“ภัทรพงษ์” ชี้รัฐบาลแพทองธาร 90 วัน
ไร้การเตรียมการรับมือฝุ่น PM2.5 แนะนายกฯ
เปิดใจรับฟังมากกว่านี้ เริ่มที่มาตอบกระทู้สดวันพฤหัสหน้า ย้ำปัญหานี้รอไม่ได้
วันที่
13 ธันวาคม 2567 ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ รองโฆษกพรรคประชาชน
และ สส.เชียงใหม่ เขต 8 กล่าวถึงการแถลงผลงานในรอบ 90
วันของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ในประเด็นการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5
ว่าเป็นอีกครั้งที่นายกฯ แสดงถึงความไม่เข้าใจในปัญหา PM2.5 เพราะช่วงเวลาที่ต้องทำงานหนักอย่างเข้มข้นที่สุดคือการเตรียมการรับมือล่วงหน้า
ดำเนินมาตรการต่างๆ ให้ความชัดเจนกับหน่วยงานของรัฐ ประชาชน เกษตรกร
รวมถึงผู้ประกอบการ ให้ได้วางแผนล่วงหน้าตามมาตรการที่ชัดเจนของรัฐบาล แต่ผ่านมา 90
วัน กลับไม่มีมาตรการใดๆ เลย
และยังเลือกที่จะนำเสนอข้อมูลในมุมเดียวที่ว่า
สามารถลดพื้นที่เผาไหม้ในจังหวัดเชียงใหม่ลงได้ โดยไม่พูดความจริงที่ว่า
พื้นที่การเผาไหม้ในปี 2567 ของทั้งประเทศนั้นเพิ่มขึ้นจากปี
2566 และเป็นพื้นที่เผาไหม้การเกษตรที่เพิ่มขึ้นกว่า 4
ล้านไร่
หากนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับสภาฯ
และรับฟังมากกว่านี้ 90
วันที่ผ่านมาไม่มีทางสูญเปล่า
เพราะในวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาลแพทองธาร
ตนได้อภิปรายแนวทางการเตรียมพร้อมรับมือปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 อย่างชัดเจนทุกๆ
ด้าน เป็นแผนปฏิบัติการอย่างชัดเจนว่าแต่ละเดือนต้องดำเนินการอะไรบ้าง
นำเสนอภาพปัญหาการเผาไหม้ภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณในปี 2567 ของพืชที่มีการเผาไหม้หลักๆ 3 ชนิด คือ ข้าว อ้อย
และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ที่ต้องมีการประกาศมาตรการล่วงหน้าเพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการได้วางแผนปรับตัวได้ทัน
แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการใดๆ เลย
(1)
ข้าว รัฐบาลมีโครงการสนับสนุนชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่
แต่กลับไม่มีการเพิ่มเงื่อนไขห้ามเผาเข้าไปในมาตรการนี้
ทั้งที่จะเป็นการเริ่มต้นเพิ่มแรงจูงใจ ลดการเผาไหม้ได้เป็นอย่างดี
(2)
อ้อย ตอนนี้อ้อยเริ่มเปิดหีบแล้ว อ้อยเผาเข้าสู่โรงงานแล้ว
แต่รัฐบาลยังไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาบังคับใช้ นายกฯ
กล่าวในการแถลงผลงานว่าต้องจริงจังมากขึ้นเรื่องการเผาอ้อย
โดยเฉพาะโรงงานน้ำตาลทราย แต่ถึงวันนี้ไม่มีการดำเนินการใดๆ สิ่งที่เห็นลางๆ
มีเพียงสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายที่เสนอมาตรการสนับสนุนชาวสวนไร่อ้อยตัดอ้อยสด
120 บาทต่อตันในการประชุม ครม.สัญจรเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน และขอให้รัฐบาลมีมติ ครม. ก่อนเปิดหีบอ้อยในฤดู 67/68 นี้ แต่รัฐบาลกลับนิ่งดูดาย และร่างระเบียบ กอน. ว่าด้วยการตัดและส่งอ้อยฯ
ที่จะออกมาตรการปรับโรงงานที่รับอ้อยเผาต่อวันเกิน 25% 130 บาทต่อตัน
ก็ยังอยู่ในชั้นรับฟังความคิดเห็น ทั้งๆที่อ้อยเปิดหีบกันไปแล้ว
(3)
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ นายกฯ
ประกาศทุกครั้งว่าจะไม่รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีที่มาจากการเผา
แต่จนถึงวันนี้ยังเป็นเพียงคำพูดลอยๆ ไม่มีมาตรการใดออกมา
ทั้งที่ตนชี้แนวทางชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นการออกมาตรฐานบังคับข้าวโพดไม่เผาที่จะมีผลบังคับใช้ทั้งในประเทศและการนำเข้า
ป้องกันปัญหาเรื่องการละเมิด National Treatment ปฏิบัติกับต่างประเทศอย่างไรก็ต้องปฏิบัติกับในประเทศอย่างนั้น
แล้วออกหลักเกณฑ์การตรวจสอบข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตลอดห่วงโซ่อุปทานของผู้ผลิตอาหารสัตว์
หลังจากนั้นจึงออกประกาศนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แบบปลอดภาษีให้สอดคล้องกัน
โดยให้มีการระบุ Geo-location ของแปลงเพาะปลูกเพื่อการตรวจสอบย้อนกลับ
หรือการใช้ข้อยกเว้นการค้าเสรีของ WTO ข้อ B และ G ตนก็เคยเสนอไปแล้วในการอภิปรายทั่วไปเมื่อเดือนเมษายน
2567 เช่นกัน แต่ทั้งหมดนี้นายกฯ
ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร
ภัทรพงษ์กล่าวต่อว่า
ไม่ใช่เพียงภาคเกษตรเท่านั้นที่เราต้องเร่งดำเนินการ
ภาคป่าไม้ก็ถูกเพิกเฉยไม่แพ้กัน
โดยเฉพาะพื้นที่ป่าสงวนที่รัฐบาลตัดงบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นเจ้าภาพหลักในการดับไฟป่าในเขตป่าสงวน
จาก อบต. ทั้งหมด 1,801 แห่ง ปัจจุบันได้งบประมาณเพียง 90 แห่งเท่านั้น
และสุดท้ายที่นายกฯ
ได้พูดไว้ว่า จะคืนสุขภาพที่ดีให้ประชาชนคนไทยทุกคน
แต่จนถึงวันนี้รัฐบาลยังไม่มีมาตรการป้องกันหรือเฝ้าระวังโรคมะเร็งปอดจากปัญหา PM2.5 ทั้งที่ตนได้อภิปรายนำเสนอไปหลายต่อหลายครั้งว่าให้ทบทวนประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยโรคที่ต้องเฝ้าระวังจาก
PM2.5 ให้เพิ่มโรคมะเร็งปอดเข้าไปด้วย
และเพิ่มสิทธิการตรวจมะเร็งปอดแบบ Low dose CT scan ให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ประสบค่าฝุ่น
PM2.5 มาเป็นเวลานาน
ทั้งหมดนี้หากรัฐบาลเปิดใจรับฟังและนำไปดำเนินการ
วันนี้นายกฯ แพทองธารคงมีผลงานรัฐบาล 90 วันให้แถลงจริงๆ
ไม่ใช่แค่จัดงานแถลงโดยไม่มีผลงาน
เพื่อหนีการตอบกระทู้ในสภาแบบเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา