ยูดีดีนิวส์ : 8 ส.ค. 62 ในทางการเมือง ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจติดตามความเคลื่อนไหวท่าทีของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายรัฐบาลต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 นั้น ล่าสุดทางพรรคเพื่อไทยได้แถลงชี้แจงกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายละเอียดตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดในเฟสบุ๊คแฟนเพจ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นและย้อนรอยเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญของ นปช. เมื่อปี พ.ศ. 2555 โดยมีความว่า
ย้อนรอยเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญของ
นปช. เมื่อปี 2555
ธิดา
ถาวรเศรษฐ
8
ส.ค. 62
รัฐธรรมนูญ
2550 หลังรัฐประหาร 2549 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับอำมาตยาธิปไตยที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ
2540 อันเป็นฉบับที่ประชาชนมีอำนาจอธิปไตยมากที่สุด
รัฐธรรมนูญ
2550 มี ส.ว.เลือกตั้ง ผสมกับ ส.ว.แต่งตั้ง 50:50 (ยังไม่กล้าเท่ารัฐธรรมนูญ 2560)
เราจะไม่ลงรายละเอียดการเปรียบเทียบรัฐธรรมนูญ 2540, 2550 และ 2560 แต่กล่าวได้ว่า
รัฐธรรมนูญ 2560 บวกกับบทเฉพาะกาลนั้น เป็นรัฐธรรมนูญที่สืบทอดอำนาจคณะรัฐประหาร
ลดทอนอำนาจประชาชน ทั้งอำนาจบริหาร นิติบัญญัติ ลดทอนอำนาจพรรคการเมือง
ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอและกลายเป็นพรรคเล็กพรรคน้อย รัฐไทยจะมีรัฐข้าราชการ ทหาร
พลเรือน เป็นใหญ่
พรรคการเมืองต้องขึ้นต่อและปฏิบัติตาม
ผลพวงการทำรัฐประหารทั้งทางกฎหมาย ยุทธศาสตร์ และส่วนต่าง ๆ
ของรัฐธรรมนูญฉบับอนุรักษ์นิยมอำนาจนิยมและชนชั้นนำ
ความรุ่นแรงเช่นนี้มีในรัฐธรรมนูญ 2560 มากกว่า 2550 เสียอีก
9 ก.พ. 55 อ.ธิดา ถาวรเศรษฐและคณะยื่นเรื่องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร |
นปช.ในยุคนั้นที่ดิฉันเป็นประธานตั้งแต่
1 ธ.ค. 2553 ได้เสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยประชาชน โดยมีหลักใหญ่ ๆ คือ
ได้เลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 100 คน เป็นการเลือกตั้งทั่วไป
ให้จำนวนสสร.แต่ละจังหวัดขึ้นกับจำนวนประชากรในแต่ละจังหวัดเป็นสัดส่วนกันโดยตรง
เมื่อได้
สสร. จากการเลือกตั้งทั่วประเทศ เกิดสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา แยกจากสภาผู้แทนราษฎร
สสร. ก็จะมาตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งอาจจะมาจากบุคลากร นักวิชาการภายนอก
ร่วมกับ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งก็ได้
เราทำการรณรงค์
มีประชาชนร่วมลงชื่อประมาณ 1 แสนคน ผ่านการตรวจสอบถูกต้อง 71,543 รายชื่อ
ผ่านสภาผู้แทนราษฎร ร่างนี้ต่างกับร่างที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทย ที่กำหนดให้มี สสร.
99 คน มาจากการเลือกตั้งจังหวัดละ 1 คน และมาจากการสรรหาโดยรัฐสภา 22 คน (อ้างถึง :
เปิดร่างแก้รธน.ฉบับ “นปช.” https://www.ombudsman.go.th/10/con550209_01.html)
ภาพรายชื่อประชาชนผู้เข้าร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญรวบรวมโดย นปช. (ขอบคุณภาพจาก innnews.com) |
พูดง่าย
ๆ คือพรรคเพื่อไทยต้องการใช้เวทีรัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญโดยตรง ผ่านการสรรหาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ในขณะที่ นปช. ต้องการให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดและ
สสร. ต่างหาก รับผิดชอบเรื่องนี้ไปเลย
1) เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยตรง
โดยเริ่มต้น
เปรียบเทียบจากรัฐธรรมนูญเดิมฉบับปี 2516, 2540 หรือ
2550 ก็ได้
เปรียบเทียบจากรัฐธรรมนูญเดิมฉบับปี 2516, 2540 หรือ
2550 ก็ได้
2) เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง
2 พรรคใหญ่ในรัฐสภา
และ/หรือ ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับฝ่ายอนุรักษ์
นิยมอำนาจนิยม
และ/หรือ ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับฝ่ายอนุรักษ์
นิยมอำนาจนิยม
3) ผลจากการร่างรัฐธรรมนูญโดย
สสร. จะได้รับการยอมรับจาก
สังคมทุกฝ่าย เพราะมาจากสภาร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้ขึ้นกับ
พรรคการเมืองใด ๆ
สังคมทุกฝ่าย เพราะมาจากสภาร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้ขึ้นกับ
พรรคการเมืองใด ๆ
เหตุการณ์ผ่านไปจนบัดนี้
ความล้มเหลวอันเนื่องมาจากปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อมาจนถึงพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม
(สุดซอย) ล้วนเป็นสิ่งที่เรามองเห็นล่วงหน้าแล้วว่าจะมีผลต่อการเมืองการปกครองที่ช่วงชิงอำนาจ
ทั้งจากชนชั้นนำ สองระบอบ และประชาชนที่สนับสนุนสองระบอบ
ถ้าเราจะหวังให้ได้รัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน
ก็ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างมีจิตสำนึกมากที่สุด
แต่ถ้าพรรคการเมืองคิดแต่เฉพาะเสียงและมือในรัฐสภาเป็นที่ตั้ง
ต่อให้มีเสียงข้างมากในรัฐสภาก็ถูกพลังอำนาจอนุรักษ์นิยมจัดการให้พ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่าได้
ทำให้การเมืองไทยถอยหลังห่างจากระบอบประชาธิปไตยของประชาชนมากขึ้นทุกที
อย่างไรก็ตามข้อเสนอฝ่ายค้านปัจจุบันที่ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ
โดยมี สสร. 200 คนมาจากการเลือกตั้งโดยตรงและเป็นผู้ตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
และพรรคฝ่ายค้านไม่ต้องตั้งธงว่าแก้ประเด็นอะไรบ้างก่อน
ให้เป็นการระดมความคิดของประชาชนและสภาร่างรัฐธรรมนูญ ก็เป็นแนวเดียวกันกับ นปช.
ที่เสนอไว้เมื่อปี 2555 นั่นเอง
ดิฉันสนับสนุนและเห็นด้วยค่ะ
ผ่านมา
7 ปี พรรคเพื่อไทยเพิ่งจะคิดได้ตรงกัน!