมตีพรรคฝ่ายค้านทั้งหมด
อาจจะเล่นแรงหน่อยกับพรรคอนาคตใหม่, พรรคเพื่อไทย
แต่ลามปามมาถึงพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตรงนี้อาจจะต้องวิเคราะห์ว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองสักเท่าไหร่ แต่มันอาจจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ด้วยหรือเปล่า? หรือเกิดจากปัญหาการที่พรรคภูมิใจไทยไปต่อรองได้กระทรวงสำคัญ ซึ่งเป็นกระทรวงที่มีตัวเลขและมีโครงการอภิมหาโปรเจคใหญ่โตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถไฟ สายการบิน เครื่องบินสารพัด เพราะว่าคมนาคมเป็นหัวใจของโครงสร้างสำคัญของประเทศ ดังนั้นความขัดแย้งตรงนี้อาจจะเป็นความขัดแย้งเชิงผลประโยชน์
แต่ความขัดแย้งในเชิงค่ายการเมืองนั้น ในทัศนะดิฉันนั่นคือธาตุแท้
เพราะฉะนั้นความขัดแย้งกับพรรคการเมืองขณะนี้จึงมีทั้ง 2 เรื่อง คือเกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองซึ่งอยู่คนละฟากฝ่ายกัน อีกอันหนึ่งก็คือเป็นความขัดแย้งในเรื่องของผลประโยชน์ ถ้าพูดไปภูมิใจไทยก็อยู่กับรัฐบาล
เมื่อเรามองปรากฎการณ์อันนี้แล้ว เราจะเห็นว่าบทบาทของพิธีกร ตรงนี้เราจะเห็นเป็นที่ชุมนุมของพยัคฆ์ร้ายฝ่ายพันธมิตรฯและกปปส.มาอยู่พร้อม ไม่ว่าจะเป็นการจัดรายการของนายกนก, นักจัดรายการผู้หญิง แม้กระทั่งพิธีกรหน้าใหม่ ๆ แสดงบทบาทเป็นแนวหน้า เป็นผู้ชี้นำ อย่างนายสนธิญาณ เป็นต้น ถัดมาก็เป็นพิธีกรรุ่นเก๋าหน่อยซึ่งเคยมีบทบาทตั้งแต่กรณีพันธมิตรฯ
หมายความว่า เครือเนชั่น ตัดสินใจเป็นกองหน้าในการสู้รบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพรรคการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลซึ่งสืบทอดอำนาจ และอยู่ตรงข้ามกับพรรคพลังประชารัฐ อันนี้เราสามารถตรวจสอบได้
อ.ธิดาก็ชอบดูเหมือนกันนะ เพราะรู้สึกว่ามันสนุกดี
ถามว่าเฉพาะพรรคการเมืองหรือเปล่า ตอบได้ว่า "ไม่ใช่ค่ะ"
อย่างกลุ่มนปช. หรือกลุ่มอิสระ กลุ่มนักศึกษาปัญญาชนที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล ก็ถูกโจมตีเหมือนกัน แต่หลัง ๆ นี่เนื่องจากพรรคอนาคตใหม่ประหนึ่งเหมือนเสือร้าย ฉะนั้นการ bombard (ถล่ม) พรรคอนาคตใหม่ก็มีมากกว่าปกติ ในที่นี้ก็รวมมาถึงพล.ต.ต.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ไล่มาจนถึงคนของพรรคเพื่อไทยอะไรต่าง ๆ
นี่ไม่ใช่เรื่องระหว่างผลประโยชน์อย่างเดียว ไม่ใช่เรื่องการไม่ชอบพรรคการเมืองอย่างเดียว ในทัศนะของดิฉัน อันนี้เป็นการแสดงจุดยืนชัดเจนว่าตัวเองเป็นฝ่ายอำนาจนิยม อนุรักษ์นิยม และจะเป็นกองหน้าในการที่จะขยายความขัดแย้งให้มากขึ้น
ในที่นี้ดิฉันก็เห็นด้วยว่า ในกรณีถ้าหากว่าสื่อมวลชนฝ่ายใดก็ตาม ถ้าพูดเท็จ ฝ่ายที่ถูกโจมตีด้วยข่าวเท็จ ข้อมูลเท็จ ก็ควรจะฟ้องร้อง เพราะมิฉะนั้นมันจะเป็นอะไรที่เรียกว่า ได้ใจ หรือ ได้คืบเอาศอก
ในอดีตที่ผ่านมาก็มีสื่อที่ทำตัวเป็นกองหน้า อย่างในกรณีก่อนทำรัฐประหารหรือระหว่างทำรัฐประหารปี 2549 ก็เป็นสาย "ผู้จัดการ" ซึ่งมีทั้งสื่อออนไลน์ ทั้งหนังสือพิมพ์ มีทั้งจานดาวเทียม ถือว่าได้ผลอย่างยิ่ง
หมายความว่าบทเรียนนี้จะมาเป็นบทเรียนของนายสนธิญาณหรือเปล่า? ดิฉันไม่รู้ แต่บทเรียนนี้ดูประหนึ่งว่า การมีสื่อเป็นกองหน้านั้นประสบความสำเร็จในการยั่วยุให้มีความขัดแย้ง ขยายความขัดแย้ง กระทั่งทำให้ทหารมาทำรัฐประหารได้ มาบัดนี้ทำให้ทหารอยู่สืบทอดอำนาจได้
มารุ่น กปปส. ก็มีสถานีดาวเทียมซึ่งบัดนี้ก็ลดระดับความเข้มข้นไประดับหนึ่งมั้ง? และฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยก็มีสื่อเช่นกัน แต่มักจะเจอปัญหาถูกฟ้องร้อง ถูกปิด ดังเหตุการณ์ที่บางคนแสดงตัวเป็นพระเอก เอาปืนมาเที่ยวยิงชาวบ้าน ตอนที่ชาวบ้านไปขอให้ต่อสัญญาณดาวเทียม
สื่อดาวเทียม สื่อกระแสหลักนั้น อยู่ได้อย่างดี มีประสิทธิภาพ เมื่ออยู่ในอำนาจของฝ่ายอนุรักษ์นิยม อำนาจนิยม
ดังนั้นสงครามนี้เป็นสงครามของจุดยืนทางการเมือง ไม่ใช่แค่พรรคการเมือง ในทัศนะของดิฉัน และไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์อย่างเดียว แน่นอนอาจจะมีส่วนผลประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ด้านหลักก็คือสื่อนี้มีกลุ่มทุนและผู้บริหารซึ่งยืนอยู่กับฝ่ายอำนาจนิยม อนุรักษ์นิยม แล้วทำตัวเป็นกองหน้าในการสู้รบเลย
จากบทเรียนที่ผ่านมาเราฝ่ายประชาชนและพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยไม่ใคร่จะไปวอแว ไม่ใครจะไปฟ้องร้อง ก็เป็นฝ่ายรับฝ่ายถูกกระทำมาตลอด ข้อมูลเท็จ Fake news แม้กระทั่งคำพูดหยามเหยียด Hate Speech ก็ออกมาจากสื่อเหล่านี้ซึ่งอยู่ในทั้งทีวี, ทั้งออนไลน์ และสื่อสิ่งพิมพ์
ดิฉันคิดว่ามันก็ถึงเวลาแล้วที่ฝ่ายประชาชน พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ต้องมีการตอบโต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้เรามีสื่อออนไลน์ ทุกคนทำตัวเป็นสื่อได้ อย่าให้สื่อกระแสหลักและสื่อของกลุ่มทุนที่อิงอำนาจนิยม สนับสนุนอำนาจนิยม มาจัดการประเทศไทยแบบในอดีตที่แล้วมา
ดิฉันคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนทำได้ นี่ก็เป็นการต่อสู้แบบสันติวิธี แต่ต้องต่อสู้แบบไม่ให้ Hate Speech ไม่ให้ความเท็จไปฝังหัวประชาชน จนกระทั่งทำให้คนคิดว่าเป็นความจริง
ดังนั้น จากสงครามสื่อกับพรรคการเมือง ก็จะกลายเป็น สงครามระหว่าง "สื่อฝ่ายเผด็จการ" กับ "ประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย" อ.ธิดากล่าวในที่สุด
อ.ธิดากล่าวว่าปรากฎการณ์ที่เราเห็นในขณะนี้ มีสื่อค่ายใหญ่เป็นที่รู้กันคือเครือเนชั่นกรุ๊ป ซึ่งมีบริษัทในเครือจำนวนหนึ่ง บางสื่อก็อาจจะไม่ใช่การเมืองมากโดยตรง เช่น กรุงเทพธุรกิจ แต่เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป ก็เป็นบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ใหญ่ ซึ่งน่าสนใจว่าผู้บริหารเดิมอันได้แก่กลุ่มของคุณสุทธิชัย หยุ่น ก็ต้องพ้นไป และมีผู้บริหารชุดใหม่เข้ามา แล้วก็มีการซื้อหุ้น ซึ่งในช่วงก่อนหน้านั้นมันก็มีปัญหาของการต่อสู้ภายในว่าใครจะเป็นผู้บริหาร กลายเป็นว่าขณะนี้บทบาทบริหารก็เป็นผู้บริหารชุดใหม่ซึ่งบริหารมาร่วมปีแล้ว
ปรากฎว่าในขณะนี้เราพบว่ามีความขัดแย้ง...ขัดแย้งกับใครบ้าง?
ถ้าเป็นปรากฎการณ์ของพรรคการเมือง ก็ขัดแย้งกับพรรคภูมิใจไทย ที่มีการพยายามจะไปฟ้องร้องในจังหวัดต่าง ๆ หลายจังหวัด จนขนาดนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็ออกมาโพสต์บอกว่า ผมมากับสายเหนียวและโชว์พระที่ห้อยคอให้ดูว่าเขาไม่ธรรมดา และเห็นด้วยกับคุณพรรณิการ์ วานิช อนาคตใหม่ที่กล่าวถึงค่ายเนชั่น
หมายความว่าปรากฎการณ์ที่เห็นอย่างน้อยก็มี 2 พรรค โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่ก็บอกว่าจะมีการไปฟ้องร้อง และทำตัวเลขสถิติว่ามีการพูดถึงอนาคตใหม่ในแต่ละวันอย่างไร
นอกจากนี้ค่ายเนชั่นยังมี สปริงนิวส์ ด้วยที่เป็นบริษัทในเครือ
สื่อเครือเนชั่นอยู่ภายใต้บริษัทแม่คือ บริษัท News Network ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานกรรมการ และนายฉาย บุนนาค สามีของมาดามเดียร์ เป็นประธานกรรมการบริหารของเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป
สื่อในเครื่องก็มี หนังสือพิมพ์ The Nation, กรุงเทพธุรกิจ, คมชัดลึก, สื่อโทรทัศน์และออนไลน์ก็มี Spring News, Nation TV, สำนักข่าวTnews
อ.ธิดากล่าวต่อไปว่า ค่ายเนชั่นก็ไม่ธรรมดา อาศัยพื้นฐานความแข็งแรงตั้งแต่คุณสุทธิชัย หยุน ทำมานานแล้ว มีทั้งภาคภาษาอังกฤษ ภาษาไทย เน้นภาคธุรกิจซึ่งเป็นจุดแข็งด้วย รวมทั้งงานต่างประเทศ
เรียกว่าได้อาศัยพื้นฐานของเนชั่นที่แข็งแรงมายาวนาน นี่คือระบบทุนนิยม เมื่อมีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหม่ เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ นโยบายของสื่อก็เป็นนโยบายตามผู้ถือหุ้นใหญ่ และปรากฎการณ์ที่มีปัญหากับพรรคอนาคตใหม่หรือพรรคภูมิใจไทยอย่างเดียว จริง ๆ รวมรวมทั้งพรรคฝ่ายค้านทั้งหลาย
แต่ในที่นี้เราจะพบว่ามันไม่ได้มีปัญหาการศึกอันใดระหว่างค่ายเนชั่นกับพรรคพลังประชารัฐ และค่อนข้างจะชื่นชม คสช. ดิฉันก็คิดว่าเราพูดจากประสบการณ์ให้ท่านผู้ชมไปดูตามความเป็นจริง และค่ายเหล่านี้ไม่ต้องมาโกรธนะ เพราะคุณกล้าทำก็ต้องกล้ารับ ทั้งหมดที่ทำออกมานั้นก็เปิดเผย
ต้องกล้ายอมรับความจริงว่าเป็นค่ายที่สนับสนุนทหาร
สนับสนุน คสช.
สนับสนุนการทำรัฐประหาร
และโจมตีพรรคฝ่ายค้านทั้งหมด
อาจจะเล่นแรงหน่อยกับพรรคอนาคตใหม่, พรรคเพื่อไทย
แต่ลามปามมาถึงพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตรงนี้อาจจะต้องวิเคราะห์ว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองสักเท่าไหร่ แต่มันอาจจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ด้วยหรือเปล่า? หรือเกิดจากปัญหาการที่พรรคภูมิใจไทยไปต่อรองได้กระทรวงสำคัญ ซึ่งเป็นกระทรวงที่มีตัวเลขและมีโครงการอภิมหาโปรเจคใหญ่โตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถไฟ สายการบิน เครื่องบินสารพัด เพราะว่าคมนาคมเป็นหัวใจของโครงสร้างสำคัญของประเทศ ดังนั้นความขัดแย้งตรงนี้อาจจะเป็นความขัดแย้งเชิงผลประโยชน์
แต่ความขัดแย้งในเชิงค่ายการเมืองนั้น ในทัศนะดิฉันนั่นคือธาตุแท้
เพราะฉะนั้นความขัดแย้งกับพรรคการเมืองขณะนี้จึงมีทั้ง 2 เรื่อง คือเกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองซึ่งอยู่คนละฟากฝ่ายกัน อีกอันหนึ่งก็คือเป็นความขัดแย้งในเรื่องของผลประโยชน์ ถ้าพูดไปภูมิใจไทยก็อยู่กับรัฐบาล
เมื่อเรามองปรากฎการณ์อันนี้แล้ว เราจะเห็นว่าบทบาทของพิธีกร ตรงนี้เราจะเห็นเป็นที่ชุมนุมของพยัคฆ์ร้ายฝ่ายพันธมิตรฯและกปปส.มาอยู่พร้อม ไม่ว่าจะเป็นการจัดรายการของนายกนก, นักจัดรายการผู้หญิง แม้กระทั่งพิธีกรหน้าใหม่ ๆ แสดงบทบาทเป็นแนวหน้า เป็นผู้ชี้นำ อย่างนายสนธิญาณ เป็นต้น ถัดมาก็เป็นพิธีกรรุ่นเก๋าหน่อยซึ่งเคยมีบทบาทตั้งแต่กรณีพันธมิตรฯ
หมายความว่า เครือเนชั่น ตัดสินใจเป็นกองหน้าในการสู้รบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพรรคการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลซึ่งสืบทอดอำนาจ และอยู่ตรงข้ามกับพรรคพลังประชารัฐ อันนี้เราสามารถตรวจสอบได้
อ.ธิดาก็ชอบดูเหมือนกันนะ เพราะรู้สึกว่ามันสนุกดี
ถามว่าเฉพาะพรรคการเมืองหรือเปล่า ตอบได้ว่า "ไม่ใช่ค่ะ"
อย่างกลุ่มนปช. หรือกลุ่มอิสระ กลุ่มนักศึกษาปัญญาชนที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล ก็ถูกโจมตีเหมือนกัน แต่หลัง ๆ นี่เนื่องจากพรรคอนาคตใหม่ประหนึ่งเหมือนเสือร้าย ฉะนั้นการ bombard (ถล่ม) พรรคอนาคตใหม่ก็มีมากกว่าปกติ ในที่นี้ก็รวมมาถึงพล.ต.ต.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ไล่มาจนถึงคนของพรรคเพื่อไทยอะไรต่าง ๆ
นี่ไม่ใช่เรื่องระหว่างผลประโยชน์อย่างเดียว ไม่ใช่เรื่องการไม่ชอบพรรคการเมืองอย่างเดียว ในทัศนะของดิฉัน อันนี้เป็นการแสดงจุดยืนชัดเจนว่าตัวเองเป็นฝ่ายอำนาจนิยม อนุรักษ์นิยม และจะเป็นกองหน้าในการที่จะขยายความขัดแย้งให้มากขึ้น
ในที่นี้ดิฉันก็เห็นด้วยว่า ในกรณีถ้าหากว่าสื่อมวลชนฝ่ายใดก็ตาม ถ้าพูดเท็จ ฝ่ายที่ถูกโจมตีด้วยข่าวเท็จ ข้อมูลเท็จ ก็ควรจะฟ้องร้อง เพราะมิฉะนั้นมันจะเป็นอะไรที่เรียกว่า ได้ใจ หรือ ได้คืบเอาศอก
ในอดีตที่ผ่านมาก็มีสื่อที่ทำตัวเป็นกองหน้า อย่างในกรณีก่อนทำรัฐประหารหรือระหว่างทำรัฐประหารปี 2549 ก็เป็นสาย "ผู้จัดการ" ซึ่งมีทั้งสื่อออนไลน์ ทั้งหนังสือพิมพ์ มีทั้งจานดาวเทียม ถือว่าได้ผลอย่างยิ่ง
หมายความว่าบทเรียนนี้จะมาเป็นบทเรียนของนายสนธิญาณหรือเปล่า? ดิฉันไม่รู้ แต่บทเรียนนี้ดูประหนึ่งว่า การมีสื่อเป็นกองหน้านั้นประสบความสำเร็จในการยั่วยุให้มีความขัดแย้ง ขยายความขัดแย้ง กระทั่งทำให้ทหารมาทำรัฐประหารได้ มาบัดนี้ทำให้ทหารอยู่สืบทอดอำนาจได้
มารุ่น กปปส. ก็มีสถานีดาวเทียมซึ่งบัดนี้ก็ลดระดับความเข้มข้นไประดับหนึ่งมั้ง? และฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยก็มีสื่อเช่นกัน แต่มักจะเจอปัญหาถูกฟ้องร้อง ถูกปิด ดังเหตุการณ์ที่บางคนแสดงตัวเป็นพระเอก เอาปืนมาเที่ยวยิงชาวบ้าน ตอนที่ชาวบ้านไปขอให้ต่อสัญญาณดาวเทียม
สื่อดาวเทียม สื่อกระแสหลักนั้น อยู่ได้อย่างดี มีประสิทธิภาพ เมื่ออยู่ในอำนาจของฝ่ายอนุรักษ์นิยม อำนาจนิยม
ดังนั้นสงครามนี้เป็นสงครามของจุดยืนทางการเมือง ไม่ใช่แค่พรรคการเมือง ในทัศนะของดิฉัน และไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์อย่างเดียว แน่นอนอาจจะมีส่วนผลประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ด้านหลักก็คือสื่อนี้มีกลุ่มทุนและผู้บริหารซึ่งยืนอยู่กับฝ่ายอำนาจนิยม อนุรักษ์นิยม แล้วทำตัวเป็นกองหน้าในการสู้รบเลย
จากบทเรียนที่ผ่านมาเราฝ่ายประชาชนและพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยไม่ใคร่จะไปวอแว ไม่ใครจะไปฟ้องร้อง ก็เป็นฝ่ายรับฝ่ายถูกกระทำมาตลอด ข้อมูลเท็จ Fake news แม้กระทั่งคำพูดหยามเหยียด Hate Speech ก็ออกมาจากสื่อเหล่านี้ซึ่งอยู่ในทั้งทีวี, ทั้งออนไลน์ และสื่อสิ่งพิมพ์
ดิฉันคิดว่ามันก็ถึงเวลาแล้วที่ฝ่ายประชาชน พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ต้องมีการตอบโต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้เรามีสื่อออนไลน์ ทุกคนทำตัวเป็นสื่อได้ อย่าให้สื่อกระแสหลักและสื่อของกลุ่มทุนที่อิงอำนาจนิยม สนับสนุนอำนาจนิยม มาจัดการประเทศไทยแบบในอดีตที่แล้วมา
ดิฉันคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนทำได้ นี่ก็เป็นการต่อสู้แบบสันติวิธี แต่ต้องต่อสู้แบบไม่ให้ Hate Speech ไม่ให้ความเท็จไปฝังหัวประชาชน จนกระทั่งทำให้คนคิดว่าเป็นความจริง
ดังนั้น จากสงครามสื่อกับพรรคการเมือง ก็จะกลายเป็น สงครามระหว่าง "สื่อฝ่ายเผด็จการ" กับ "ประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย" อ.ธิดากล่าวในที่สุด