วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2562

13 ปี “นวมทอง ไพรวัลย์” บุรุษผู้ต่อต้านการทำรัฐประหาร / นิสัยคนไทย ฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้

นวมทอง ไพรวัลย์

ยูดีดีนิวส์ : 30 ต.ค. 62 ทุกวันที่ 31 ต.ค. ของทุกปี ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกคนย่อมไม่มีวันลืมประชาชนคนขับแท็กซี่ธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ชื่อ “นวมทอง ไพรวัลย์” ผู้ซึ่งยอมอุทิศชีวิตตนเองเพื่ออุดมการณ์อันแน่วแน่ของตนเองในการต่อต้านเผด็จการและรังเกียจการทำรัฐประหาร โดยการทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการผูกคอตายกับราวสะพานลอยบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก เยื้องกับที่ตั้งสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 49 นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 13 ปีแล้ว

หลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คมช. ได้ทำการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 49 ได้ปรากฏข่าวของ “นวมทอง ไพรวัลย์” คนขับแท็กซี่ อดีตพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อายุ 60 ปี ได้ขับรถแท็กซี่คู่กายพุ่งชนรถถังที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซี่โครงหัก 5 ซี่ ตาซ้ายบวมช้ำ คางทะลุถึงภายในช่องปาก รักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระฯ 13 วัน นี่เป็นปฏิบัติการครั้งแรกของลุงนวมทอง


ปฏิบัติการครั้งต่อมาเกิดในคืนวันที่ 31 ต.ค. 49 ได้มีคนพบร่างของ “นวมทอง ไพรวัลย์” ผูกคอตายกับราวสะพานลอยคนเดินข้ามเยื้องกับที่ตั้งสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ พร้อมทั้งจดหมายลาตายซึ่งได้เขียนก่อนวันที่ลุงผูกคอ 1 วันระบุว่า ต้องการลบคำสบประมาทของ พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ รองโฆษก คปค. ที่ว่า “ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้” และที่ลุงนวมทองเลือกพลีชีพในวันสุดท้ายของเดือนตุลาคมนั้น ได้ระบุในจดหมายด้วยว่า เพราะเดือนตุลาคมเป็นเดือนที่วิญญาณของวีรชนที่สถิตอยู่ที่อนุสรณ์สถานฯ ได้ต่อสู้เรียกร้องจนได้มาซึ่งประชาธิปไตย และวิญญาณของลุงนวมทองก็จะขอสถิตย์อยู่กับเหล่าวีรชนเหล่านั้นตลอดไป

โดยในการปฏิบัติพลีชีพครั้งนี้ ลุงนวมทองได้สวมเสื้อยืดสีดำ สกรีนด้านหลังด้วยบทกวีของศรีบูรพา หรือ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ความว่า

“อันประชา สามัคคี มีจัดตั้ง
เป็นพลัง แกร่งกล้า มหาศาล
แสนอาวุธ แสนศัตรู หมู่อันธพาล
ไม่อาจต้าน แรงมหา ประชาชน”

จดหมายที่ "นวมทอง ไพรวัลย์" เขียนไว้ก่อนพลีชีพ 1 วัน
ท้ายจดหมายที่เขียนด้วยลายมือ “นวมทอง ไพรวัลย์” ได้กล่าวถึงลูก ๆ และภรรยา ความว่า

“สุดท้ายขอให้ลูก ๆ และภรรยาจงภูมิใจในตัวพ่อ ไม่ต้องเสียใจ ชาติหน้าเกิดมาคงไม่พบเจอการปฏิบัติอีก ลาก่อน พบกันชาติหน้า ปล. ขอแก้ข่าว ขวดยาที่พบในรถภายหลังเกิดเหตุคืออาหารเสริมแคบซูลใบแปะก๊วย ไม่ใช่ยาแก้เครียดตามที่ลงข่าวนสพ. ผมไม่เครียด แต่ประท้วงจอมเผด็จการ”

และเมื่อปี 2556 แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ได้จัดสร้าง “สดมภ์อนุสรณ์ นวมทอง ไพรวัลย์” ขึ้นที่บริเวณใต้สะพานลอยคนเดินข้ามถนนวิภาวดีรังสิต เยื้องกับที่ตั้งสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 56 ทั้งนี้เพื่อเป็นการเคารพการตัดสินใจของ “นวมทอง ไพรวัลย์” ยกย่องในอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่แน่วแน่ ควรค่าแก่การจดจำจารึกไว้ในประวัติศาสตร์

แกนนำนปช.และครอบครัว "นวมทอง ไพรวัลย์" วางดอกไม้ ณ สดมภ์อนุสรณ์เมื่อ 31 ต.ค. 61 (ภากจากมติชน)

แกนนำนปช.และประชาชนทยอยวางดอกไม้ (ภาพจากผู้จัดการออนไลน์)

ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยไม่เคยลืมลุง (ภาพจากผู้จัดการออนไลน์)

ทุกวันที่ 31 ต.ค. ของทุกปี ผู้คนยังคงเดินทางมาเพื่อรำลึกถึง "นวมทอง ไพรวัลย์"
ผ่านมาแล้ว 13 ปี การพลีชีพของ “นวมทอง ไพรวัลย์” ทิ้งอะไรให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักคิดบ้าง?