ศาลยกฟ้อง “แหวน พยาบาลอาสา” คดีหมิ่น ม.112 หลังสู้คดีมา 7 ปี
ยูดีดีนิวส์
: วันที่ 28 ม.ค. 64 เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นางณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือ แหวน พยาบาลอาสา
สมาชิกกลุ่มเลือกข้างประชาธิปไตย เดินทางมายังศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อเข้ารับฟังคำตัดสินในคดีดำ
อ.1092/62 เรื่องหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้าย
หลังพนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรีเป็นโจทก์ยื่นฟ้องในคดีดังกล่าว ซึ่งเป็นคดีข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 112 โดยก่อนหน้านั้นศาลได้นัดสืบพยานไปเมื่อวันที่ 10
พ.ย. 63 ที่ผ่านมา
จนกระทั่งศาลจังหวัดนนทบุรีพิพากษาคดีในวันนี้
หลังจากเข้ารับฟังคำตัดสินในคดีดังกล่าวได้เพียง
15 นาที นางณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือ แหวน
ได้เดินกลับออกมาที่หน้าศาลจังหวัดนนทบุรี ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและดีใจ
ท่ามกลางกลุ่มเพื่อน ๆ ที่เดินทางมาให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง รวมทั้ง น.ส.ปนัสยา
สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำคณะราษฎร ซึ่งเดินทางมาร่วมให้กำลังใจและแสดงความยินดี
แหวน
กล่าวว่า ขณะที่เข้าไปฟังคำตัดสินของศาล เจ้าหน้าที่ศาลได้กักตนไว้คนเดียว
ห้ามญาติเข้าและทนายความก็ยังมาไม่ถึง จากนั้นศาลได้อ่านคำตัดสิน
ให้ยกฟ้องในคดีดังกล่าว โดยศาลให้เหตุผลว่า หลักฐานที่นำมาฟ้องของ พล.ต.วิจารณ์
จดแตง และ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล (ยศในขณะนั้น) เป็นหลักฐานที่ตรวจสอบที่มาที่ไปไม่ได้
เป็นข้อความทางไลน์ที่คัดลอกออกมาเป็นกระดาษเอสี่เพียงแผ่นเดียว แต่ตนถูกบังคับ
ทรมานต่าง ๆ ในศาลทหารขณะนั้นให้เซ็นรับกระดาษใบนี้ จนเป็นที่มาของการต่อสู้คดีถึง
7 ปี วันนี้การที่ศาลได้พิพากษาตัดสินคดีเป็นอันสิ้นสุด
ก็เหมือนได้คืนความเป็นธรรมให้กับตนแล้ว
ศาลอ่านคำพิพากษาว่าหลักฐานขาดความน่าเชื่อถือ
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ตรวจพิสูจน์หลักฐานและไม่สามารถยืนยันที่มาของหลักฐานได้ว่ามีที่มาอย่างไรไง
ไม่มีมูลเหตุของหลักฐานในโทรศัพท์มือถือ หลักฐานเอามาจากกลุ่มไลน์ DPN แอนด์เพื่อนเม้าท์ ไม่สามารถนำมาฟ้องและสืบต่อได้
โดยทำออกมาเป็นกระดาษหนึ่งแผ่นที่มีตนอยู่ในกลุ่มนั้นและมีการคุยแชท
พยานคนสำคัญที่อยู่ในกลุ่มไลน์ยืนยันว่าไม่รู้จักตนและยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนพิมพ์ข้อความนั้น
ถือเป็นการรอคอยอิสระนานถึง 7 ปี
ตนรู้สึกดีใจมากและทำให้ตนได้รับรู้ว่าขบวนการความยุติธรรมในประเทศไทยยังมีอยู่จริง
ถึงแม้จะต้องใช้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ความจริงก็ตาม
แหวน
กล่าวว่า สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ตนถูกจับเรื่องคดีก่อการร้าย
และเป็นคดีที่ตนไม่รู้ว่ามันมาได้อย่างไร คดีเรื่องก่อการร้ายตนก็ไม่รู้เรื่อง
แต่ที่ตนต้องรับเพราะตนถูกจับปิดตา ถูกกระทำอนาจารตั้งแต่ถูกอุ้มค้นรถเข้าไปในค่ายทหาร
มีการทำอนาจารจับหน้าอก ใช้อาวุธปืนกระแทกที่ท้ายทอย
ข่มขู่ให้รับสารภาพและให้ไปสู้ในชั้นศาล ซึ่งใช้เวลา 7 ปี ที่ถูกสังคมประณามว่าเป็นคนไม่ดี
ซึ่งสังคมได้ตัดสินตนไปแล้ว แต่ศาลกลับเพิ่งตัดสินใจคืนความเป็นธรรมให้ตนในวันนี้
“ฝากบอกถึง
พล.ต.อ.ศรีวราห์ ด้วยว่าสิ่งที่คุณทำน่ารังเกียจมาก ภาษาราชการเขาพูดว่า คุณ คะ
ครับ ผม เจ้านาย ไม่ใช่ กู มึง และสัตว์ต่าง ๆ หลังจากนี้จะมีการดำเนินการต่อ
เพราะการต่อสู้มันยังไม่จบ แนวทางต่อไป ตนจะปรึกษาทนายความ
เพื่อจะดำเนินการกับชุดจับกุมทั้งหมด ให้ทุกคนได้รับผลกระทบนี้กลับไป
เพื่อให้เป็นบทเรียนกับชุดจับกุมว่าไม่ควรปฏิบัติชั่ว ๆ กับประชาชนไม่ว่าเขาจะเป็นใคร
เป็นลูก เป็นเมียหรือลูกหลานใคร ไม่ควรทำอนาจารเขา ไม่ควรจับนม จับของลับเขา
มันเป็นของสงวนที่พ่อแม่ให้มา ไม่ควรไปละเมิดสิทธิ์เขา ใช้อำนาจข่มขู่บังคับให้ยอมรับในสิ่งที่กลุ่มเหล่านี้ต้องการ”
แหวนกล่าวในที่สุด
ประมวลภาพ