ยูดีดีนิวส์ : 2 ต.ค. 62 เฟสบุ๊คไลฟ์ของ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ในวันนี้ได้มาสนทนากับท่านผู้ชมในประเด็น
"การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบ...นายกฯ กูเกิล"
อ.ธิดากล่าวว่า "ดิฉันเองนอกจากมีความกังวลใจในภาพรวม ๆ หลายเรื่อง แต่สิ่งที่เป็นความกังวลใจทางการเมืองมาตลอดก็คือเราต้องต่อสู้กับการทำรัฐประหาร การสืบทอดอำนาจ และการที่เราไม่สามารถมีระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง"
การแก้ปัญหาทางการเมืองนั้นมีความสัมพันธ์กันกับการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ ในขณะที่เราสนใจเรื่องการเมือง เราพยายามที่จะให้การต่อสู้ทางการเมืองมีความคืบหน้า แม้จะมีคนดึงให้ถอยหลังก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันประชาชนก็มีความทุกข์ยาก ก็ต้องมีการดิ้นรนต่อสู้เพื่อที่จะให้มีชีวิตรอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตยและอยู่ในยุคทุนนิยมโลกาภิวัตน์ด้วย ถ้าหากมีนายกฯ และรัฐบาลที่ต้องอาศัย "กูเกิล" เป็นความฉลาด กระทำการแก้ปัญหาผ่านมาแล้ว 5 ปี รวมทั้งจะสืบทอดอำนาจอยู่ต่อไปอีกยาวนาน
แน่นอนว่าท่านแก้ปัญหาทางการเมืองได้ระดับหนึ่ง แต่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในยามที่การเมือง "หัวมงกุฎ ท้ายมังกร" ไม่เป็นระบอบประชาธิปไตย แต่มีการเลือกตั้ง ประชาชนทุกฝ่ายยากลำบากมากเป็นที่ทราบกัน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐี ชนชั้นกลาง หรือคนจน ความพยายามที่ต้องฆ่าตัวตายในการที่จะแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและหนี้สิน
ดิฉันขอพูดถึงงานวิจัยของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งน่าเชื่อถือ ที่น่าตกใจมากคือเรามีตัวเลขการส่งออกเป็น 70% ของจีดีพี แต่มีเพียง 6% ของบริษัททั้งหมด (กว่า 750,000 บริษัท) ที่ทำการส่งออก และบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุด 5% มีรายรับสะสมสูงถึง 85% ของรายรับทั้งหมด โดยรูปแบบการกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มทุนใหญ่
อ.ธิดากล่าวต่อไปว่า ดิฉันเอาเรื่องง่าย ๆ แค่นี้ว่า รายได้ 85% มาจากบริษัท 5% ส่งออก 70% ของจีดีพีมาจากบริษัท 5% เท่านั้น นี่คือสภาพความเป็นจริงของการที่ท่านทำรัฐประหาร ท่านต้องเน้นเรื่องการเมืองว่าท่านต้องได้รับชัยชนะทางการเมือง ท่านไม่ได้นำพาว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับปัญหาทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศไทยจริง
การมุ่งเอาชนะของฝ่ายตนท่านอาจจะคิดว่ามันดีสำหรับประเทศ แต่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ท่านอาจจะพูดว่าที่แล้วมาเขาทำเลว แล้วที่ท่านอยู่มา 5 ปี และผลจาก 5 ปีมาจนถึงทุกวันนี้มีแต่เส้นกราฟปักหัวลง ความเหลื่อมล้ำก็เลวลงห่างมากขึ้น หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ประชาชนก็ยากจน
ในทัศนะของดิฉัน เมื่อการเมืองมันแก้ไม่ได้ ไม่สามารถเป็นไปในวิถีทางที่ถูกต้องได้ การเมืองถอยหลัง เศรษฐกิจจะก้าวหน้า เป็นไปไม่ได้!!!
การเมืองต้องเป็นการเมืองของประชาชน เศรษฐกิจจึงจะเป็นเศรษฐกิจที่ให้ผลดีกับประชาชน ถ้าการเมืองเป็นการเมืองที่ให้อำนาจอภิชน เป็นอำนาจของคนส่วนน้อยที่ได้เปรียบ ตามข้อมูลที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้อธิบาย 85% ของรายรับอยู่ที่บริษัท 5% การส่งออก 6% ของบริษัท 750,000 กว่าบริษัท โอกาสที่บริษัทเล็กจะเติบโต เป็นไปไม่ได้! เพราะมันกลายเป็นว่า รวยกระจุก จนกระจายและเพิ่มปริมาณ
การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของนายกฯ กูเกิล ในทัศนะดิฉัน ขณะนี้เป็นลักษณะ "เข้าตาจน" หรือ "เลือดเข้าตา" เพราะภาวะหนี้สินสูงมาก คนก็ไม่มีกำลังซื้อ ท่านจึงใช้วิธี "แจก" เหมือนมาตรการ "ช้อป ชิม ใช้" คือยืมมือคนให้ไปใช้จ่าย
แต่ตอนนี้มีคนตั้งข้อสังเกตเรื่องปัญหาความมั่นคง ก็คือท่านไม่มีข้อมูลอันใดของประชาชนใช่หรือไม่? จึงต้องทำให้คนชั้นกลางมาลงทะเบียนอยู่ในฐานข้อมูลของท่าน จนคนตั้งข้อสังเกตว่านี่จะเป็นการควบคุมประชาชนแบบไร้รั้วหรือเปล่า?
อย่างน้อยที่สุดท่านกำลังจะใช้คนชั้นกลางเป็นเครื่องมือในการจ่าย และจ่ายต่อเรื่อย ๆ ให้แก่ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 - 100,000 บาท ซึ่งแปลว่าท่านต้องใช้การแจกเงินแบบ "ประชานิยม" อีกกว่า 20 ล้านคน
ดิฉันอยากถามว่า ที่ท่านพูดว่าจะเอาเงินที่ไหนมา เพราะท่านใช้ทั้งการตลาด ใช้เสรีนิยมแบบแจกเงินคือให้คนเอาไปเงินจ่าย แล้วร้านค้าที่รับจ่ายก็เป็นร้านค้าที่ต้องมีเทคโนโลยีถึงจะสามารถรองรับแอปพลิเคชั่นของท่านได้ ซึ่งร้านค้าชาวบ้านธรรมดาทั่วไปทำไม่ได้หรอก ซึ่งก็คือ เป็นกลไกตลาดแบบเสรีนิยมใหม่ ยืมมือประชาชน เอาเงินมาจ่ายช่วยนายทุนอีกที
เพราะฉะนั้นวิธีแก้ปัญหาแบบ "เลือดเข้าตา" นี้ ใช้กลไกทั้งการตลาด ใช้วิธีลอกแบบวางแผนอย่างที่รัฐบาลไทยรักไทยเคยทำด้วยทีมงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เอาใจจนกระทั่งทุนใหญ่ขยายตัว นายทุนใหญ่มีความร่ำรวยขึ้นมาก แต่เสียงประชาชนมันร้องดังขึ้น ๆ ก็เลยมีการนำเงินมาโปรยแจกจ่าย เพื่อหวังจะให้เสียงนกเสียงกา...เบาลง
แต่ในทัศนะของดิฉัน นายกฯ กูเกิล นี้ ดิฉันไม่แน่ใจว่าท่านจะไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยเปิดกูเกิลหรือเปล่า? เห็นว่าเขามีวิธีแก้หลายแบบ เลยเอาทุกแบบมาใช้ ปกติตามหลักการท่านเป็นรัฐบาล ท่านต้องมีทฤษฎีเดียวในการแก้ปัญหา จะใช้ทฤษฎีเสรีนิยมใหม่ หรือจะใช้ทฤษฎีวางแผน หรือทฤษฎีแบบเคนส์ ทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่ง
แต่ท่านเป็นนายกฯ แบบกูเกิล ท่านเลยใช้มันทุกอย่าง ท่านอาจจะบอกว่าประชาธิปัตย์ เขาต้องทำประกันราคา นายสมคิดเขาต้องการทำโครงการประชารัฐแบบนี้ ดิฉันมองว่าท่านอาจจะแก้ปัญหาแบบ "เลือดเข้าตา" และอาจจะเสิร์ชกูเกิลมาก เลยไปเห็นวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจเยอะแยะไปหมด
ดังนั้นท่านนายกฯ ปัจจุบัน ดิฉันบอกตรง ๆ นะ ท่านใช้กูเกิลแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยไม่ได้หรอก มิฉะนั้นก็จะเป็นแบบที่เป็นอยู่ก็คือผสมผเสปนเป ไม่มีทฤษฎี ไม่มีทั้งแนวทาง มีแต่จะทำให้ประเทศชาติเลวร้ายลง อ.ธิดากล่าว.
"การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบ...นายกฯ กูเกิล"
อ.ธิดากล่าวว่า "ดิฉันเองนอกจากมีความกังวลใจในภาพรวม ๆ หลายเรื่อง แต่สิ่งที่เป็นความกังวลใจทางการเมืองมาตลอดก็คือเราต้องต่อสู้กับการทำรัฐประหาร การสืบทอดอำนาจ และการที่เราไม่สามารถมีระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง"
การแก้ปัญหาทางการเมืองนั้นมีความสัมพันธ์กันกับการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ ในขณะที่เราสนใจเรื่องการเมือง เราพยายามที่จะให้การต่อสู้ทางการเมืองมีความคืบหน้า แม้จะมีคนดึงให้ถอยหลังก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันประชาชนก็มีความทุกข์ยาก ก็ต้องมีการดิ้นรนต่อสู้เพื่อที่จะให้มีชีวิตรอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตยและอยู่ในยุคทุนนิยมโลกาภิวัตน์ด้วย ถ้าหากมีนายกฯ และรัฐบาลที่ต้องอาศัย "กูเกิล" เป็นความฉลาด กระทำการแก้ปัญหาผ่านมาแล้ว 5 ปี รวมทั้งจะสืบทอดอำนาจอยู่ต่อไปอีกยาวนาน
แน่นอนว่าท่านแก้ปัญหาทางการเมืองได้ระดับหนึ่ง แต่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในยามที่การเมือง "หัวมงกุฎ ท้ายมังกร" ไม่เป็นระบอบประชาธิปไตย แต่มีการเลือกตั้ง ประชาชนทุกฝ่ายยากลำบากมากเป็นที่ทราบกัน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐี ชนชั้นกลาง หรือคนจน ความพยายามที่ต้องฆ่าตัวตายในการที่จะแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและหนี้สิน
ดิฉันขอพูดถึงงานวิจัยของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งน่าเชื่อถือ ที่น่าตกใจมากคือเรามีตัวเลขการส่งออกเป็น 70% ของจีดีพี แต่มีเพียง 6% ของบริษัททั้งหมด (กว่า 750,000 บริษัท) ที่ทำการส่งออก และบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุด 5% มีรายรับสะสมสูงถึง 85% ของรายรับทั้งหมด โดยรูปแบบการกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มทุนใหญ่
อ.ธิดากล่าวต่อไปว่า ดิฉันเอาเรื่องง่าย ๆ แค่นี้ว่า รายได้ 85% มาจากบริษัท 5% ส่งออก 70% ของจีดีพีมาจากบริษัท 5% เท่านั้น นี่คือสภาพความเป็นจริงของการที่ท่านทำรัฐประหาร ท่านต้องเน้นเรื่องการเมืองว่าท่านต้องได้รับชัยชนะทางการเมือง ท่านไม่ได้นำพาว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับปัญหาทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศไทยจริง
การมุ่งเอาชนะของฝ่ายตนท่านอาจจะคิดว่ามันดีสำหรับประเทศ แต่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ท่านอาจจะพูดว่าที่แล้วมาเขาทำเลว แล้วที่ท่านอยู่มา 5 ปี และผลจาก 5 ปีมาจนถึงทุกวันนี้มีแต่เส้นกราฟปักหัวลง ความเหลื่อมล้ำก็เลวลงห่างมากขึ้น หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ประชาชนก็ยากจน
ในทัศนะของดิฉัน เมื่อการเมืองมันแก้ไม่ได้ ไม่สามารถเป็นไปในวิถีทางที่ถูกต้องได้ การเมืองถอยหลัง เศรษฐกิจจะก้าวหน้า เป็นไปไม่ได้!!!
การเมืองต้องเป็นการเมืองของประชาชน เศรษฐกิจจึงจะเป็นเศรษฐกิจที่ให้ผลดีกับประชาชน ถ้าการเมืองเป็นการเมืองที่ให้อำนาจอภิชน เป็นอำนาจของคนส่วนน้อยที่ได้เปรียบ ตามข้อมูลที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้อธิบาย 85% ของรายรับอยู่ที่บริษัท 5% การส่งออก 6% ของบริษัท 750,000 กว่าบริษัท โอกาสที่บริษัทเล็กจะเติบโต เป็นไปไม่ได้! เพราะมันกลายเป็นว่า รวยกระจุก จนกระจายและเพิ่มปริมาณ
การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของนายกฯ กูเกิล ในทัศนะดิฉัน ขณะนี้เป็นลักษณะ "เข้าตาจน" หรือ "เลือดเข้าตา" เพราะภาวะหนี้สินสูงมาก คนก็ไม่มีกำลังซื้อ ท่านจึงใช้วิธี "แจก" เหมือนมาตรการ "ช้อป ชิม ใช้" คือยืมมือคนให้ไปใช้จ่าย
แต่ตอนนี้มีคนตั้งข้อสังเกตเรื่องปัญหาความมั่นคง ก็คือท่านไม่มีข้อมูลอันใดของประชาชนใช่หรือไม่? จึงต้องทำให้คนชั้นกลางมาลงทะเบียนอยู่ในฐานข้อมูลของท่าน จนคนตั้งข้อสังเกตว่านี่จะเป็นการควบคุมประชาชนแบบไร้รั้วหรือเปล่า?
อย่างน้อยที่สุดท่านกำลังจะใช้คนชั้นกลางเป็นเครื่องมือในการจ่าย และจ่ายต่อเรื่อย ๆ ให้แก่ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 - 100,000 บาท ซึ่งแปลว่าท่านต้องใช้การแจกเงินแบบ "ประชานิยม" อีกกว่า 20 ล้านคน
ดิฉันอยากถามว่า ที่ท่านพูดว่าจะเอาเงินที่ไหนมา เพราะท่านใช้ทั้งการตลาด ใช้เสรีนิยมแบบแจกเงินคือให้คนเอาไปเงินจ่าย แล้วร้านค้าที่รับจ่ายก็เป็นร้านค้าที่ต้องมีเทคโนโลยีถึงจะสามารถรองรับแอปพลิเคชั่นของท่านได้ ซึ่งร้านค้าชาวบ้านธรรมดาทั่วไปทำไม่ได้หรอก ซึ่งก็คือ เป็นกลไกตลาดแบบเสรีนิยมใหม่ ยืมมือประชาชน เอาเงินมาจ่ายช่วยนายทุนอีกที
เพราะฉะนั้นวิธีแก้ปัญหาแบบ "เลือดเข้าตา" นี้ ใช้กลไกทั้งการตลาด ใช้วิธีลอกแบบวางแผนอย่างที่รัฐบาลไทยรักไทยเคยทำด้วยทีมงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เอาใจจนกระทั่งทุนใหญ่ขยายตัว นายทุนใหญ่มีความร่ำรวยขึ้นมาก แต่เสียงประชาชนมันร้องดังขึ้น ๆ ก็เลยมีการนำเงินมาโปรยแจกจ่าย เพื่อหวังจะให้เสียงนกเสียงกา...เบาลง
แต่ในทัศนะของดิฉัน นายกฯ กูเกิล นี้ ดิฉันไม่แน่ใจว่าท่านจะไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยเปิดกูเกิลหรือเปล่า? เห็นว่าเขามีวิธีแก้หลายแบบ เลยเอาทุกแบบมาใช้ ปกติตามหลักการท่านเป็นรัฐบาล ท่านต้องมีทฤษฎีเดียวในการแก้ปัญหา จะใช้ทฤษฎีเสรีนิยมใหม่ หรือจะใช้ทฤษฎีวางแผน หรือทฤษฎีแบบเคนส์ ทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่ง
แต่ท่านเป็นนายกฯ แบบกูเกิล ท่านเลยใช้มันทุกอย่าง ท่านอาจจะบอกว่าประชาธิปัตย์ เขาต้องทำประกันราคา นายสมคิดเขาต้องการทำโครงการประชารัฐแบบนี้ ดิฉันมองว่าท่านอาจจะแก้ปัญหาแบบ "เลือดเข้าตา" และอาจจะเสิร์ชกูเกิลมาก เลยไปเห็นวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจเยอะแยะไปหมด
ดังนั้นท่านนายกฯ ปัจจุบัน ดิฉันบอกตรง ๆ นะ ท่านใช้กูเกิลแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยไม่ได้หรอก มิฉะนั้นก็จะเป็นแบบที่เป็นอยู่ก็คือผสมผเสปนเป ไม่มีทฤษฎี ไม่มีทั้งแนวทาง มีแต่จะทำให้ประเทศชาติเลวร้ายลง อ.ธิดากล่าว.