วันอังคารที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ความในใจของ อ.ธิดา ต่อปัญหาการศึกษาไทย

วันก่อนเราพูดถึงเรื่องปรากฎการณ์ของเนติวิทย์  ทำไมเนติวิทย์ถึงได้รับเลือกมาเป็นประธานสภานิสิตจุฬาฯ 

เราพบว่านิสิตจุฬานั้นต้องการการเปลี่ยนแปลงและต้องการผู้นำที่มานำพาเพื่อที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้  เพราะว่าที่แล้วมาไม่ว่าจะมีมติใด ๆ ก็ตามถ้าถูกขัดโดยผู้ใหญ่ทางสายแนวคิดอนุรักษ์นิยมปิดปาก  เรื่องนั้นก็จบ  ซึ่งพวกเขาก็คิดกันว่าไม่ถูก


หมายความว่าในส่วนของนิสิตจุฬานั้น  แนวคิดเสรีนิยมปรากฎและเป็นหลักเป็นฐาน

เมื่อหันมาดูอาจารย์มหาวิทยาลัย ยกตัวอย่างเช่นกรณีของ ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีธรรมศาสตร์ หรือแม้กระทั่งกรณีที่มีการต้มตุ๋น 500 กว่าล้านโดยอาจารย์หนึ่งคนต้มตุ๋มอาจารย์มหาวิทยาลัยจุฬาฯ 78 คน ถามว่ากรณีสองกรณีนี้มันแสดงให้เห็นว่าอะไร  ก็แสดงให้เห็นว่าคณาจารย์ยังง่วนอยู่กับเรื่องราวของผลประโยชน์ส่วนตน  แน่นอนผู้ต้มตุ๋มเป็นเรื่องที่มีปัญหาอยู่แล้ว  แต่ผู้ที่ถูกต้มตุ๋มก็แปลว่าสาระ-วิธีคิดยังอยู่ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวจนกระทั่งลืมคิดถึงความเป็นได้ ความสมเหตุสมผล  จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง  อันนี้เป็นปรากฎการณ์

เพราะฉะนั้นความล้มเหลวเมื่อมีการเทียบกับระหว่างประเทศมันสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัย  ทั้งภารกิจของมหาวิทยาลัย  คุณผลิตบัณฑิต คุณมีความรู้แค่ไหน  มีความรับผิดชอบในฐานะเป็นครูบาอาจารย์แค่ไหน และคุณมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยหรือเปล่า สอนกันหรือเปล่าว่าต้องรับผิดชอบต่อสังคมด้วย  ไม่ใช่สักแต่ว่ากินเงินเดือน มาทำงาน มีวันหยุด แล้วก็มีรายได้  ก็สอนไป  ไม่ได้คำนึงเลยว่ามีความรู้เพียงพอ สร้างบัณฑิตที่มีคุณภาพ และมีความคิดที่ถูกต้อง ยอมรับการเมืองที่ถือว่าประชาชนเป็นนาย!!! หรือประชาชนเป็นบ่าว!!!

เพราะฉะนั้นการต่อสู้ระหว่างแนวคิด 2 แนวคิด ส่วนตัว-ส่วนรวม, แนวคิดอนุรักษ์นิยม-เสรีนิยม, แนวคิดที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงหรือคงไว้ระบอบประเพณีมันเป็นสิ่งที่ยังคงอยู่ในมหาวิทยาลัย  และบอกได้เลยว่ามหาวิทยาลัยกับอาจารย์ของเรานั้นล้มเหลว  ส่วนตัวมาก่อนส่วนรวม  อันนี้ก็ยังไม่ว่านะถ้ามีความรู้ความสามารถ  แต่ความรู้ความสามารถเมื่อเทียบกับที่อื่นมันแย่กว่าเยอะ  เพราะคุณเอาแต่วิจัยว่าคุณจะได้ ผศ. รศ. ศจ. ลอกกันไปลอกกันมา ความรับผิดชอบอยู่ที่ไหน?
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าในเมื่อแม่พิมพ์มหาวิทยาลัย อาจารย์ เป็นอย่างนี้แล้วมันจะส่งผลให้มหาวิทยาลัยเป็นแบบไหน 

เพราะฉะนั้นชะตากรรมของประเทศไทยนอกจากเป็นปัญหาการศึกษาพื้นฐานที่มีปัญหามากอยู่แล้ว  การศึกษาในระดับอุดมศึกษาซึ่งจะไปต่อยอดการแข่งขันในเวทีโลกก็มีปัญหาแน่นอน

ความจริงแล้วปัญหาการศึกษาประเทศไทยนั้นมีมากกว่านี้มาก  เพราะว่าความคิดจารีตนิยมและความคิดที่เอาคณะของตัวเอง  และความคิดที่เห็นประชาชนเป็นบ่าวแล้วตัวเองเป็นนายมันครอบงำสังคมไทยมานานจนกระทั่งมันไม่สามารถที่จะมียืนที่เชิดหน้าชูตาในเวทีโลกได้ 

นี่เป็นความรู้สึกในใจของอาจารย์ธิดา!