วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2568

"ปชน."ยังไม่ได้ข้อสรุป ! โหวตนายกฯ คนที่ 32 "พริษฐ์" เผยพรุ่งนี้ (2 ก.ย.) ถกต่อ รับกังวล "แดง-น้ำเงิน" ไหลกลับไปรวมกันอยู่ต่ออีก 2 ปี หรือ ไหลไปสู่นายกฯคนนอก

 


"ปชน."ยังไม่ได้ข้อสรุป ! โหวตนายกฯ คนที่ 32 "พริษฐ์" เผยพรุ่งนี้ (2 ก.ย.) ถกต่อ รับกังวล "แดง-น้ำเงิน" ไหลกลับไปรวมกันอยู่ต่ออีก 2 ปี หรือ ไหลไปสู่นายกฯคนนอก


เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 ที่ทำการพรรคประชาชน (ปชน.) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมนัดพิเศษของ สส.พรรคประชาชน ในวันนี้ เพื่อหารือกันในการสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ระหว่างพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือจะไม่โหวตให้ใครเลย ว่า ตอนนี้ถือว่าจบการประชุม สส.ในวันนี้แล้ว ซึ่งมี สส.มาร่วมประมาณ 90 กว่าคน หรือ 60 เปอร์เซ็นต์ของ สส.ทั้งหมด เพราะว่าวันนี้เป็นการประชุมนัดพิเศษ หลายคนมีการติดภารกิจที่นัดไว้ล่วงหน้า ทั้งกรรมาธิการ และในพื้นที่ แต่คาดว่าในวันพรุ่งนี้(2 ก.ย.)จะมี สส.เข้าร่วมประชุมมากกว่าเดิม เพราะมีการล็อคคิวกันล่วงหน้าไว้แล้ว


สำหรับความเห็นในที่ประชุมยังมีหลากหลายมาก หลายคนแสดงความเห็นว่ามีความหนักใจไม่ว่าเลือกทางใดทางหนึ่ง เราจึงมีข้อสรุปในวันนี้ว่าจะเป็นการประชุมต่อในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้ สส.ที่มาวันนี้ได้ตกผลึก รวมถึงมีการแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม และ สส.ที่มาในวันนี้ไม่ได้ ได้มาหารือกันอย่างเต็มที่ในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ จะนำความเห็นของ สส.มาประกอบความเห็นกับทุกภาคส่วน ทั้งทีมเครือข่าย และทีมงานพรรค


โดยประเด็นที่มีการพูดคุยกันอย่างชัดเจน คือประเด็นที่เรายืนยันในจุดเดิมว่า สิ่งที่ตอบโจทย์ประเทศคือการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว เพราะเราเป็นฝ่ายที่เรียกร้องการยุบสภามาโดยตลอด หากสมมติว่ารักษาการนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจในจะยื่นเพื่อดำเนินการยุบสภา ก็จะสอดคล้องกับจุดยืนของเรา เรายินดี และพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง


นายพริษฐ์ ย้ำว่า ตนเข้าใจดีว่าหลายคนหนักใจทั้ง สส.และประชาชน หากถึงวันนั้นที่ต้องเลือกคนเข้าไปในการยุบสภา ซึ่งบางคนก็ตั้งคำถามว่าจำเป็นหรือไม่ หรือเราไม่ต้องทำอะไรเลย แต่เราพยายามคิดในจุดหนึ่งว่า หากไม่มีการยุบสภาเกิดขึ้นจริงๆ แล้วมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ณ เวลานี้ เพราะไม่มีกลุ่มใดได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง ดังนั้น ก็ต้องคิดต่อว่าหากเราอยู่เฉยๆ แล้วงดออกเสียง จะเกิดอะไรขึ้น เราจึงมองไปถึงความน่ากังวล 2 ประการ คือ 


1. ปัจจุบันที่ทั้งแดงและน้ำเงิน ไม่สามารถร่วมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง เขาจะไหลกลับไปรวมกัน ส่วนเหตุผลที่กังวลในตรงนี้ คือหากเขาไปรวมกัน ก็จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก และมีแนวโน้มที่จะอยู่ครบวาระในอีกเกือบ 2 ปี ซึ่งขัดกับจุดยืนของเรา ที่ต้องการการเลือกตั้งโดยเร็ว


และหากถามว่า 2 ปีข้างหน้า อะไรคือสิ่งที่น่ากังวลนั้น คงไม่ต้องมองไปที่แห่งใด แต่ย้อนกลับไป 2 ปีที่ผ่านมา เพราะไม่มีนโยบายที่แก้ปัญหาประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในมุมหนึ่งเราก็เห็นว่า ช่วงที่แดงและน้ำเงินเป็นรัฐบาลมีคดีหลายอย่างที่อาจเกี่ยวข้องกับสองพรรคนั้น ที่ไม่ได้ถูกตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา แต่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง ซึ่งทำให้ประเทศเสียหาย ทั้งการเลือกตั้งใหม่ที่ช้าออกไปอีก 2 ปี และการที่ไม่มีนโยบายที่มีประสิทธิภาพ หรือการที่ไม่ถูกตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา


นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่สองพรรคนั้น หากเขาไม่กลับไปรวมกัน ก็มีความเสี่ยงว่าจะหลายออกไปถึงนายกรัฐมนตรีที่อยู่นอกระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อประเทศแน่นอน เราจึงมีความหนักใจ เราเข้าใจดีความรู้สึกหลายคนว่าหากเราอยู่เฉยๆ จะได้หรือไม่ แต่เรายืนยันว่าถ้าเราไม่ทำอะไร ก็มีความเสี่ยงที่สองเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น และไม่ส่งผลดีต่อประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถสรุปแบบได้ว่าวันพรุ่งนี้จะได้คำตอบที่ชัดเจนหรือไม่ และยังมีไม่ตกผลึกในการเลือกระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย หรือไม่เลือกใครเลย


เมื่อถามว่า การที่พรรคประชาชนยังไม่ตัดสินใจเนื่องจากรอสภาบรรจุการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ลงระเบียบวาระใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรายังไม่ได้รับความชัดเจนว่าสภาฯ จะนัดเมื่อไหร่ ซึ่งก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยในการพิจารณา ตนคิดว่าตอนนี้แม้ไม่มองไปถึงจุดนั้น ก็ต้องยอมรับว่าความเห็นอยู่ที่ประชุมก็ยังแตกต่าง ซึ่งเหตุผลที่เราหนักใจ สังคมน่าจะพอคาดการณ์ได้ เพราะก็สอดคล้องกับที่หลายคนแสดงความคิดเห็นกัน เรายืนยันว่า สส.ของพรรค โดยเฉพาะ สส.แบบแบ่งเขต ภารกิจของเขาต้องเป็นตัวแทนของคนในพื้นที่ ดังนั้น เชิญชวนให้ผู้สนับสนุนพรรคสามารถสะท้อนความเห็นกับ สส.ของพรรคได้ เพื่อให้นำมาสื่อสารกับที่ประชุม


นายพริษฐ์ ยืนยันว่า สส.ของพรรคเราไม่มีการออกจากกลุ่มไลน์ เราเดินหน้าอย่างเป็นเอกภาพ ขณะนี้ไม่มีการพูดคุยเพิ่มเติมกับทั้งพรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย เพราะเราถือว่าทั้ง 2 พรรค ได้ตอบรับเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อของเรา ตอนนี้เป็นการคุยกันภายใน เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย ระบุว่ามีการทำข้อตกลงร่วมกันกับพรรคประชาชนแล้ว นายพริษฐ์ กล่าวว่า ต้องไปถามพรรคภูมิใจไทย


เมื่อถามถึงตัวเลขที่พรรคภูมิใจไทยอ้างถึง 280 เสียง นายพริษฐ์ ย้ำว่า จะไม่มีรัฐบาลไหนที่ตั้งขึ้นได้จากเงื่อนไขพรรคประชาชน และมีเสียง 280 เสียง เพราะเรายืนยันว่าเราจะไม่ร่วมรัฐบาล ดังนั้น ตัวเลขนี้ เราจะไม่ถูกรวมในเสียงรัฐบาล เงื่อนไขของเราต้องการรัฐบาลเสียงข้างน้อย ต่ำกว่า 246 เสียง ย้ำว่าเงื่อนไขเราชัด


ส่วนเหตุผลที่ต้องวางไว้ 4 เดือน เนื่องจากต้องรอคำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 10 กันยายน เรื่องจำนวนครั้งในการทำประชามติ แต่หากพูดถึงพรรคเพื่อไทยโดยตรง ความจริงก็คงไม่ต้อง 4 เดือนอยู่แล้ว เพราะรักษาการนายกรัฐมนตรีสามารถทำได้เลย


เมื่อถามว่ากรณี MOU 43 และ MOU 44 จะเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของพรรคประชาชนหรือไม่ นายพริษฐ์ ย้ำว่า เราไม่ได้พิจารณาอะไร ที่นอกเหนือจาก 3 เงื่อนไข ส่วนสุดท้ายที่ประชุม สส.พรรคประชาชน จะต้องให้โหวตกันหรือไม่นั้น ความเห็นเราไม่ได้จำกัดแค่ สส. ดังนั้น จึงไม่ได้เป็นลักษณะที่โหวตในที่ประชุม สส.เพราะเราต้องรับฟังความเห็นของทุกภาคส่วน แล้วค่อยนำมาตกผลึก ก่อนตัดสินใจ


ส่วนคนที่จะเป็นคนตัดสินใจนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นกระบวนการภายในของพรรค แต่ท้ายที่สุดกรรมการบริหารพรรคต้องรับผิดชอบกับการตัดสินใจที่เกิดขึ้น เพราะมาจากความคิดเห็นของทุกภาคส่วน สำหรับทิศทางโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ยืนยันว่า จะโหวตไปในทิศทางเดียวกันทั้งพรรค


เมื่อถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทยต้องยุบสภาเท่านั้นใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ข้อเสนอนี้ไม่ได้เป็นข้อเสนอที่ใหม่ ไม่ได้พูดแค่ 2 วันที่ผ่านมา แต่เราพูดมา 3 เดือนแล้ว หากจำกันได้ และมีการตั้งของผู้สังเกตว่าการเรียกร้องของเราเป็นเพราะคะแนนนิยมเราดีใช่หรือไม่ แต่เรายืนยันว่าไม่ใช่ เรามองถึงสถานการณ์ข้างหน้า เพื่อให้ท้ายที่สุดแล้วมีรัฐบาลที่แก้ปัญหาประชาชนได้


เมื่อถามว่า ยุบสภาภายใน 2 เดือน หรือ 4 เดือน มีแนวโน้มไปทางใดมากกว่ากัน นายพริษฐ์ ระบุว่า การที่เราวางไว้ 4 เดือน ไม่ได้หมายความว่าจะต้อง 4 เดือน แต่เพราะเชื่อมกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งผูกพันกันกับการเริ่มต้นการทำประชามติครั้งแรก เมื่อถามอีกว่า 2 เดือนมีโอกาสมากกว่าหรือไม่ นายพริษฐ์ ย้ำว่า เราไม่เคยเอาตรงนี้มาเป็นเงื่อนไข


ส่วนประเมินความจริงใจ ของพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย อย่างไร นายพริษฐ์ มองว่า ความจริงใจเป็นสิ่งที่ทั้ง สส.ของเรา และประชาชนหลายคนใช้ในการประเมินอยู่แล้ว ตนขอตอบกว้างกว่านั้นว่า แน่นอนหลายคนมองว่า เราจะทำให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยเข้าไปรักษาสัญญาได้อย่างไร ซึ่งก็มีอีก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ เราออกแบบกลไกที่จะทำให้มีกลไกควบคุมชัดเจนที่สุด คือทำให้ใครที่เข้าไปเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ดังนั้น เราสามารถใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจล้มรัฐบาลที่เบี้ยว หรือใช้อำนาจโดยมิชอบได้


"พูดตรงๆ ไม่ไว้ใจทั้งคู่ แต่ก็ต้องมาประเมินความเสี่ยงกัน ว่าจากสาระและท่าทีที่เราเห็น ชั่งวัดกันด้วยหลักฐานว่า อันไหนมีความเสี่ยงน้อยกว่า ยืนยันว่าตัดสินใจด้วยเหตุและผล ไม่เอาอารมณ์มาตัดสิน เพราะถ้าเราทำเช่นนั้น บางคนก็มีความรู้สึกว่า พรรคเพื่อไทยก็ฉีก MOU ร่วมรัฐบาล ส่วนพรรคภูมิใจไทยก็อภิปรายตอนโหวตคุณพิธาเป็นนายกฯ ย้ำว่าจะทำให้ประเทศนี้มีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน เพื่อแก้ปัญหาประชาชนโดยเร็ว"


ส่วนจะถือเป็นการรีเซ็ตความขัดแย้งในอดีตหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เราไม่ลืมอยู่แล้ว แต่เราไม่เอาอารมณ์มาเป็นตัวตัดสิน แม้ไม่ไว้วางใจก็ต้องคุยกันได้ข้อสรุปในวันพรุ่งนี้


"ผมขอสื่อสารกับประชาชนว่า ผม และ สส.พรรคประชาชน เราตระหนักดีว่าเรามาอยู่จุดนี้ได้เพราะใคร เราทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรได้เพราะพี่น้อง 14 ล้านคน ที่เลือกเราเข้ามา ขอให้คำมั่นสัญญาว่า เราจะไม่เอาความไว้วางใจนั้น ไปทำอะไรที่ขัดหลักการ ผิดคำพูด หรือไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ" นายพริษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน

"พริษฐ์" ลั่น "เพื่อไทย" ต้องการยุบสภา ทำได้เลย ไม่ต้องรอ "ปชน." ชี้ประชาชนมีสิทธิตั้งคำถาม ขู่แบบนี้คือการโยนความรับผิดชอบหรือไม่ มองหากเกิดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ ‘อนุทิน-ชัยเกษม’ จริง คนรอฟัง

 


"พริษฐ์" ลั่น "เพื่อไทย" ต้องการยุบสภา ทำได้เลย ไม่ต้องรอ "ปชน." ชี้ประชาชนมีสิทธิตั้งคำถาม ขู่แบบนี้คือการโยนความรับผิดชอบหรือไม่ มองหากเกิดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ ‘อนุทิน-ชัยเกษม’ จริง คนรอฟัง 


วันที่ 1 กันยายน 2568 เวลา 14.55 น. ที่ทำการพรรคประชาชน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน ให้ความเห็นถึงกรณีที่มีตัวแทนของพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุ หากพรรคประชาชนไม่สามารถตัดสินใจเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งได้ อาจจะมีการดำเนินการยุบสภา ว่า ความจริงแล้ว พรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องรอให้พรรคประชาชนตัดสินใจ ก็สามารถดำเนินการยุบสภาได้ 


เนื่องจากมาถึงวันนี้ เราก็ยังคงยืนยันว่า ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี อำนาจในการยุบสภา อยู่ที่ในนายภูมิธรรม เวชยชัย และพรรคเพื่อไทย จึงขอย้ำกับประชาชนว่า เหตุผลที่เราต้องมาประชุมด้วยความหนักใจ ณ เวลานี้ เพราะก่อนหน้านี้จนถึงวันนี้ ยังไม่มีการยุบสภา 


ดังนั้น เราจึงต้องหารือว่า เราจะสามารถใช้เสียงของเรา 143 เสียงในสภาอย่างไร เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ไปทำหน้าที่ไปยุบสภา  


เมื่อถามว่า การยุบสภาเวลานี้ คือการคืนอำนาจเลือกตั้งให้ประชาชน จะถือว่าเป็นข้อดีหรือไม่ นายพริษฐ์ ย้ำว่า เราเรียกร้องให้มีการยุบสภา ตั้งแต่วันที่มีคลิปเสียงของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมา เนื่องจากเราเห็นว่า ไม่ว่านายกรัฐมนตรี จะชื่ออะไร พรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นใคร องค์ประกอบของรัฐบาลชุดนี้ ไม่สามารถทำให้เรามีรัฐบาลที่มีคุณสมบัติในแก้ไขปัญหาประเทศได้ ทั้งความเชื่อใจทางการเมือง เสถียรภาพ รวมถึงศักยภาพการแต่งตั้งคนเข้ามาขับเคลื่อนการแก้ปัญหา ยากๆ ของประเทศ ซึ่งเรายังคงยืนยันในจุดเดิมว่า เราเรียกร้องการยุบสภามาตลอด แต่ที่ผ่านมาผู้มีอำนาจในการยุบสภาไม่ตอบสนอง ย้ำว่า ไม่ต้องรอเราก็ได้ สามารถดำเนินการยุบสภาได้เลย


ส่วนจะมีการนำเรื่องนี้ เข้าหารือในที่ประชุม สส.วันนี้ด้วยหรือไม่ นายพริษฐ์ มองว่า ความจริงไม่ต้องพูดคุยก็ได้ เพราะเป็นจุดยืนของพรรคประชาชนมาโดยตลอด 


อย่างไรก็ตาม ในการประชุมวันนี้ ที่ผ่านมากว่า 2 ชั่วโมงแล้ว ก็ยังมีความเห็นอย่างหลากหลาย รวมถึงความเห็นจากการที่ สส.ของเราได้มีโอกาสลงไปพูดคุยกับประชาชน และนำมาสะท้อน ซึ่งน่าจะใช้เวลาอีกสักพัก 


เมื่อถามว่าการที่พรรคเพื่อไทยขู่ยุบสภา คือการโยนความรับผิดชอบให้พรรคประชาชน ว่าเป็นคนที่ทำให้ไม่สามารตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ประชาชนมีสิทธิ์จะตั้งคำถามลักษณะแบบนั้น เพียงแต่ตนมีหน้าที่มายืนยันข้อเท็จจริงว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยต้องการยุบสภา ไม่ต้องรอให้เราตัดสินใจ 


ส่วนหากมีการเปิดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ของทั้งสองแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย นายพริษฐ์ เห็นว่า ถ้าไม่มีฝั่งไหนสามารถรวบรวมเสียง ได้เกินกึ่งหนึ่ง แล้วพรรคประชาชนต้องตัดสินใจ ว่าจะนำเสียง สส.ไปสนับสนุนให้ใครเข้ามาทำหน้าที่ยุบสภา แน่นอนว่าสิ่งที่อยู่ในใจของประชาชน ที่ทำให้พวกตน และ สส.มาอยู่ในสภาวันนี้ เขาก็คงอยากได้รับความมั่นใจว่า คนที่ตอบรับเงื่อนไข จะสามารถรักษาคำพูดแค่ไหน เพราะในมุมหนึ่ง พรรคประชาชนพยายามออกแบบกลไก ที่ทำให้เราในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ยังมีสิทธิ์ในการในคุมให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยรักษาสัญญา แต่หากมีการแสดงวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็คงเป็นเรื่องดีกับประชาชน 


เมื่อถามว่าการที่พรรคเพื่อไทยออกมาระบุเช่นนี้ มองว่ามีเจตนาอะไร นายพริษฐ์ ระบุว่า ให้พี่น้องสื่อมวลชนถามพรรคเพื่อไทยดีกว่า


เมื่อถามว่าที่ประชุมมีการแสดงความคิดเห็นต่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของทั้ง 2 พรรคหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยในประเด็นนี้ เพราะไม่ใช่ประเด็นที่จะนำมาพิจารณาว่า คุณสมบัติของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนไหนดีหรือไม่ดี เพราะเราไม่ได้สนับสนุนการทำหน้าที่ของรัฐบาล เนื่องจากเราไม่ได้ร่วมรัฐบาลชุดนั้น ถ้าจะมีการดำเนินการใดๆ ตามเงื่อนไขของพรรค คือให้คนเข้าไปยุบสภา 


เมื่อถามย้ำว่าแปลว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 คน ยังไม่ตอบโจทย์พรรคประชาชน ใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ ชี้ว่า เรื่องนั้นไม่ได้เป็นโจทย์ 


ส่วนพรรคประชาชนจะสามารถตัดสินใจเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากทั้ง 2 พรรค ได้ภายในวันที่ 5 ก.ย.นี้หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถให้ความชัดเจนได้ คงต้องรอการประชุมก่อน 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน

จับตาพรรคประชาชน บ่ายนี้ประชุม สส.ปชน. ลุ้นมติยกมือโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ให้ “พรรคเพื่อไทย” หรือ “พรรคภูมิใจไทย” หรือยังไม่เคาะ ด้าน "เท้ง" ยันไร้ธงในใจ ย้ำได้ข้อยุติ ก่อนวันโหวตแน่นอน

 


จับตาพรรคประชาชน บ่ายนี้ประชุม สส.ปชน. ลุ้นมติยกมือโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ให้ “พรรคเพื่อไทย” หรือ “พรรคภูมิใจไทย” หรือยังไม่เคาะ ด้าน "เท้ง" ยันไร้ธงในใจ ย้ำได้ข้อยุติ ก่อนวันโหวตแน่นอน


วันที่ 1 กันยายน 2568 บรรยากาศที่พรรคประชาชน อาคารอนาคตใหม่ ซอยรามคำแหง 42 เวลา 12.00 น. สส.ต่างทยอยเข้าพรรค โดยเวลา 13.00 น. เป็นต้นไป พรรคประชาชนจะมีการประชุม สส. เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและตัดสินใจ กรณีการโหวตนายกรัฐมนตรีตามเงื่อนไขที่พรรคเสนอ ต้องจับตาว่ามติที่ประชุมพรรคประชาชนจะโหวตให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง หรือจะกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย ท่ามกลางสื่อมวลชนที่ปักหลักรอทำข่าวอย่างคึกคัก


นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมนัดพิเศษของ สส.พรรคประชาชนในวันนี้ เพื่อหารือกันในการสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย ว่า แล้วแต่ที่ประชุมกันในวันนี้ ก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนอภิปรายให้ความเห็นกันในที่ประชุมมากพอสมควร


ส่วนจะต้องมีการลงมติหรือไม่ ถือว่าอยู่ที่การหารือของที่ประชุม เพราะหากเราสามารถหารือกันได้ข้อสรุปไปในทิศทางเดียวกันได้ อาจจะไม่จำเป็น แต่ตอนนี้ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่


สำหรับเงื่อนไขที่จะทำให้ไม่สามารถเคาะทิศทางโหวตได้ในวันนี้นั้น มีหลายเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งความเสี่ยงของฉากทัศน์ต่างๆ ตนขอยังไม่ลงรายละเอียดในตอนนี้ดีกว่า


เมื่อถามถึงกระแสผู้สนับสนุนพรรค ที่อยากให้ยึดจุดยืน โดยไม่เลือกพรรคไหนเลยนั้น นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า ทุกอย่างควรพิจารณาทั้งหมด


ส่วนคาดว่าจะมีการโหวตได้เมื่อไหร่ หรือจะมีการเซอร์ไพรส์ไม่โหวตเลยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนคงไปตอบแทนเพื่อน สส. รวมถึงองคาพยพของพรรคไม่ได้ เพราะในตอนนี้เป็นโอกาสที่ต้องหารือภายในกันให้รอบด้าน อาจให้คำตอบได้แค่ว่า จะพยายามหารือให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด รอเย็นวันนี้ก่อน น่าจะได้ความคืบหน้า อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทุกคนคงได้รับฟังเสียงสะท้อน ทั้งความคิดเห็นในออนไลน์ และออฟไลน์


เมื่อถามว่านายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ได้มีการติดต่อมาคุยหรือยัง เนื่องจากไม่ได้มาหารือพร้อมกับพรรคเพื่อไทย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า กับส่วนตัวตนโดยตรงยังไม่มี แต่กรณีที่มีกระแสข่าวว่านายชัยเกษมยังไม่ทราบ เรื่องจากพรรคเพื่อไทย และยังไม่มีการทาบทาบทามอย่างเป็นทางการนั้น เป็นสิ่งที่น่ากังวล และเชื่อว่าเพื่อนสมาชิกจะใช้เป็นข้อมูลในการประกอบตัดสินใจ ว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคคนใด จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นได้มากกว่าตามทีโออาร์ การมีหลายช่องทาง หลายตัวเลือก และหลายความคิดเห็น เชื่อว่าการเปิดประชุมแบบนี้ จะเป็นช่องทางที่ทำให้พวกเราได้ข้อสรุปโดยเร็ว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน 




“ภูมิธรรม” เผย รายละเอียดเจรจา “พรรคประชาชน” ตั้งรัฐบาล ฝากไว้ให้คิด แน่ใจ “ภูมิใจไทย” คุมได้จริงหรือ ยังไม่ตอบ ยุบสภา บอก มีกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ ชี้ ต้องเร่งตั้งรัฐบาล ปล่อยเป็นเป็ดง่อยไม่ได้

 


“ภูมิธรรม” เผย รายละเอียดเจรจา “พรรคประชาชน” ตั้งรัฐบาล ฝากไว้ให้คิด แน่ใจ “ภูมิใจไทย” คุมได้จริงหรือ ยังไม่ตอบ ยุบสภา บอก มีกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ ชี้ ต้องเร่งตั้งรัฐบาล ปล่อยเป็นเป็ดง่อยไม่ได้


วันนี้ (1 กันยายน 2568) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพูดคุยกับพรรคประชาชนเมื่อวานนี้ว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ยังอยู่ในจุดที่พรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายจากพรรคร่วมรัฐบาลในการดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล  และเมื่อวานนี้ได้พบกับพรรคประชาชน จริง ๆ แล้วตนเองไม่ต้องเดินทางไป แต่เมื่อมีการถามหา จึงต้องลาการประชุม ก.ตร.ไป ยอมสละ และได้พูดกับพลตำรวจเอกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. โดยได้มอบหมายให้ทำหน้าที่ตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งคิดว่าอนาคตของประเทศมีความสำคัญ แม้จะมีความกินแหนงแคลงใจ ไม่พอใจกันบ้าง ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการทำงาน


นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อวานที่ได้เดินทางไปพรรคประชาชนได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นมาก ก่อนที่จะเข้าไปและหลังจากที่เดินเข้าไปแล้ว ก็รออยู่ไม่มีผู้บริหารรับ และได้เดินเข้าไปพบ 4-5 คนในห้องประชุม ซึ่งเราไปกับตัวแทนพรรคร่วมหลายคน ซึ่งในการพูดคุย ตนเองได้ขอบคุณที่ให้โอกาสมานั่งประชุม ซึ่งในฐานะตัวแทนที่ทุกคนได้มอบหมาย แม้ว่าจะไม่มีหน้าที่ในพรรคเพื่อไทยโดยตรง แต่ก็ทำหน้าที่ในการปฏิบัติงานแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานของ ครม. และเมื่อมีการถามหา ก็จึงเดินทางไป ซึ่งการพูดคุยตนเองได้มีการเสนอว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรครับข้อเสนอทั้งหมดของพรรคประชาชน เป็นเรื่องที่ตรงกัน เพราะว่าวันนี้ประเทศวิกฤต ถึงเวลาที่จะต้องรีเซ็ตการเมืองใหม่ เพราะฉะนั้น การเสนอให้ดำเนินการตามข้อเสนอของพรรคประชาชนเป็นเรื่องที่ดีควรจะทำ และสิ่งที่พรรคประชาชนได้เสนอถามกลับมา ประเด็นแรกคือ รัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่มีเจตนาอะไร หัวใจสำคัญคือการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ผ่านกลไกของ สสร. ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วย


นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยไม่ได้สนับสนุน ซึ่งตนเองก็ไม่ได้จิตใจที่จะใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 เพื่อประกอบใช้ในระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากพรรคประชาชนติดใจเรื่องนี้ก็สามารถถอนออกได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเรายอมรับอยู่แล้วว่าจะร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่


ส่วนเรื่อง MOU43 - 44 นายภูมิธรรม กล่าวว่า เห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็น ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลนี้ หรือรัฐบาลใหม่ ยืนยันไม่มีอะไรติดใจหากจะดำเนินการในเรื่องนี้ และไม่มีประโยชน์อะไรแอบแฝง จึงเห็นควรแนบไปกับประชามติ ถ้าประชาชนเห็นอย่างไรรัฐบาลใหม่ จะได้ดำเนินการตามนั้นวิกฤตเรื่องนี้จะได้จบลง


ส่วนประเด็นที่ดินเขากระโดง และคดีฮั้วสว. นายภูมิธรรม กล่าวว่า จริง ๆ เป็นกระบวนการยุติธรรม จะบอกให้เป็นกระบวนการยุติธรรมก็ได้ และไม่ว่าจะเป็นคดีจากพรรคใด ทั้งที่ดินอัลไพน์ คิดว่าทำได้ทั้งนั้น เพราะว่าอยู่ในกระบวนการ ซึ่งทั้งหมดนี้ตนเองไม่ได้ตอบไปยังพรรคประชาชน แต่ตอบว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุด 


นายภูมิธรรม ระบุว่า เห็นแกนนำพรรคประชาชนหลายคนพูดว่า หัวใจสำคัญของการตัดสินใจเรื่องนี้อยู่ที่การจะดูว่าใครจะอยู่ในความควบคุมได้มากที่สุด ซึ่งตนเองมองว่าไม่น่าจะเป็นการควบคุม ว่าอยู่ที่ว่าสิ่งที่เขาเสนอสามารถเป็นไปตามข้อตกลงได้หรือไม่ ดูเหมือนว่าจะสนใจพรรคภูมิใจไทย แต่ตนเองคิดว่าเรื่องการควบคุมว่ามีเสียงน้อยเสียงมาก หรือจะไปจับมือกับเขา ตนเองคิดว่าการพิจารณาไม่ใช่เรื่องของการควบคุมได้ เพราะตอนนี้หากพูดกันตามความจริงก็ไม่มีใครสามารถควบคุมใครได้ หากคิดว่าไม่ซื่อตรงแล้วจะตัดสินใจก็ตัดสินใจได้  แต่สิ่งสำคัญคือการที่จะปล่อยให้พรรคภูมิใจไทยมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล ในเวลาอีก4เดือน ก่อนจะมีการเลือกตั้ง ขอถามว่าคดีเขากระโดงจะกลับไปเป็นแบบเดิมหรือไม่ ในการตีความของพรรคภูมิใจไทย เพราะขณะนี้อยู่ในกระบวนการที่จะ นำที่ของหลวงกลับมาในช่วงสิ้นเดือนนี้


เช่นเดียวกับเรื่องการฮั้ว สว. ที่กำลังเข้าสู่การเปิดประเด็นจับกุม ซึ่งขณะนี้ติดอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตนเองเชื่อว่า 2 เรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญ  แต่ตนได้บอกไปว่าหากติดใจเรื่องนี้ ก็ไม่เป็นไรแต่ขออย่าให้มีกระบวนการแทรกแซง และไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรตนก็เคารพการตัดสินใจของพรรคประชาชน  แต่เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นหัวใจสำคัญใครจะ ทำเต็มที่ได้มากกว่ากัน ซึ่งพรรคเพื่อไทยยืนยันในเรื่องนี้มาตลอด สิ่งที่เคยเป็นปัญหาในเรื่องบางมาตราที่มีความแตกต่างกัน แต่ในเรื่องการยกมือโหวตตรงกัน คือให้มีการตั้ง สสร.  จึงถามว่าใครคือผู้มีบทบาทในการควบคุม สว. ฝากให้ไปคิด


นายภูมิธรรม ยังระบุต่อว่า หากให้พรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะมีหลักประกันอะไรที่พรรคประชาชน สามารถทำให้เกิดเกิดขึ้น ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้เข้าไปเป็นรัฐมนตรี เพราะพรรคพรรคภูมิใจไทยสามารถทำได้ง่าย จะรอให้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนเองบอกว่าไม่ทัน เชื่อว่าจะดำเนินการไปก่อน เพราะอำนาจในการยุบสภารัฐบาลพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้มีอำนาจในการยื่นเรื่อง และสิ่งสำคัญขออย่าเบี่ยงประเด็นว่าใครจะได้มากได้น้อย หรือพรรคภูมิใจไทยมีน้อยกว่า 100 เสียง สามารถควบคุมได้ โดยการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ


ส่วนพรรคเพื่อไทยยอมรับว่าเคยบาดหมางกัน แต่เรายืนยันใน ข้อตกลงมาตลอด การที่บอกว่าพรรคเพื่อไทยบิดพริ้ว หรือตระบัดสัตย์ 2 ครั้ง ที่มีการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ล้วนเป็นคนของพรรคเพื่อไทยที่เป็นผู้เสนอชื่อทั้ง 2 ครั้ง และทุกเสียงของพรรคเพื่อไทยยกมือให้หมด แต่สิ่งที่บอกคือ สว. จะโหวตให้แต่สุดท้ายไม่เลือก


ส่วนประเด็นสุดท้ายขอเวลา 10 เดือน ซึ่งได้ประกาศไปชัดเจนตั้งแต่แรก ว่ารอการตัดสินใจของพรรคประชาชนไม่ได้ และวันนี้อยากจะร่วมมือกัน ลืมเรื่องเก่า ๆ และอยากจะร่วมมือกัน สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ทุกคนยอมรับว่าปล่อยประเทศ ให้พรรค เพื่อไทย และพรรคประชาชนที่มี 360 เสียงเป็นฝ่ายค้านไม่ได้ ในขณะที่รัฐบาลมีเพียง 143 เสียง ไม่มีประเทศไหนมาเจรจาด้วย เพราะไม่มีความเชื่อมั่นเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้อยู่ในอำนาจของพรรคประชาชน ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ


เมื่อถามว่าหากพรรคประชาชนไม่ร่วม รัฐบาล พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านหรือตัดสินใจยุบสภา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ต้องตัดสินใจว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือยุบสภา เราเสนอประเด็นให้พรรคประชาชนตัดสินใจ ถ้าเขาเลือกพรรคภูมิใจไทยก็เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ ส่วนพรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไร ก็มีกระบวนการตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้วที่จะต้องหาทางออกในหลาย ๆ ทางที่เป็นไปได้ อันนั้นอยู่ที่ดุลยพินิจ ขอให้สถานการณ์ชัด ตอบให้ชัดว่าจะสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย หรือพรรคเพื่อไทย และมีข้อกังวลอะไรบอกมาให้ชัด และข้อกังวลนั้นจะหาทางป้องกันอย่างไร


เมื่อถามถึงกระบวนการของพรรคเพื่อไทย ว่าปลายทางจะไม่เป็นฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เปล่า ยังไม่มีการตัดสินใจ มีแต่เพียงว่า อยากจะร่วมการตั้งรัฐบาล โดยให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ แล้วจะดำเนินการตามนั้น บอกแล้วว่านโยบายมีเยอะ รวมถึงวาระแห่งชาติ คือต้องเปลี่ยนแปลงสภาพการเมืองที่ผิดเพี้ยนแบบนี้ ให้มีการรีเซ็ตใหม่ คือต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ


เมื่อถามอีกว่าในฐานะที่เป็นรัฐบาลเดิม และยังรักษาการอยู่ คิดว่าการจับขั้วเพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ควรจะใช้เวลาเร็วที่สุดเมื่อใด นายภูมิธรรมกล่าวว่า เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น อยากได้เร็วที่สุด เพราะหากปล่อยสภาพแบบนี้ไว้ก็เป็นรัฐบาลเป็ดง่อย ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ทั้งหมดอยู่ที่พรรคประชาชนตัดสินใจ อยากให้รอบคอบ เพราะการตัดสินใจครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญ พรรคประชาชนยังไม่เคยเลือกนายกรัฐมนตรีจากนอกพรรค ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ถ้าจะประเดิมด้วยพรรคภูมิใจไทย ต้องมีหลักประกันว่าประเทศจะไม่เสียหาย


เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะสร้างหลักประกัน หรือความมั่นใจอะไรให้กับพรรคประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นหน้าที่ที่พรรคประชาชนต้องถาม ตนเองก็รอให้สิ่งนั้นเกิด


เมื่อถามว่า วันนี้พรรคประชาชนจะมีคำตอบที่ชัดเจนมาให้กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะเขาบอกว่ากลไกโครงสร้างเยอะ ต้องถามจากส่วนต่าง ๆ ตนเองก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่วันนี้ที่มีประชุม และจะมีคำตอบหรือไม่ อาจจะไม่แน่ใจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ไม่เป็นไร ขอให้พรรคประชาชนใช้เวลาเต็มที่ แต่เมื่อเสร็จแล้วให้แจ้งเราด้วย เพื่อให้เราดำเนินการขั้นต่อไป


เมื่อถามว่า นอกจากพรรคประชาชนแล้วพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังอยู่ด้วยกัน ยังเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังไม่ชัดว่าจะไปต่อและการที่มาร่วมแถลงข่าว อาจเป็นเพียงมารยาททางการเมือง เท่านั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เขาไม่ได้พูดคำนี้ เขาพูดเพียงว่าขณะนี้ เรายังร่วมกันอยู่ ทั้งหมดจะตัดสินใจอย่างไร ขึ้นกับสถานการณ์ ซึ่งเราเคารพอยู่แล้วทุกพรรคต้องพิจารณาตามสถานการณ์การเมือง


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคเพื่อไทย #พรรคประชาชน #พรรคภูมิใจไทย


"จตุพร" จ่อนำมวลชนบุก ป.ป.ช. สนามบินน้ำ จี้ส่งสำนวนศาล รธน. เอาผิด ม.144 "ครม.แพทองธาร" ผลาญงบ 3.5 หมื่นล้านแจกดิจิตัลวอลเล็ต พร้อมกดดัน โหวตเลือกนายกที่รัฐสภา 3-5 ก.ย.นี้

 


"จตุพร" จ่อนำมวลชนบุก ป.ป.ช. สนามบินน้ำ จี้ส่งสำนวนศาล รธน. เอาผิด ม.144 "ครม.แพทองธาร" ผลาญงบ 3.5 หมื่นล้านแจกดิจิตัลวอลเล็ต พร้อมกดดัน โหวตเลือกนายกที่รัฐสภา 3-5 ก.ย.นี้


เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2568 บรรยายการชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แกนนำหลายคนสลับกันขึ้นเวทีปราศรัยอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีสายฝนตกโปรย โปรยปรายลงมาอย่างหนัก ขณะที่มวลชน ยังคงยืนฟังปราศรัยติดขอบเวที พร้อมกางร่มไปด้วย


อย่างไรก็ตาม การชุมนุมยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างหนักในช่วงที่ นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังปราศรัย ซึ่งมีการปลุกใจว่ามวลชนยังคงยืนหยัดฟังการปราศรัย และแสดงพลัง แม้จะมีสายฝนตกลงมาก็ตาม


ต่อมาเมื่อเวลา 20.40 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. ขึ้นกล่าวปราศรัยเป็นคนสุดท้ายในตอนหนึ่งว่า การตัดสินใจชุมนุมกันในวันนี้ ทั้งพี่น้องประชาชน คณะรวมพลังแผ่นดิน ต่างฝ่ายก็ต่างตัดสินใจด้วยความเร่งรีบหลายคนมีภารกิจ พี่น้องประชาชนหลายคนก็เตรียมตัวกันไม่ทัน แต่เราดูห้วงเวลา นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มีการเร่งในการจัดตั้งรัฐบาล คณะรวมพลังแผ่นดินนั้น ได้ประกาศมาตรการข้อแรก คือไม่เอาแคนดิเดต ของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยโดยเด็ดขาด


กรณีหากพรรคประชาชนไม่เลือกใครเท่ากับเลือกพรรคเพื่อไทย หรือหากเลือกพรรคภูมิใจไทยเป็นสิ่งที่เราไม่เอาด้วยตั้งแต่ต้น ซึ่งยืนยันว่าไม่เลือกใคร และไม่เอา "พรรคเพื่อไทย" และนายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม เป็นนายกฯ และจะขุดรากถอนโคนระบอบ "ทักษิณ ชินวัตร" 


อย่างกรณีปัญหาชายแดนกัมพูชา ยังไม่มีวันจบลง ถ้าหากไม่ได้รัฐบาล ที่เป็นเนื้อเดียวกับกองทัพ และเป็นเนื้อเดียวกับประชาชนก็รบไม่ชนะ เช่นเดียวกับปัญหาชายแดนภาคใต้ มีปัญหาจากนโยบายผิดพลาด ตั้งแต่ปี 2547 ผ่านมา 21 ปี ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา


"ถ้าได้นายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากพรรคเพื่อไทยจะต้องอยู่ใต้เงื่อนไขของประชาชน ทั้ง 6 ข้อเรียกร้องและยกเลิก MOU43-44 รวมถึงยกเลิกฟรีวีซ่าด้วย"


"กรณีเรื่องที่ดินเขากระโดงมีหลายคนบอกว่าทำไมตนถึงไม่พูดถีง ซึ่งตัวนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กลับไม่มีการเพิกถอน รวมถึงที่ธรณีสงฆ์สนามกอล์ฟอัลไพน์ ทำไมไม่ยึดกลับมาให้วัดเหมือนเดิม"


นายจตุพร ยังฝากถึงพรรคประชาชนว่ามี ทั้งเรื่องเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่อย่าหลอกลวงประชาชน


ขณะที่นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา ระบุถึงกรณีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่กำลังจะเกิดขึ้น มองว่าจะไม่ยอมโหวตเลือกแคนดิเดตคนใด พร้อมเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนไปชุมนุมที่รัฐสภา ในวันที่ 3-5 ก.ย.68 ด้วย และวันอังคารที่ (2 ก.ย.) จะพามวลชนไปยัง สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำกรณีที่ตนยื่นถอดถอน​ คณะรัฐมนตรี​ ส.ส.และ​ ส.ว.​ หลังพบว่า การกระทำผิดฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา​ 144 และมาตรา 88 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต​ กรณี​ตัดงบประมาณ 35,000 ล้านบาท ที่เป็นส่วนของการเงินชำระเงินต้นของเงินกู้​ ตามมาตรา 28 ของ​ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ซึ่งตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า ห้ามมิให้แตะต้องเงินงบประมาณดังกล่าว จากนั้น​นำเงิน​ 3.5 หมื่นล้านบาท ที่ปรับลดมาแล้วไปเป็นงบกลางเพื่อใช้จ่ายในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เติมเงิน 10,000 บาท​ ผ่านดิจิตอลวอลเล็ต​ โดยยื่นร้องไปเมื่อวันที่​ 25 เมษายน​ 2568 เพื่อให้ ป.ป.ช. ส่งสำนวนไปยังศาลรัฐธรรมนูญก่อนมีคำสั่งวินิจฉัยภายในเวลา 15 วัน ด้วย


ทั้งนี้ในช่วงท้ายของกิจกรรมการปราศรัยในครั้งนี้ กลุ่มแกนนำ ได้มีการนำมวลชนร้องเพลงสรรเสริญบารมี ก่อนจะแยกย้ายทันที


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน #ม็อบ31สิงหา









แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาทรงประชวร ฉบับที่ 6

 


แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาทรงประชวร ฉบับที่ 6


แถลงการณ์สำนักพระราชวังฉบับที่ 6 


ตามที่สำนักพระราชวัง ได้มีแถลงการณ์ เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระประชวรหมดพระสติ ด้วยพระอาการทางพระหทัย และทรงเข้ารับการรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มาตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม พุทธศักราช 2565 และแพทย์ผู้ผู้ถวายการรักษาได้รายงานว่าทรงมี พระอาการแทรกซ้อนด้วยการติดเชื้อที่รุนแรงในพระกระแสโลหิตในวันที่ 9 สิงหาคม พุทธศักราช 2568 ความทราบทั่วกันแล้วนั้น


คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา ได้รายงานเพิ่มเติมว่า พระอาการติดเชื้อโดยรวมดีขึ้น ความดันพระโลหิตคงที่หลังจากได้หยุดถวายพระโอสถกระตุ้นความดันพระโลหิต คณะแพทท์ยังคงถวาย พระโอสถปฏิชีวนะเพื่อควบคุมการติดเชื้อ และยังต้องถวายเครื่องช่วยการทำงานของพระปัปผาสะ (ปอด) และพระวักกะ (โต) อย่างต่อเนื่อง คณะแพท์ยังต้องเฝ้าติดตามพระอาการและถวายการรักษาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ หากพบว่าพระอาการโดยรวมมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ จะมีแถลงการณ์ในลำดับถัดไป


จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน

สำนักพระราชวัง

31 สิงหาคม พุทธศักราช 2568


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์