 |
| อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษา นปช. |
กับหนังสือพิมพ์รายวัน มติชน
ฉบับวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 60
*เสียงสะท้อน 'คู่ขัดแย้ง' 3 ปีสร้างปรองดอง*
ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่คณะรักษาความสงบแหงชาติ (คสช.) ยึดอำนาจเข้ามาบริหารประเทศ ขอประเมินในภาพรวมก่อนว่าเป้าหมายการเมืองของประเทศยังไม่สามารถตอบได้เลยว่าจะมุ่งไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่ให้อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง แต่ในทางกลับกันพบว่าคสช.มีเจตนารมณ์ที่จะสืบทอดอำนาจของตนเองให้กลายเป็นรัฐราชการ โดยที่ไม่ได้สร้างรัฐแบบประชาธิปไตยแต่อย่างใด
ขณะที่การสร้างความปรองดองที่แม้ว่าคสช.จะตั้งคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ปยป.) ทำการปรองดองก็ตาม แต่ในเมื่อมุ่งสู่ความหลักอยากเป็นรัฐราชการและต้องการสืบทอดอำนาจของตนเองให้อยู่ยาว จึงไม่มีเจตนาที่จะปรองดองจริง ๆ เลย
และอีกความหมายหนึ่งของการปรองดองคือ การให้ทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน ร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดมาแล้วในอดีต เพื่อให้ปัจจุบันเกิดความสามัคคีและอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขในสังคม ขณะเดียวกันก็ต้องมีองค์ความรู้และมีบรรยากาศที่เอื้อต่อการแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ เพื่อทำความจริงให้ปรากฎว่ารากเหง้าของความขัดแย้งคืออะไร อีกทั้งผู้ดำเนินการต้องมีความเป็นกลาง อย่าเอาคู่ขัดแย้งมาเป็นคนกลาง และเมื่อทำความจริงให้ปรากฎขึ้นมาได้แล้ว ก็ให้ทุกภาคส่วนร่วมพิจารณาว่าอะไรบ้างที่ควรจะให้อภัยกันได้หรือไม่ มากน้อยแค่ไหน นี่แหละคือกระบวนการสร้างความปรองดอง
เพราะฉะนั้นในเมื่อการปรองดองล้มเหลว การแก้ไขปัญหาในอดีตก็ยังไม่ได้แก้ไข ดังนั้นจึงยังไม่มีเป้าหมายจะเดินร่วมกันในอนาคตอย่างสงบสุข ซึ่งทุกวันนี้ดูเหมือนเป็นการซุกปัญหาไว้ที่ใต้พรม ที่รอวันปะทุและระเบิด ถ้าปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงใจ
