ประธาน
นปช. ระบุผลลัพธ์การเลือกตั้งอย่างไรก็เป็นปัญหา บ้านเมืองจะวิกฤตยิ่งกว่า
เหตุการณ์พฤษภา 2535 พร้อมกล่าว การเดินไปให้ถึง 24 มีนาคม 2562 ว่ายากแล้ว
การเดินต่อไปหลัง 24 มีนาคม 2562 ยากกว่า
ที่ห้องประชุม
อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว
คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา' 35 ร่วมกับคณะตรวจสอบภาคประชาชน
และเครือข่ายประชาชน ได้จัดงาน เสวนาทบทวนบทเรียนการเมืองไทยในวาระครบรอบ 28 ปี
รัฐประหาร รสช. และข้อเสนอต่อแนวทางการเลือกตั้งทั่วไปต่อพรรคการเมืองและกองทัพ
ชี้คุณสมบัตินายกฯ เจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่
นายจตุพร
พรหมพันธุ์
ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. , อดีตผู้นำนักศึกษาในเหตุการณ์พฤษภา
2535 กล่าวว่า ในสมัย รสช.นั้น ทหารไม่เป็นนายกรัฐมนตรีเอง
แต่มอบหมายให้นักบริหารมืออาชีพอย่างนาย อนันต์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี
มาบริหารประเทศ ทำให้ในสมัยนั้น ประชาชนมิได้มีความเดือดร้อนด้านเศรษฐกิจ
แต่มีปัญหาด้านประชาธิปไตย ส่วนในยุคปัจจุบัน รัฐบาลทหาร เป็นนายกรัฐมนตรีเอง
บริหารประเทศไม่เป็น ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจ ประชาชนเดือดร้อน อย่างมาก ทั้งนี้มีสิ่งที่เหมือนกันอีกหนึ่งเรื่องคือ
ให้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจให้กับรัฐบาลทหาร
แม้จะมีการต่อต้านตั้งแต่กระบวนการร่าง แต่ก็ยังคงมีการ ลับ ลวง พราง อยู่ดี
แม้ประชาชนจะไม่ไว้ใจ ไม่ยอมรับในรัฐธรรมนูญที่ คนของรัฐบาลทหารร่างขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับ
ผ่านประชามติ ด้วยต้องการเลือกตั้งก่อน และไปแก้ในสภา
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่เป็นที่น่าสังเกตคือ การตั้งพรรคพลังประชารัฐ
ไม่แนบเนียนเท่า พรรคสามัคคีธรรม และตนก็คิดว่าจำนวน
ส.ส.ที่จะได้ก็คงสู้ไม่ได้เช่นกัน อีกทั้งเรื่องการแต่งตั้ง สมาชิกวุฒิสภา หรือ
สว. ที่วางบทบาทให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
เป็นประธานกรรมการสรรหา สว. แต่อย่างไรก็ตาม คนลงนามแต่งตั้งสุดท้าย ก็คือ
พลเอกประยุทธ์ อยู่ดี คงจะยากที่จะหลีกเลี่ยงข้อครหาว่าแต่งตั้ง
สว.มาเพื่อยกมือโหวตให้ตัวเอง
นายจตุพร
กล่าวอีกว่า ทันที่พลเอกประยุทธ์ ตัดสินใจสืบทอดอำนาจ
ตนก็คิดว่าประเทศไทยจะย้อนรอยประวัติศาสตร์ พฤษภาทมิฬ อีกทั้งตนยังเห็นว่า
การเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ลาออก ยากกว่าเข็นครกขึ้นเสาไฟ
ถึงแม้ว่าพลเอกประยุทธ์จะลาออก ก็ยังคงได้เปรียบ อยู่ดี แล้วให้พลเอกประวิตร
รักษาการณ์ จะแนบเนียนกว่า พลเอกประวิตรมีความละเมียดในการทำงาน
ซึ่งที่ผ่านมาเรื่องสำคัญหลาย ๆ เรื่องก็ผ่านมือพลเอกประวิตรทั้งนั้น
ยกเว้นเรื่องเดียว คือเรื่องนาฬิกา ที่ไม่มีความละเมียด
นายจตุพร
ยังกล่าวด้วยว่า พรรคพลังประชารัฐ ขาดพลเอกประยุทธ์ไม่ได้ แต่คนไทยขาดได้ ขาดแล้วจะดีที่สุดด้วย
ตนรู้สึกเป็นห่วงวิธีการลงจากอำนาจของพลเอกประยุทธ์เป็นอย่างมาก
กังวลจะเป็นเหมือนผู้นำเผด็จการในอดีต
ที่หลังจากลงจากอำนาจแล้วไม่สามารถเดินถนนได้ ในเรื่องการการเลือกตั้งนั้น
ตนไม่แน่ใจว่าจะเดินไปถึงวันที่ 24 มีนาคม 2562 หรือไม่ หากถึง แล้วจะเป็นคำตอบสุดท้ายหรือไม่
ตนได้เคยชวนตั้งแต่ต้นแล้วให้ทุกคนวางเรื่องของตัวเองลง พูดคุยกัน
เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ การเดินถึง 24 มีนาคมว่ายาก แต่หลัง 24 มีนาคม
ยากกว่า
นายจตุพร
กล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นปัญหาทุกขั้นตอน
เขียนไปเขียนมาล็อคพวกเดียวกันเองเสียอีก บรรยากาศการเลือกตั้งครั้งนี้
ไม่เหมือนการเลือกตั้งปกติ ตนเห็นว่าการเลือกตั้งหนนี้
กำลังทำให้ประเทศเดินสู่วิกฤต ทำให้นึกถึงการเลือกตั้งเมื่อปี 2500
ที่เป็นการเลือกตั้งที่สกปรกที่สุดครั้งนี้ก็เช่นกัน
วันนี้ใครขนะเลือกตั้งเป็นเรื่องเล็ก เลือกตั้งแล้วจะอย่างไรกับประเทศนี้ต่อไป
ผลลัพธ์การเลือกตั้งอย่างไรก็เป็นปัญหา บ้านเมืองจะวิกฤตยิ่งกว่า เหตุการณ์พฤษภา
2535 ที่แต่ละฝ่ายมีความนักเลงอยู่บ้างต่างจากปัจจุบัน
ที่ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป้นห่วง ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
ถ้าสามารถเดินไปถึง 24 มีนาคม หลัง 24 มีนาคม ก็นำพาประเทศสู่วิกฤต แน่นอน
นายกษิต
ภิรมย์
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
เป็นกฎหมายที่จะทำให้ประชาธิปไตยถอยหลังเข้าคลอง ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ
ทำให้ไทยเป็นรัฐราชการ ลดบทบาทผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง ให้ถูกจำกัดด้วยกฎกติกาต่าง
ๆ ให้ทำงานอย่างยากลำบาก บทเรียน 86 ปีของระบอบประชาธิปไตย คือ ต่อไปนี้
จะต้องไม่มีทหารในการเมือง ต่อไปนี้ ทหารไม่ใช่เจ้าของอำนาจอธิปไตย
ไม่ใช่อำนาจสูงสุดของประเทศ อำนาจสูงสุดเป็นของปวงชนชาวไทย
ทหารไม่มีสิทธิในการเมือง ทั้งนี้ เราต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างใหญ่หลวง
เพื่อนำทหารกลับกรมกองให้จงได้ เราต้องเขียนรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นสากล
ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ตนขอเสนอให้พลเอกประยุทธ์
ลาออกตั้งแต่วันนี้ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ใช้เวลาสัก 2 สัปดาห์ ให้เกจิทางด้านกฎหมาย
ร่างรัฐธรรมนูญ ให้สั้น ง่าย และมีประชาธิปไตยเต็มใบ
ที่มา : PEACE TV