ยูดีดีนิวส์ : 21 ส.ค. 62 วันนี้มีที่เฟสบุ๊คเพจ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้โพสต์ถึงการเปิดตัว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐเมื่อวันก่อน โดยอ.ธิดาได้ให้ความสนใจถึงบทบาทใหม่ของคสช. ในการตั้งพรรคการเมืองนี้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ และได้แสดงทัศนะว่า
เปิดตัวประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ คือ “ยุทธศาสตร์คสช.และจารีตนิยมไทย”
คสช.
ไม่ใช่คณะรัฐประหารแบบในรอบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา
ทำรัฐประหารแล้วมอบให้คณะอื่นเป็นรัฐบาล แต่หมุดหมายไปถึงรุ่นใหญ่คือ 2500–2502 เป็นคนจารีตนิยม+อำนาจนิยม
และต่อต้านคอมมิวนิสต์อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งรวม ๆ มีอายุยาวนานถึง 15 ปี ส่วนยุค
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นั้นเป็นการปรับตัวของกองทัพหลังปี 2516–2519 และหลังจากนั้น
ทั้งยังเป็นช่วงสงครามเย็นต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นคณะรัฐประหารในอดีตจาก
2500 จนถึง 2526 จึงมีข้ออ้างต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ในการยึดอำนาจ ครองอำนาจ
เพื่อความมั่นคงต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ แต่ในช่วงเกือบ 2
ทศวรรษที่ผ่านมาเป็นการต่อสู้กับพรรคการเมืองนายทุนที่ถูกขนานนามเป็น “ทุนสามานย์”
ที่สามารถยึดครองใจประชาชน ชนะเลือกตั้งครั้งแล้วครั้งเล่า การทำรัฐประหารครั้งนี้ 2557
จึงเป็นการทำรัฐประหารที่มียุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ
เพื่อขจัดอำนาจพรรคการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองของฝ่ายจารีตนิยมให้หมดสิ้นไป
เราจึงเห็นการร่างรัฐธรรมนูญ,
บทเฉพาะกาล และกฎหมายต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อทำลายพรรคการเมืองใหญ่ และตามมาด้วยการก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ของคสช.
คือพรรคพลังประชารัฐ และสามัคคีกับพรรคสายอนุรักษ์นิยมและพรรคอื่น ๆ เพื่อเป็นรัฐบาลให้ได้ตอนนี้ก็เปิดหน้าประธานยุทธศาสตร์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนักการเมืองเต็มตัว ทั้งหมดนี้เพื่อชัยชนะทางการเมืองของฝ่ายอำนาจนิยม+จารีตนิยม
โดยไม่ต้องทำรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำอีก หลังจากแพ้การเลือกตั้งซ้ำซาก
น่าสนใจว่าบทบาทใหม่ของคสช.ในการตั้งพรรคการเมืองจะประสบความสำเร็จหรือไม่?
มีการตั้งเป้าส.ส.ในการเลือกตั้งคราวหน้าเป็น
150 คน มีการก๊อบปี้นโยบายเก่า ๆ ของพรรคเพื่อไทยมาเป็นนโยบายใหม่
และยังทำต่อนโยบายเดิม เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค แล้วมาเพิ่มบัตรสวัสดิการคนจน
โดยทำนโยบายเศรษฐกิจทั้งแบบวางแผน (ซึ่งยังทำแบบเดิมของพรรคเพื่อไทย)
และแบบเสรีนิยมใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์และ TDRI
มองไปข้างหน้าพรรคพปชร.ต้องเผชิญความท้าทาย
1) ความชอบธรรมในฐานะเป็นพรรคสืบทอดอำนาจคสช.
2) ความชอบด้วยรัฐธรรมนูญในประเด็นต่าง
ๆ ทั้งตัวนายกฯ
(ซึ่งมีคุณสมบัติขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่
ปัญหาการถวาย
สัตย์ไม่ครบถ้วน ฯลฯ), ปัญหาการสรรหาวุฒิสมาชิก,
การได้มา
ซึ่งส.ส.โดยการคำนวณตามแบบกกต., การแถลงนโยบายที่ไม่
แจงที่มาของเงินที่ใช้
3) ผลการเลือกตั้งที่คะแนนเสียงปริ่มน้ำ
ต้องแก้ปัญหาไปตลอด
อายุรัฐบาล จะทนไหวไหม?
***ถ้าต้องจ่ายต้องง้อไม่สิ้นสุด***
4) จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังทรุดทั้งภายในและภายนอกได้
ไหม?
5) จะเจอศึกการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ขยายจากพรรคการเมืองใน
รัฐสภาสู่ประชาชน
ที่คนส่วนใหญ่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่
ประชาชนมีบทบาทสำคัญ
ไม่ใช่คณะของพวกอำนาจนิยม
จารีตนิยม เขียนมาเพื่อสู้กับอำนาจประชาชน
ดิฉันบอกได้ว่าเหนื่อยแน่
ๆ
ไม่มีมาตรา
44 แล้วจะทนไหวไหม???
อย่าเลือกทำรัฐประหารใหม่ก็แล้วกัน!!!
ธิดา
ถาวรเศรษฐ
21
ส.ค. 62