ประเด็น : จากพฤษภา'35 ถึงพฤษภา'53 สังคมไทยได้อะไร?
และเรียนรู้อะไร?
อ.ธิดาได้กล่าวใน Facebook Live
ก่อนเข้ารายการ "เหลียวหลังฯ" ว่า
จุดมุ่งหมายที่พูดประเด็นนี้ก็คือ
ให้ทุกฝ่ายทั้งสังคมไทยได้เรียนรู้และยอมรับความจริง
ทำอย่างไรเราจะไม่มีการสูญเสีย!
ทำอย่างไรที่จะหารากเหง้าปัญหา!
ทำอย่างไรไม่ให้มันผิดซ้ำ!
ทำอย่างไรไม่ให้มีคนตายกลางถนน
แล้วเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างนี้!
สังคมจะอยู่ได้และดำเนินไปได้ คือคุณต้องยอมรับความจริง แล้วเรียนรู้กับมันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น แม้คุณจะไม่ชอบแต่คุณจะให้มันหายไปเฉย ๆ
ไม่ได้ ถ้าไม่อยากให้เกิดขึ้นซ้ำอีก คุณก็ต้องศึกษาว่าทำอย่างไรไม่ให้มันเกิด
อ.ธิดาได้สรุปเอาไว้ว่า “การต่อสู้ของประชาชนในเหตุการณ์พฤษภา’35 เป็นมรดกตกทอดที่ประชาชนรับต่อมาจากเหตุการณ์ 14 ตุลา’16
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ประชาชนลุกขึ้นต่อสู้โดยมีขบวนการนักศึกษาเป็นกองหน้า
เป็นผู้นำขบวน
แต่ถูกทำลายด้วยความหวาดกลัวคอมมิวนิสต์และถูกทำให้แยกสลายเพราะมองว่าปัญญาชนเป็นฝ่ายซ้ายเป็นพวกคอมมิวนิสต์”
ถามว่ามรดกอันนี้หายไปไหม?
ไม่หาย....เพราะองค์ประกอบของประชาชนที่ลุกขึ้นมาในพฤษภา’35 นั้นมีคนจนเมือง, คนชั้นกลาง โดยเฉพาะคนที่เคยต่อสู้ใน 14 ตุลา’16
เป็นจำนวนมาก และที่สำคัญคือชนชั้นนำไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพรรคการเมือง กลุ่มธุรกิจ
ซึ่งสังคมโลกาภิวัตน์ได้สร้างนายทุนนักธุรกิจขึ้นมา แล้วเขาพังพินาศด้วยการทำรัฐประหาร
องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้พัฒนาการของการต่อสู้เปลี่ยนไปจากเดิมที่เอานักศึกษามาเป็นตัวหลัก ก็กลายเป็นประชาชนทั้งคนจนเมือง คนชั้นกลาง แต่ที่สำคัญด้านหลักกลับเป็นนายทุน
สุดท้ายจบลงด้วยชัยชนะชั่วคราว ผลที่ได้คือได้รัฐธรรมนูญ 40
ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ก้าวหน้า
ได้มีการแก้ไขกรณีนายกรัฐมนตรีไม่สามารถมาจากคนกลางคนนอกได้
ประธานรัฐสภาต้องมาจากสภาผู้แทนราษฎร นี่เป็นจุดสำคัญของการต่อสู้เรียกร้อง แปลว่ายกระดับจาก 14 ตุลา’16
ดังนั้นพฤษภา’35
จึงเป็นแม่บทของการต่อสู้ของประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
แต่ว่ายังไม่สามารถนำพาให้ประเทศนี้ไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง ยังไม่ถึงจุดหมาย ดังนั้นมรดกนี้จึงยังสืบทอดอยู่และจึงเป็นภารกิจมรดกที่ประชาชนต้องสืบทอดต่อไปแม้เวลาจะยาวนาน
สุดท้าย อ.ธิดา อยากจะบอกว่า
“มันเป็นความจริงนะ เจ็บปวดก็ต้องเจ็บปวด
และจะต้องเรียนรู้กับมัน
ทหารหรือกองทัพก็ต้องเรียนรู้!
ประชาชนก็ต้องเรียนรู้!
ไม่ใช่ทำเป็นลืม ๆ
ไม่ใช่ทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในประเทศนี้!
ถ้าอย่างนั้นเขาเรียกว่าเราจะเป็นมนุษย์ที่ไม่พัฒนา