“พิชัย”
ถกทูตจีน จับมือแก้ปัญหาสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐาน ก่อนประชุมใหญ่ 16
หน่วยงานบ่ายนี้ พร้อมขอจีนเร่งซื้อ มันสำปะหลัง วัว ข้าว จากไทยต่อเนื่อง
วานนี้
(8 ธันวาคม 2567) นายพิชัย นริพทะพันธุ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หารือกับนายหาน จื้อเฉียง
เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และคณะ โดยมี นายวุฒิไกร
ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนางอารดา เฟื่องทอง
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเข้าร่วม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าของสองประเทศในประเด็นต่างๆ
ทั้งการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
และการขอความร่วมมือรับซื้อสินค้าเกษตร ทั้งข้าวและมันสำปะหลังจากไทย
เพื่อเพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้าเกษตรไทย
นายพิชัย
กล่าวว่า นับตั้งแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีพาณิชย์ ได้พบปะพูดคุยกับนายหาน จื้อเฉียง
เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อแสวงหาความร่วมมือระหว่างจีนและกระทรวงพาณิชย์ และเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 67 ที่ผ่านมา ท่านทูตฯเองได้สละเวลา
และยกคณะมาประชุมที่กระทรวงพาณิชย์ร่วมกัน
เพื่อปลดล็อกความกังวลเรื่องสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ซึ่งในเรื่องนี้เราตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาโดยคำนึงถึงมิตรภาพ
และความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในทุกมิติ
ไม่ทำให้กังวลหรือกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
เน้นการปฏิบัติตามหลักระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งฝ่ายจีนเข้าใจเป็นอย่างดี
และได้ช่วยเหลือกันในหลายเรื่องจนสำเร็จ
ล่าสุดตนได้รับรายงานว่า
เมื่อ 11 พ.ย.67 ที่ผ่านมา ทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ TEMU
ก็ได้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
กระทรวงพาณิชย์ โดยใช้ชื่อบริษัท เวลโค เทคโนโลยี จํากัด
และทางจีนก็ยินดีที่จะส่งเสริมการส่งออกสินค้า SME ไทยให้เข้าไปจำหน่ายในจีนทั้งออฟไลน์และออนไลน์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรูปแบบใหม่
นายพิชัย
กล่าวต่อว่า ท่านนายกรัฐมนตรีห่วงใยปัญหาต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
ได้แต่งตั้งให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
เพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการที่จำเป็นเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ (9 ธ.ค. 67) ตนได้เรียกประชุมคณะกรรมการฯ กับ 16 หน่วยงาน
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งออกมาตรการที่จะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ
นอกจากนั้น
ตลาดจีนเป็นตลาดใหญ่
ตนจึงได้ขอความร่วมมือจากทางการจีนพิจารณารับซื้อสินค้าเกษตรจากไทย
ซึ่งจะเป็นผลดีต่อพี่น้องเกษตรกรไทยอย่างยิ่ง และจากการหารือกันในเบื้องต้น
ทางจีนยินดีที่จะสนับสนุนเกษตรกรไทย โดยจะพิจารณาซื้อข้าวจากไทยอีก 280,000
ตัน จากสัญญา 1 ล้านตันให้ได้โดยเร็ว
เพื่อจะได้ปิดดีลครบสัญญาการซื้อขายข้าว G to G ระหว่าง COFCO
และกรมการค้าต่างประเทศ ที่ลงนามใน MOU กันไว้ตั้งแต่ปี
2558
พร้อมทั้งเร่งผลักดันผู้นำเข้าจีนให้รับซื้อมันสำปะหลังของไทย
ที่ผลผลิตกำลังจะออกมามากในช่วงนี้ เพื่อช่วยเกษตรกรไทยกว่า 7
แสนครัวเรือน เนื่องจากราคามันสำปะหลังตกต่ำ ทั้งยังจะผลักดันให้
สำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน (GACC) และกรมปศุสัตว์ไทย
บูรณาการกันและเร่งขับเคลื่อนให้จีนสามารถนำเข้าโคมีชีวิตจากประเทศไทยได้
“ในปี 2568 จะเป็นปีเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน
กระทรวงพาณิชย์จะมีกิจกรรมร่วมกับทางการจีนหลายเรื่อง
เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างผู้ประกอบการไทยและจีนต่อไป
โดยในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม
และทางการจีนพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ เข้ามาแก้ปัญหานี้อย่างเต็มที่
ตัวท่านทูตหานได้กล่าวในการหารือเป็นอย่างดีว่า
ความสัมพันธ์ไทยจีนเหมือนป่าไม้ใหญ่ที่ต้องเจริญรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์ต่อไปภายภาคหน้า
แต่ปัญหาต่างๆ เหมือนหนอน ซึ่งตัวเล็กมาก ต้องจับออกไป
เพื่อให้ป่าอุดมสมบูรณ์ต่อไป ผมคิดว่านี่เป็นแนวทางแก้ปัญหาที่เดินมาถูกทาง
เราต้องส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดี และการค้าของสองฝ่ายให้เติบโตยิ่งขึ้นไป”
นายพิชัยกล่าว